ไม่จำเป็นเลยว่า การไปเที่ยวประเทศอังกฤษจะต้องอยู่แต่ในเมืองลอนดอน หรือไปเที่ยวเฉพาะสถานที่สำคัญๆ เท่านั้น เพราะอังกฤษมีเมืองที่มีประวัติศาสตร์เป็นของตัวเองมาอย่างยาวนาน ทั้งเล็กและใหญ่มากมาย กระจายตัวไปแทบทุกพื้นที่ หลายๆแห่งได้ผ่านกาลเวลามาหลายยุคสมัยทั้งดีและร้าย อีกทั้งยังมีใความแตกต่างกันจากทำเลที่ตั้ง เช่น ใกล้กับแม่น้ำ, ทะเล หรือภูเขา หากคุณอยากสัมผัสอังกฤษอย่างแท้จริง ก็อยากให้ลองมาเที่ยว 15 เมืองชนบทเล็กๆที่มีความสวยงามและเก่าแก่ของประเทศอังกฤษเหล่านี้กันดูสักครั้ง แล้วคุณจะได้เห็นอังกฤษในมุมมองที่แตกต่างจากการเที่ยวเมืองใหญ่ไปอย่างสิ้นเชิงเลย
▌1. Castle Combe, Wiltshire
Photo by John Menard from .flickr.com/photos/jmenard48/364932291 [CC by-sa 4.0]
Photo by shrinkin’violet from commons.wikimedia.org/wiki/File:Castle_Combe,_Wiltshire-8105977737.jpg [CC by-sa 4.0]
เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ได้ชื่อว่า “สวยงามและน่ารักที่สุดในประเทศอังกฤษ” ตั้งอยู่บริเวณ Cotswolds ไม่ไกลจากเมือง Bath มากนัก ด้วยลักษณะของบ้านที่เป็นสีและสไตล์เดียวกันทอดไปตามแนวยาวของถนน ก็ทำให้รู้สึกเหมือนกับได้ย้อนกลับมาอยู่ในยุคโบราณ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้จะไปปรากฏในภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง War House และ Dr. Dolittle
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟจาก London มาลงที่ Chippenham ใช้เวลาประมาณ 1.15 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 40-86 ปอนด์ แล้วต่อด้วยรถประจำทางสาย 35 หรือรถแท็กซี่ไปลงที่หมู่บ้านเลยจะสะดวกที่สุด
▌2. St Mawes, Cornwall
Photo by Raimond Spekking from commons.wikimedia.org/wiki/File:St_Mawes,_Place_ferry-8967.jpg [CC by-sa 4.0]
Photo by Raimond Spekking from commons.wikimedia.org/wiki/File:St_Mawes,_harbour_side-8985-87.jpg [CC by-sa 4.0]
เป็นหมู่บ้านชาวประมง ที่ถูกล้อมรอบไปด้วยน้ำทะเล และเนินเขาที่มีดอกไม้สีสันสดใส เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนหรือหนีความวุ่นวายจากผู้คนในมหานครเป็นอย่างมาก ไม่มีถนนใหญ่ มีเพียงผับเล็กๆ เพียง 2 ร้านคอยให้บริการในยามค่ำคืน
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟจาก London มาลงที่ Truro ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 66-143 ปอนด์ แลวต่อรถบัสประจำทางไปลงที่หมู่บ้านอีก 1 ชั่วโมง
▌3. Beaulieu, Hampshire
Photo by Karen Roe from flickr.com/photos/karen_roe/8321774214 [CC by-sa 4.0]
หมู่บ้านเล็กๆ ที่ยังคงคุณค่าตามกาลเวลาแห่งนี้ พึ่งจะกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพราะภายในหมู่บ้านนั้น มีพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับเครื่องยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ (British National Motor Museum) และประสาทโบราณ ที่คาดว่าจะสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1204 รวมถึงบ้านโบราณของท่านลอร์ดอองรี มองตากูร์ ดักลาส สก็อต นักการเมืองหัวอนุรักษ์ที่ทำงานให้กับพระราชินีวิคตอเรีย สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1538
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟจาก London มาลงที่ Weymouthใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 65 ปอนด์ แล้วต่อแท็กซี่ท้องถิ่นในราคา 20 ปอนด์
▌4. Castleton, Peak District
Photo by Stephen Bowler from flickr.com/photos/50826080@N00/21799225930 [CC by-sa 4.0]
สถานที่แห่งนี้ เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับแรกของประเทศอังกฤษที่เต็มไปด้วยหมู่บ้านที่มีความสวยงาม โดยเฉพาะหมู่บ้าน Castleton ที่ตั้งอยู่ใจกลางของอุทยาน จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นภูเขาโอบล้อมหมู่บ้านนี้ไว้อย่างน่ามหัศจรรย์ และเปรียบเสมือนย้อนเวลากลับไปในช่วงยุคโบราณ
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟจาก London มาลงที่ Castleton ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 130-180 ปอนด์ แล้วต่อด้วยรถประจำทางไปลงที่ village
▌5. Staithes, North Yorkshire
Photo by Powershift2012 from flickr.com/photos/powershift2012/15472680545/ [CC by-sa 4.0]
Photo by Mark Stace from flickr.com/photos/electricgnome/11985342984/ [CC by-sa 4.0]
หมู่บ้านที่ร่ำรวยไปด้วยการประมงและคุณค่าทางประวัติศาสตร์แห่งนี้ ในอดีตเคยเป็นที่พำนักของกัปตันชื่อดังอย่าง James Cook มาก่อน จึงทำให้ดูมีความลึกลับและน่าค้นหาเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากมาเที่ยวในช่วงเดือนกันยายน ก็จะเจอกับเทศกาลของหมู่บ้าน ที่จะมีการจับปลาให้กินกันแบบสด ๆ เลย
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟจาก London มาลงที่ Whitby ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 50-70 ปอนด์ แล้วต่อด้วยรถประจำทาง สาย 4
▌6. Hawkshead, Cumbria
Photo by Frank Pickavant from flickr.com/photos/lordskully/19305363648 [CC by-sa 4.0]
เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบศตวรรษที่ 17 จึงมีความสวยงามราวกับตกไปอยู่ในยุคอดีต แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีความทันสมัยซ่อนไว้อยู่ด้วยร้านเหล้าและผับที่มีเครื่องดื่มเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง รวมถึงมีโรงแรมให้พักค้างคืนอีกด้วย
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟจาก London มาลงที่ Windermere ใช้เวลาตั้งแต่ 3-9 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 89-110 ปอนด์ แล้วต่อด้วยรถประจำทางหรือรถแท็กซี่
▌7. Painswick, Gloucestershire
Photo by Spencer Means from flickr.com/photos/hunky_punk/8027901652/ [CC by-sa 4.0]
แค่เห็นภาพก็รู้แล้วว่าสถานที่แห่งนี้มีความสวยงามมากแค่ไหน ก็เพราะว่าหมู่บ้านแห่งนี้สร้างขึ้นบริเวณหุบเขา จึงสามารถมองวิวภูเขาข้างหลังได้อย่างชัดเจน รวมทั้งยังมีถนนคดเคี้ยวที่ขับให้ดูสวยงามโดดเด่นมากยิ่งขึ้น นอกจากหมู่บ้านแล้วก็มีโบสถ์ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ตั้งตระหง่านให้มีความสมบูรณ์มากขึ้นและเป็นที่หลงใหลของนักท่องเที่ยวที่ได้เข้าชมมาจนถึงปัจจุบัน
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟจาก London มาลงที่ Stroud ใช้เวลาประมาณ 1.30-3 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 28-40 ปอนด์ แล้วต่อด้วยรถประจำทางหรือรถแท็กซี่
▌8. Abbotsbury, Dorset
Photo by Spencer Means from flickr.com/photos/hunky_punk/12394722563/ [CC by-sa 4.0]
หมู่บ้านปศุสัตว์ที่ยังคงลักษณะของยุคสมัยวิคตอเรียนแบบอังกฤษไว้อยู่อย่างน่าทึ่ง เมื่อได้เข้ามาในหมู่บ้านคุณจะพบเลยว่าสถานที่แห่งนี้เหมาะที่จะเป็นบ้านในฝันที่ควรพักผ่อนไปตลอดชีวิตเป็นอย่างมาก
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟจาก London มาลงที่ Upwey ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 40-65 ปอนด์ แล้วต่อรถโดยสารประจำทาง
▌9. Hutton-le-Hole, North Yorkshire
Photo by Nick Wise from flickr.com/photos/nickwiseone/7857998530/ [CC by-sa 4.0]
Photo by milo bostock from flickr.com/photos/milesmilo/8085958390/ [CC by-sa 4.0]
เป็นอีกหมู่บ้านในฝันที่มีการคุมโทนด้วยสีอมส้ม ตัดกับสีเขียวของใบหญ้าได้เป็นอย่างดี ผู้คนก็แสนเป็นมิตร เพราะเมื่อคุณได้เข้าไปเยี่ยมชมหมู่บ้านแห่งนี้ ก็จะได้รับการต้อนรับด้วยชาร้อน ๆ พร้อมกับการเชื้อเชิญให้เข้าชมสถานที่ต่าง ๆ เหมาะเป็นอย่างมากที่คุณจะนั่งปิกนิกและกินไอศกรีมเพื่อพักผ่อนให้หายเหนื่อย
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟจาก London มาลงที่ Grosmont ใช้เวลาประมาณ 4.30 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 50-70 ปอนด์ แล้วต่อด้วยรถโดยสารประจำทาง
▌10. Castle Hedingham, Essex
Photo by Acabashi from commons.wikimedia.org [CC by-sa 4.0]
สถานที่แห่งนี้ โดดเด่นด้วยปราสาทขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นในปี 1860 ซึ่งเคยเป็นที่อยู่ของเหล่าอัศวินมาก่อน ด้วยความที่นักท่องเที่ยวน้อย จึงอาจจะทำให้ดูเคว้งคว้างไปสักนิด แต่ก็เหมาะสำหรับคนที่ชอบความสงบเป็นอย่างดี
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟจาก London มาลงที่ Braintree ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 23 ปอนด์ แล้วต่อด้วยรสบัสประจำทาง หรือเดินต่อไปก็ได้
▌11. Polperro, Cornwall
Photo by Chensiyuan from commons.wikimedia.org/wiki/File:1_polperro_cornwall_2017.jpg [CC by-sa 4.0]
Photo by Mick Knapton from commons.wikimedia.org/wiki/File:Polperro_5.jpg [CC by-sa 4.0]
เรียกได้ว่าสวยงามและมีมนต์ขลังจนไม่อาจละสายตากันได้เลย สำหรับหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ จึงไม่แปลกที่จะมีนักท่องเที่ยวมาเดินชมวิวและขี่จักรยานท่องเที่ยวอยู่เสมอ ถ้าหากว่าได้มาเยือนในช่วงคริสต์มาส ก็จะเห็นความสวยงามที่มากขึ้น เนื่องจากทุกบ้านจะมีการประดับไฟและตกแต่งให้เข้ากับเทศกาลนั่นเอง
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟจาก London มาลงที่ Looe ใช้เวลาตั้งแต่ 5-12 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 60-143 ปอนด์ แล้วต่อด้วยรถประจำทางหรือรถแท็กซี่
▌12. Lower and Upper Slaughter, Gloucestershire
Photo by originalpickaxe from commons.wikimedia.org [CC by-sa 4.0]
หมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ริมน้ำ จึงมีความสวยงามมากเป็นพิเศษและถูกเรียกว่าเป็น “หมู่บ้านที่ไร้กาลเวลา” คุณสามารถเดินทอดน่องชมวิวหมู่บ้านไปได้เรื่อย ๆ พร้อมกับชมวิถีความเป็นอยู่ของชาวบ้าน หรือจะเดินเข้าไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์หมู่บ้านเล็ก ๆ พร้อมกับจิบชาก็จะเป็นเรื่องที่ดี
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟจาก London มาลงที่ Kingham ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 35-50 ปอนด์ แล้วแต่รถโดยสารประจำทาง
▌13. Hambleden, Buckinghamshire
Photo by Oswald Bertram from commons.wikimedia.org [CC by-sa 4.0]
หมู่บ้านแห่งนี้ มีความโดดเด่นด้วยการสร้างบ้านที่ใช้อิฐแดงทั้งหลัง และเป็นหมู่บ้านที่ค่อนข้างจะเงียบสงบเมื่อเทียบกับหมู่บ้านอื่น ๆ ภายในหมู่บ้านมีร้านทำเบเกอรี่เก่าแก่ที่ส่งกลิ่นหอมทุกวัน คาดว่าจะสร้างขึ้นภายในคริสต์ศตวรรษที่ 14
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟจาก London มาลงที่ Henley on Thames ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 17 ปอนด์ แล้วต่อด้วยรถบัสประจำทาง
▌14. Saltaire, West Yorkshire
Photo by Markj 87 from commons.wikimedia.org/wiki/File:Saltaire_from_Leeds_and_Liverpool_Canal.jpg [CC by-sa 4.0]
เป็นหมู่บ้านสมัยวิคตอเรียนที่ยังทรงคุณค่าและสวยที่สุดในประเทศอังกฤษจนได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจาก Unesco จะเดินเล่นตอนกลางวันก็สวยแบบไม่มีที่ติ หรือจะเดินเล่นในช่วงใกล้ค่ำ ก็จะดูลึกลับและสวยงามแบบแปลก ๆ ไปพร้อมกัน
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟจาก London มาลงที่ Saltiare ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 56-130 ปอนด์ แล้วต่อรถโดยสารประจำทาง หรือเดินเข้าไปเอง
▌15. Burnham, Norfolk
Photo by Elliott Brown from flickr.com/photos/ell-r-brown/5961295618/ [CC by-sa 4.0]
ปิดท้ายกันที่หมู่บ้านเล็ก ๆ หลากสีสัน และเป็นตลาดขนาดย่อมอีกด้วย โดยของขึ้นชื่อของที่นี่ ส่วนมากคือเสื้อผ้า งานฝีมือ และอาหารหาทานยากอย่าง Humble Pie
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟจาก London มาลงที่ King Lynn ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 37 ปอนด์ แล้วต่อรถประทางไปอีกประมาณ 20 ไมล์
เอาเป็นว่าเมื่อไปเที่ยวอังกฤษ ก็ลองแวะไปเที่ยวตามเมืองชนบทเล็กๆ เหล่านี้กันดู แล้วคุณจะพบว่าอังกฤษ มีอะไรน่าสนใจมากกว่าที่คุณคิดซะอีก แถมยังมีความน่าเที่ยวไม่แพ้กับในลอนดอนอีกด้วย