7 โปรแกรมเที่ยวเมืองชนบทใกล้ๆปารีส วางแผนเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับด้วยตัวเอง 2568

Photo by Simon Matzinger from flickr.com/photos/simonmatzinger/13284596793/ [CC by 2.0]
นักท่องเที่ยวส่วนมากเวลานึกถึงฝรั่งเศสมักจะนึกถึงปารีส เมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยความทันสมัย, ความสวยงาม, ศิลปะ และแหล่งช็อปปิ้ง แต่ถ้าคุณเก็บแลนด์มาร์คสำคัญๆเรียบร้อยแล้วแต่ยังเหลือเวลาเที่ยว หรืออยากรู้จักฝรั่งเศสในมุมมองอื่นๆบ้าง แต่ไม่อยากไปไกลจากปารีสมากนัก ตามเรามาได้เลย เพราะเราได้คัดเลือก เมืองชนบทเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์ และสวยงามใกล้ๆปารีส เพื่อมาเติมเต็มทริปเที่ยวของคุณให้กลายเป็นทริปที่น่าประทับใจมากกว่าที่เคย
1. โปรแวงส์ (Provins)

Photo by Myrabella from commons.wikimedia.org/wiki/File:Provins_ville-haute_place_du_Chatel.jpg [CC by-sa 3.0]
เช้า : เที่ยวชมเมือง Upper Town ตั้งอยู่บนที่ราบสูงBrie ที่บ้านเรือนขนาดเล็กถูกสร้างด้วยหินแบบโบราณ เหมือนหลุดเข้าไปในอดีต ซึ่งสามารถนั่งรถเมล์เบอร์ 50 จากสถานีรถไฟ Provins มาหนึ่งป้าย หรือเดินมาก็ได้เพราะไม่ไกลมากนัก แถวๆนี้จะมีแหล่งท่องเที่ยวเด่นๆนั่นคือ ป้อมปราการของเมืองโปรแวงส์ ( The ramparts and the fortified gates) และ คฤหาสน์โบราณ (The Maison romane or the Romanesque House) มีความเก่าแก่มากที่สุดของเมืองโปรแวงส์ และภายหลังได้มีการเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์
กลางวัน : แวะชิมร้านอาหารท้องถิ่นแถวๆ Chatel le Dome ที่จะมีร้านอาหารบรรยากาศเมืองเก่า พร้อมเสิร์ฟเมนูพื้นเมือง พร้อมทานขนมจิบชากุหลาบหอมๆ อาจซื้อของฝากขึ้นชื่ออย่างขนม ลูกอม หรือสินค้าอีกมากมายที่มีกลิ่นกุหลาบที่ถือเป็นของขึ้นชื่อของเมืองนี้
บ่าย : เดินย่อยอาหารเบาๆจากแถบ Chatel le Dome มายังหอคอยเซซาร์ (la Tour Cesar)สัญลักษณ์สำคัญของเมืองโปรแวงส์ ที่ในอดีตถือเป็นจุดสังเกตการณ์และคุมขังนักโทษ ขึ้นไปด้านบนสามารถชมวิวเมืองได้แบบ 360 องศา แล้วเดินไปอีกนิดก็จะได้ชมโบสถ์ La Collegiale Saint-Quirace ต่อด้วย Tithe Barn สถานที่ที่มีการจัดแสดงการจำลองความเป็นอยู่สมัยยุคกลางทั้งรูปแบบความเป็นอยู่ การทอผ้า และการค้าขาย
2. มงแซ็งมีแชล (Mont Saint Michel)

Photo by Falcon® Photography from flickr.com/photos/falcon_33/33978656056/ [CC by-sa 2.0]
เช้า : เป็นสิ่งแรกสุดที่ควรต้องมาเยือนเมื่อมาถึงยังที่นี่นั่นคือการเข้าชมวิหาร โดยเดินเยี่ยมชมความงดงามตระการตาของตัววิหารที่มีความโอ่อ่ากว้างใหญ่ และยังมีส่วนที่เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงประวัติความเป็นมารวมไปถึงสิ่งของยุคโบราณให้ได้ชมกัน
กลางวัน : แวะพักเต็มพลังตามร้านอาหารที่ตั้งอยู่รอบๆ ซึ่งราคาอาจจะสูงอยู่บ้าง แนะนำร้าน La Sirène Lochet ที่นี่โดดเด่นเรื่องเมนูเครป บรรยากาศสบายๆและบริการสุดเลิศ
บ่าย : เพลิดเพลินไปกับการเดินชิวๆชมบรรยากาศเมือง เพื่อซึมซับถึงเสน่ห์ของบรรยากาศที่ยังคงกลิ่นอายความเป็นอดีต อันเต็มไปด้วยเส้นทางที่บางส่วนมีความความคดเคี้ยว ดูภายนอกอาจจะแลเห็นเมืองเป็นขนาดเล็กๆ แต่หากได้ลองเดินจะรู้ว่าก็ใช้เวลาในการสำรวจพอสมควรอยู่เหมือนกัน พร้อมกันนั้นยังสามารถแวะร้านต่างๆเพื่อซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับไปเป็นของที่ระลึก
3. ชิแวร์นี่ (Giverny)

Photo by Michal Osmenda from commons.wikimedia.org/wiki/File:Claude_Monet_house_and_garden_in_Giverny_(8741496041).jpg [CC by-sa 2.0]
เช้า : เข้าชมบรรยากาศภายในบ้านศิลปะของศิลปินชื่อดัง Claude Monet ที่พิพิธภัณฑ์บ้านโมเน่ (Monet’s house)ตัวบ้านมีการออกแบบที่น่ารักมีไม้เลื้อยๆทั่วให้ความรู้สึกคลาสสิคมากๆ พร้อมเดินชมสวนสวยของบ้านที่ถือเป็นไฮไลท์สำคัญที่แบ่งออกเป็น 2 ส่วน นั่นคือ สวนดอกไม้สไตล์อังกฤษ และสวนไม้น้ำที่ตรงกลางมีสระบัวที่เป็นต้นกำเนิดของภาพวาดดอกบัว “Water Lilies” อันแสนโด่งดังของโมเน่
กลางวัน : แวะพักมาทานอาหารมื้อกลางวันที่ร้าน Les Nymphéas ที่มีการตกแต่งสไตล์ชนบทง่ายๆ แต่น่ารักมากๆ เมนูอาหารมีตั้งแต่อาหารง่ายๆอย่างแซนวิชหรือสลัดที่เน้นใช้วัตถุดิบพื้นที่ ไปจนถึงอาหารจานหลัก ที่สำคัญอาหารอร่อย ราคาไม่แรงมาก บรรยากาศดีสุดๆ
บ่าย : เดินมาอีกนิดจาก พิพิธภัณฑ์บ้านโมเน่ จะพบพิพิธภัณฑ์อิมเพรสชั่นนิมส์ โดยจะมีการจัดแสดงผลงานศิลปะแนวอิมเพรสชั่นนิมส์จากศิลปินชื่อดังแบบหมุนเวียนไม่ซ้ำกันตามฤดูกาล
4. รูอ็อง(Rouen)

Photo by Uwe Aranas from commons.wikimedia.org/wiki/File:Rouen_France_Market-Square-01.jpg [CC by-sa 2.0]
เช้า : ชื่นชมความอลังการงานสร้างของ มหาวิหารรูอ็อง (Notre-dame De Rouen) ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ที่เคยได้ชื่อว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างที่สุดที่สุดของยุโรป สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิค ภายในโบสถ์มีภาพวาดโบสถ์รูอ็องสไตล์อิมเพรสชั่นนิมส์โดย Claude Monet มากถึง 28 สไตล์
กลางวัน : เดินมายังมหาวิหารรูอ็อง (Notre-dame De Rouen) ซึ่งเป็นย่านการค้าหลักที่เต็มไปด้านร้านอาหาร ร้านขนมมากมาย พร้อมลองชิมอาหารท้องถิ่นที่น่าสนใจอย่าง ขนมปังไซเดอร์ ไส้กรอกนอร์มังดี เค้กแอปเปิ้ล และเบียร์ท้องถิ่น
บ่าย : เดินเล่นชมบรรยากาศของเมืองที่ยังคงกลิ่นอายยุคเก่าจากอาคารต่างๆ พร้อมเดินไปยังอีกแลนด์มาร์กสำคัญๆของเมืองอย่างหอนาฬิกาโกรซอร์ลอซ (Le Gros Horloge Astronmical Clock)เห็นได้ง่ายเพราะอยู่บนถนนสายหลักของเมือง มีหน้าปัดที่เป็นลักษณะเปลวพระอาทิตย์สีทองอร่ามดูหรูหรา เดินต่อมาอีกนิดจะเจอโบสถ์โจน ออฟ อาร์ก (The Church of Joan of Arc) ภายในมีการตกแต่งได้ดูอ่อนช้อย ประดับประด้วยกระจกหลากสี
5. แร็งส์ (Reims)

Photo by Victorgrigas from commons.wikimedia.org/wiki/File:Porte_Mars_Arch,_Reims,_France_09.jpg [CC by 2.0]
เช้า : นั่งรถบัสท่องเที่ยวจากสถานี Reims มาลงที่มหาวิหารแร็งส์ (Notre-Dame de Reims) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก โดยสถานที่ให้ความรู้สึกถึงความเก่าแก่ รวมทั้งมีศิลปะการสร้างที่ดูละเอียดลอองดงามในทุกๆส่วน ผสมผสานความรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่จะประดับตกแต่งบานกระจกแบบหลากสีสัน มีลักษณ์ตัววิหารสูงใหญ่โออ่า พร้อมเข้าชมในส่วน Palais du Tau ที่เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้เกี่ยวกับพระราชพิธีราชาภิเษก “อาทิ เสื้อคลุมกษัตริย์ Charles X ฉลองพระองค์ รวมไปถึงเครื่องประดับต่างๆ”
กลางวัน : และเต็มพลังจากขนมปังหรืออาหารง่ายๆอย่างแซนวิชจากร้านค้าแถวๆนั้น ซึ่งที่เมืองแห่งนี้ยังมีสินค้าขึ้นชื่ออีกอย่างคือ บิสกิตสีชมพู แบรนด์ Fossie ที่จะมีความเบาๆคล้ายกับมอแรงก์ แต่ละมีความกรุบๆมากกว่า
บ่าย : ไปเยี่ยมชมศูนย์ผลิตแชมเปญ ที่จริงๆมีให้เลือกหลายแห่งบริเวณด้านหน้าของมหาวิหารแร็งส์ ที่ใกล้ที่สุดสามารถเดินไปได้แนะนำที่ Veuve Clicquot โดยจะมีไกด์พาเข้าชมห้องเก็บแชมเปญที่อยู่ชั้นใต้ดิน ที่สำคัญยังได้ลองชิมแชมเปญกันอีกด้วย
6. แวร์ซาย (Versailles)

Photo by Simon Matzinger from flickr.com/photos/simonmatzinger/13284596793/ [CC by 2.0]
เช้า : เที่ยวชมความหรูหราอลังการของพระราชวังแวร์ซายที่ได้รับการยอมรับว่างดงามมากที่สุดในโลก เข้าชมห้องต่างๆที่ไม่ควรพลาดอย่างห้องกระจก (The Hall of Mirrors) ที่เต็มไปด้วยกระจกที่ถือว่าเป็นสุดยอดสินค้าฟุ่มเฟือยราคาแพงมากๆในยุคนั้น บนเพดานก็คลาดสายตาไม่ได้เพราะมีภาพวาดที่สุดแสนจะตระการตา ถือได้ว่างามอย่างหมดจดทุกทิศจริงๆ
กลางวัน : พักทานอาหารมือกลางวันที่ร้าน Creperie la Place ที่อยู่ใกล้ๆกับพระราชวังแวร์ซาย เมนูเครปฝรั่งเศสขึ้นชื่อสุดๆ เป็นร้านเล็กๆบรรยากาศง่ายๆ และต่อตบท้ายด้วยมาการองร้านแรกของโลกชื่อว่า Laduree ที่ตั้งอยู่ชั้นล่างของพระราชวังแวร์ซาย
บ่าย : แล้วต่อด้วยการมาทัวร์ในส่วนของอุทยานแห่งพระราชวังแวร์ซาย ที่ต้องเสียค่าเข้าชมต่างหาก อุทยานแห่งนี้ยิ่งใหญ่สวยสมกับการเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังแห่งนี้มากๆ โดยได้รับการออกแบบสวนจากสถาปนิกแต่งสวนระดับโลกนามว่า เลอโนทด์ และถือว่าเป็นต้นแบบของสวนสไตล์ฝรั่งเศสเลยทีเดียว
7. ฟงแตนโบล (Fontainebleau)

Photo by Jean-Pierre Dalbéra from commons.wikimedia.org/wiki/File:La_cour_du_cheval_blanc_(Château_de_Fontainebleau).jpg [CC by-sa 2.0]
เช้า : นั่งรถบัสสาย 1 หน้าสถานี Fontainebleau-Avon ใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพื่อเข้าชมยังพระราชวังฟงแตนโบล (Palace of Fontainebleau)ที่นับว่าเป็นอีกหนึ่งพระราชวังสุดยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของโลก มีการตกแต่งที่หรูหรามีแฝงไปด้วยความคลาสสิค ทั้งการตกแต่งภายใน และด้านการออกแบบตกแต่งสวน การตกแต่งภายในแบบแมนเนอริสม์ของฝรั่งเศส ที่มีการเรียกกันว่า “แบบฟงแตนโบล” ห้องที่โดดเด่นที่สุดนั่นคือ ห้องเลี้ยงรับรอง (Salle des Fêtes) ถือเป็นห้องที่มีความหรูหราอลังการมากที่สุดก็ว่าได้ ทั้งยังเคยเป็นที่รับรองกษัตริย์แห่งกรุงสยามในอดีต
กลางวัน : พักทานมื้อกลางวันกับอาหารฝรั่งเศสแบบดั้งเดิมที่ร้าน Bistrot 9 ที่ตั้งอยู่ใกล้กับพระราชวังฟงแตนโบล
บ่าย : ใช้เวลายามบ่ายชิวๆกับการเดินเล่นชมความอุดมสมบูรณ์ที่ของธรรมชาติที่อุทยานป่าโปร่ง ซึ่งตั้งบริเวณรอบๆพระราชวัง สามารถนั่งเพลินๆชมวิวพระราชวังจากตรงริมๆทะเลสาบ