20 ที่เที่ยวตามแนว MRT ที่สิงคโปร์ เที่ยวง่ายใครๆ ก็ไปได้ 2567
“สิงคโปร์” เกาะเล็กๆ แต่อัดแน่นไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวเด็ดๆ ห้ามพลาดมากมายหลายแห่ง วิธีที่ดีที่สุดคือเตรียมตัวและศึกษาเส้นทางการท่องเที่ยวไว้ล่วงหน้า “รถไฟใต้ดิน” หรือ MRT คือทางเลือกอันดับต้นๆ ช่วยให้เดินทางสะดวกและรวดเร็ว แถมยังปลอดภัยอีกด้วย
แผนที่ Singapore MRT Map คือลายแทงสำคัญที่จะช่วยให้การเดินทางท่องเที่ยวในสิงคโปร์เป็นเรื่องง่าย และจะง่ายยิ่งกว่านั้นคือ โหลดแอพพลิเคชั่น Singapore Transport Maps ในสมาร์ทโฟนของคุณ เพื่อให้การค้นหาทำได้ง่ายขึ้น
จองตั๋วเครื่องบินราคาถูกใจไปสิงคโปร์ ได้ที่ Traveloka ไม่ต้องขอวีซ่า พร้อมแล้วเดินทางได้เลย ขอให้มีความสุขในการเดินทางนะจ๊ะ ที่สำคัญคือตอนนี้ทางทราเวลโลก้าก็คือมีรถรับส่งสนามบินพร้อม ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางจากบ้านไปสนามบิน หรือว่าจากสนามบินสิงคโปร์ไปโรงแรมก็มีครบเลยนะ จองไปก่อน จ่ายเงินล่วงหน้า สะดวกกว่าจริงๆ
ทางไปจองตั๋วเครื่องบินไปสิงคโปร์ กับ Traveloka > https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Singapore.SIN/1
ทางไปจองรถรับส่งสนามบิน กับ Traveloka > https://www.traveloka.com/th-th/airport-transfer
1. มารีน่า เบย์แซนด์ (Marina Bay Sand)
“มาริน่า เบย์แซนด์ส” แลนด์มาร์คสำคัญของบริเวณอ่าวมารีน่า ประกอบไปด้วยโรงแรมหรู “มารีน่า เบย์แซนด์ส” ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง “เดอะ ช็อปปส์” ศูนย์รวมของร้านแบรนด์เนมในระดับไฮเอนด์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พิพิธภัณฑ์และโรงภาพยนตร์ ที่นี่ยังมีห้องคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย โดยถือเป็นอาคารที่มีมูลค่าในการก่อสร้างสูงที่สุดในโลกสร้างเป็นรูปไพ่ 3 สำรับเรียงกัน แล้ววางทับด้วยเรืออยู่ด้านบน ที่ชั้น55 เรียกว่า “แซนด์สกายพาร์ค” สวนและสระว่ายน้ำไร้ขอบที่สูงที่สุดในโลก และตั้งอยู่สูงที่สุดในโลก เรียกได้ว่าที่นี่เป็นที่สุดของที่สุดจริงๆ
วิธีเดินทาง : MRT ลงที่สถานี Bayfront ทางออก C หรือ D
2. การ์เด้น บาย เดอะ เบย์ (Garden by the Bay)
สวนพฤกษศาสตร์กลางใจเมืองไม่ไกลจากอ่าวมาริน่า จุดเด่นของสวนนี้อยู่ที่ห้องเรือนกระจก 2 แห่งที่เรียกว่า “โดมดอกไม้” จัดแสดงไม้เมืองร้อนที่มาจากแถบเมดิเตอร์เรเนียนอเมริกาใต้และแอฟฟริกาใต้ ส่วน “โดมป่าเมฆ” จัดแสดงพันธุ์ไม้จากป่าดิบชื้นจาก เอเชียตะวันอกเฉียงใต้ อเมริกากลางและใต้ พร้อมน้ำตกจำลองขนาดใหญ่ที่เปิดให้เดินขึ้นทางเดินลอยฟ้าเพื่อชมวิวจากด้านบนได้อีกจุดที่ไม่ควรพลาดคือต้นไม้ยักษ์ “ซุปเปอร์ทรี โกรฟ” ซึ่งมีทางเดินลอยฟ้าที่เชื่อมต่อถึงกันเป็นทางเดินยาว 128 เมตร โดยบนต้นที่สูง 50 เมตร จะมีจุดชมวิวของอ่าวมารีน่าและพื้นที่บริเวณรอบๆ ได้อย่างชัดเจน อย่าพลาดชมการแสดงแสงสีและเสียงของเหล่าซุปเปอร์ทรีในทุกค่ำคืน
วิธีเดินทาง : MRT ลงที่สถานี Bayfront ทางออก B
3. สิงคโปร์ ฟลายเออร์ (Singapore Flyer)
อีกหนึ่งแลนด์มาร์คของสิงคโปร์ ชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย สูงเท่ากับตึก 42 ชั้น หรือ ประมาณ 165 เมตรตั้งอยู่ริมปากอ่าวมาริน่า สามารถชมวิวได้แบบ 360 องศา และมองเห็นได้ไกลถึง 45 กิโลเมตร ประกอบไปด้วยแคปซูลทั้งหมดจำนวน 28 แคปซูล และ ในแต่ละแคปซูลสามารถบรรจุนักท่องเที่ยวได้ 28 คน เลข 28 เป็นเลขทางฮวงจุ้ยของชาวจีนเป็นเลขแห่งความเจริญรุ่ง เมื่อเติมเลข 2 หมายถึง สองเท่า ดังนั้นใครมีโอกาสได้ขึ้นสิงคโปร์ฟลายเออร์ก็จะทำให้มีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตเป็นสองเท่า โดยแต่ละรอบจะใช้เวลาในการหมุนราว 30 นาที การขึ้นชมช่วงพระอาทิตย์ตกเป็นช่วงยอดนิยมที่จะได้เห็นวิวที่สวยที่สุดของสิงคโปร์ ช่วงนี้คิวจะยาวมากกกก…ขอบอก
วิธีเดินทาง : MRT – ลงสถานี Promenade ทางออก A เดินต่ออีกประมาณ 10 นาที
4. สะพานเฮลิกซ์ (Helix Bridge)
สะพานข้ามอ่าวมารีนาเบย์ที่มีรูปร่างสุดล้ำสวยงามแปลกตา รู้จักกันในชื่อดั้งเดิมว่า “สะพานเกลียวคู่” เป็นสะพานคนเดิน
ข้ามระหว่างฝั่ง “มารีน่า เบย์แซนด์ส” กับฝั่ง “สิงคโปร์ ฟลายเออร์” มีความยาว 280 เมตร มีลักษณะเด่นคือ โครงสร้างของเกลียวสเตนเลส ที่คดเคี้ยวเป็นเกลียวคู่สลับกัน โดยได้รับแรงบันดาลใจจากรูปแบบของโครงสร้างดีเอ็นเอของมนุษย์ ได้รับรางวัล “อาคารขนส่งที่ดีที่สุดในโลก” (World Transport Best Building) จากงานประกาศรางวัลเทศกาลสถาปัตยกรรมโลก ในยามค่ำคืนสะพานแห่งนี้จะมีการเปิดไฟแอลซีดีหลากสีสันอย่างสวยงาม เป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมทั้งกลางวันและกลางคืน
วิธีเดินทาง : MRT ลงสถานี Promenade
5. พิพิธภัณฑ์ศิลปะและวิทยาศาสตร์ (ArtScience Museum)
พิพิธภัณฑ์แห่งแรกของโลกซึ่งรวมศิลปะและวิทยาศาสตร์เข้าด้วยกัน อาคารที่มีรูปร่างอันโดดเด่น ตั้งอยู่ด้านหน้าตึก “มารีน่า เบย์แซนด์ส” เป็นการจำลองมือ 2 ข้าง สัญลักษณ์ของการโบกมือต้อนรับสู่สิงคโปร์ (Welcoming Hand of Singapore) การออกแบบเน้นประหยัดพลังงาน ที่ปลายนิ้วทั้ง 10 นั้น ทำเป็นช่องแสงให้แสงสว่างผ่านเข้ามาภายในอาคาร ส่วนช่องกลมๆ ตรงกลางหลังคาด้านบน เปิดให้น้ำฝนที่ตกลงมาไหลลงสู่ที่เก็บน้ำด้านล่าง และนำมารีไซเคิลใช้ในอาคารอีกครั้ง จัดแสดงงานที่เกี่ยวกับศิลปะ วิทยาศาสตร์ วัฒนธรรมและเทคโนโลยี ที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนมาแสดงตลอดปี
วิธีเดินทาง : MRT ลงสถานี Bayfront ทางออก C หรือ D แล้ว ขึ้นไปชั้น 3 จะเจอประตูทางออกไปยัง Artscience Museum
6. หลุยส์ วิตตอง ไอส์แลนด์ เมซง (Louis Vuitton Island Maison)
ร้านหลุยส์ วิตตอง ไอส์แลนด์ เมซง ที่ “มาริน่า เบย์แซนด์ส” แห่งนี้ เป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ด้านในตกแต่งแนว พิพิธภัณฑ์ผสมผสานไปกับร้านขายกระเป๋า มีทั้งหมด 4 ชั้น ชั้น B1 & B2 ซึ่งเป็นแกลอรี เชื่อมกับห้างสรรพสินค้าในมารีน่า เบย์ แซนด์ ทางอุโมงค์ใต้น้ำที่จัดเป็นพื้นที่แสดงนิทรรศการศิลปะ ส่วนชั้น 1 ขายกระเป๋าหิ้วและเครื่องหนัง และชั้น 2 ขายกระเป๋าเดินทางนั้น เข้าจากทางเดินด้านหน้าได้เลย หลุยส์ วิตตอง ไอส์แลนด์ ถือเป็นร้านที่ 5 ในสิงค์โปร์ แต่นับเป็น “เมซง” หรือบ้านหลังแรกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่าลืมแวะไปชมไปช้อปกกันนะ
วิธีเดินทาง : MRT ลงที่สถานี Bayfront ทางออก C หรือ D
7. สวนสิงโตทะเล (Merlion Park)
สวนสิงโตทะเลหรือ “เมอร์ไลออน พาร์ค” เป็นที่ตั้งของ “เมอร์ไลออน” รูปปั้นที่มีหัวเป็นสิงโตและลำตัวเป็นปลา สัญลักษณ์แห่งสิงคโปร์ โดยหันหน้าออกไปยังอ่าวมาริน่า ส่วนตัวลูกซึ่งอยู่ใกล้ๆ กันหันหลังให้ตัวแม่ที่อยู่ปากอ่าว ตั้งอยู่ติดกับอาคารโรงแรมฟูลเลอตัน ที่มีสวนหย่อมขนาด 2,500 ตารางเมตร บริเวณนี้มีแหลมยื่นไปในทะเลและมีไหล่เขาเป็นชั้นๆ มีลานดูวิวที่จุคนได้ถึง 300 คน เป็นจุดถ่ายรูปชมวิวที่ยอดเยี่ยม ถ่ายรูปสิงโตทะเลพร้อมท่าเรือมาริน่าที่งดงาม รวมถึงสถานที่สำคัญต่างๆ อย่างเช่น มารีน่าเบย์แซนด์, โรงละครเอสพลาเนด โดยช่วงเวลาที่คนน้อยที่สุดเหมาะสำหรับการถ่ายภาพคือช่วงเช้าตรู่ อย่าพลาดชมการแสดงแสงสีเสียงในน้ำสุดอลังการจาก Marina bay sand ในทุกค่ำคืน ที่สำคัญ…ฟรี!!!
วิธีเดินทาง : MRT ลงสถานี Raffles Place เดินไปตามริมฝั่งน้ำประมาณ 10 นาที
8. น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง (Fountain of Wealth)
“น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง” หรือ “น้ำพุแห่งโชคลาภ” กินเนสบุ๊คลงบันทึกไว้เมื่อปี 1998 ว่าเป็น “น้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในโลก” มีความสูง 13.8 เมตร ตั้งอยู่ใจกลาง “ซันเทค ซิตี้” กลุ่มอาคารที่ออกแบบตามหลักฮวงจุ้ยทุกประการ โดยจำลองเป็นนิ้ว 5 นิ้ว โดยมีน้ำพุอยู่ตรงกลางเสมือนอยู่บนฝ่ามือ ตัวน้ำพุสร้างเป็นรูปวงแหวนทองแดงมีขาเป็นฐานสี่ข้าง ออกแบบตามความเชื่อของศาสนาฮินดู เพื่อเป็นตัวแทนจักรวาล ความเท่าเทียมและการหลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนสิงคโปร์ที่มาจากหลากหลายเชื้อชาติ เชื่อกันว่าเป็นจุดที่มีฮวงจุ้ยดีที่สุดในโลก จนผู้ที่ศรัทธาเชื่อว่า หากใครได้เดินรอบน้ำพุ พร้อมสัมผัสน้ำในน้ำพุ ตลอดเวลาเดินวนจนครบ 3 รอบ จะได้รับพลังน้ำแห่งโชคลาภและความโชคดีติดตัวกลับบ้านกันทุกคน สำหรับเวลาที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปสัมผัสน้ำพุคือ 10.00 – 12.00 น. / 14.00 – 16.00 น. / 18.00 – 19.30 น. อ้อ! มีน้ำจากน้ำพุแห่งนี้ขาย เพื่อซื้อฝากคนที่บ้านด้วยนะ
วิธีการเดินทาง : MRT – ลงที่สถานี Esplanade เดินไปในตัวตึก Suntec City
9. สะพานเฮนเดอร์สัน เวฟ (Henderson Waves Bridge)
สะพานทรงคลื่นที่มีสถาปัตยกรรมโดดเด่น ลักษณะของราวเหล็กเส้นรูปทรงเกลียวคลื่น ที่คดโค้งและบิดไปมาตลอดความยาวทั้งสิ้น 274 เมตร ส่วนโค้งที่ดูเหมือนเปลือกหอย มีที่ให้นั่งพัก และยังช่วยกันแดดกันฝนอีกด้วย พื้นของสะพานนั้นทำจากแผ่นไม้บาเลา ไม้ท้องถิ่นหายากที่พบเฉพาะในแถบเอเชียอาคเนย์เท่านั้น สะพานคนเดินที่สูงที่สุดในสิงคโปร์ สูงกว่า 36 เมตรนี้ เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางเดินป่า “เซาเทิร์น ริดจ์” พาดผ่านถนนเฮนเดอร์สัน เชื่อมต่อพื้นที่ระหว่างสวนสาธารณะ “เมาท์ เฟเบอร์” กับสวนสาธารณะ “ทีล็อค บลังกา ฮิลล์” ให้นักท่องเที่ยวได้ชมธรรมชาติอย่างใกล้ชิด และเป็นจุดชมวิวของตัวเมืองสิงคโปร์ ยามค่ำคืนสะพานแห่งนี้ประดับไฟสวยงาม ให้ได้ชมความงามได้ทุกคืนตั้งแต่หนึ่งทุ่มถึงตีสอง
วิธีเดินทาง : MRT ลงสถานี Harbour Front n แล้วต่อรถบัสสาย 51,145 ลงป้าย Opp SP Jain (B18019)
10. เขื่อนมารีน่า บาร์ราจ (Marina Barrage)
อ่างเก็บน้ำที่ใหญ่ที่สุดของสิงคโปร์ และเป็นแห่งแรกที่อยู่ในเขตเมือง กั้นระหว่างอ่าวมาริน่ากับทะเล ซึ่งมีการปรับพื้นที่ให้เป็นสวนสาธารณะที่ต่อเนื่องมาจาก สวนพฤกษศาสตร์ “การ์เด้น บาย เดอะ เบย์” มีสวนลอยฟ้าซึ่งเป็นสนามหญ้าขนาดใหญ่อยู่ที่บริเวณดาดฟ้า ให้นั่งพักผ่อนกินลมชมวิวของโรงแรมมารีน่า เบย์ แซนด์ส และชิงช้าสวรรค์ยักษ์ หรือจะพายเรือคายัคเพลินๆ ในอ่างเก็บน้ำที่มีน้ำนิ่งสงบ ที่นี่มี “สวนโซลาร์ พาร์ค” เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีแผงรับแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ โดยมีกว่า 400 แผง เพื่อจ่ายไฟสำหรับระบบไฟของเขื่อนในช่วงกลางวัน และที่นี่ยังมีนิทรรศการให้สามารถเข้าชมเกี่ยวกับเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วย
วิธีเดินทาง : MRT ลงสถานี Marina Bay ทางออก B จากนั้นเดินข้ามถนน ขึ้น Shuttle Bus
11. หอศิลป์แห่งชาติสิงคโปร์ (National Gallery Singapore)
พิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดและใหม่ที่สุด เปิดเมื่อปลายปี 2015 จัดแสดงผลงานศิลปะของศิลปินของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และศิลปะสิงคโปร์สมัยใหม่ที่มีเอกลักษณ์ มรดกทางวัฒนธรรมตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 จนถึงปัจจุบัน มากกว่า 8,000 ชิ้น ภายในอาคารเก่าแก่แบบโคโลเนียลอายุ 100 กว่าปี แห่งนี้ แบ่งออกเป็นห้องต่างๆ ที่จัดแสดงประวัติความเป็นมาของประเทศสิงคโปร์ ตั้งแต่วิถีการดำเนินชีวิต วัฒนธรรม ไปจนถึงขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ อีกทั้งยังมีการฉายหนังที่น่าสนใจ แกลเลอรี่ภาพถ่าย นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการศิลปะพิเศษ จากศิลปินระดับโลกหมุนเวียนมาจัดแสดงเป็นช่วงๆ อีกด้วย
วิธีเดินทาง : MRT ลงสถานี City Hall
12. มหาวิหารเซนต์แอนดรูว์ (St Andrew’s Cathedral)
โบสถ์นิกายแองกลิกันที่ใหญ่ที่สุดของสิงคโปร์ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองใกล้กับหอศิลป์แห่งชาติ เป็นโบสถ์ที่สร้างขึ้นโดยใช้สถาปัตยกรรมนีโอโกธิค ที่เก่าแก่มากที่สุดและสง่างามมากที่สุดของสิงคโปร์อีกด้วย ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกประจำประเทศสิงคโปร์ ตัวโบสถ์สีขาวโดดเด่นอยู่กลางสนามหญ้าสีเขียว ภายในประดับด้วยหน้าต่างโค้งแหลมแบบโกธิค ตกแต่งด้วย หน้าต่างกระจกสีในบริเวณมุขถูกสร้างอุทิศแด่ “เซอร์ สแตมฟอร์ด ราฟเฟิลส์” ผู้ก่อตั้งประเทศสิงคโปร์ “จอห์น ครอว์เฟิร์ด” ราชทูตอังกฤษประจำสิงคโปร์คนที่ 2 และ “พลตรีวิลเลียม บัตเตอร์เวอร์ธ” ผู้ว่าการอาณานิคมช่องแคบ เปิดให้เข้าชมตลอดเวลาในช่วงกลางวันยกเว้นมีงานสำคัญ อ้อ! อย่าลืมแต่งกายสุภาพด้วยนะ
วิธีเดินทาง : MRT ลงสถานี City Hall ทางออก D
13. ถนนออร์ชาร์ด (Orchard Road)
“ถนนออร์ชาร์ด” ได้รับการขนานนามว่า เป็นถนนสายช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงที่สุดของเอเชีย สองข้างทางตลอดความยาวเกือบ 2.2 กิโลเมตร มีห้างสรรพสินค้าหรูหราและร้านแบรนด์เนมระดับโลกมากมาย แวะชมสินค้าราคาพิเศษที่ DFS Galleria ห้างสรรพสินค้าปลอดภาษี และแหล่งรวมแฟชั่นแบรนด์ชื่อดัง อาทิ Gucci, Prada และ Louis Vuitton ส่วน Giorgio Armani, Dior และ Dolce & Gabbana จะอยู่ที่ห้าง ION Orchard ที่อยู่ใกล้ๆ กัน อย่าลืมแวะ Ngee Ann City ที่ใหญ่ที่สุดบนถนนแห่งนี้ ซึ่งมีทั้งห้างสรรพสินค้าและแฟชั่นเอาต์เล็ต และยังมีร้านหนังสือที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถนนเส้นนี้ยังมีร้านอาหาร ภัตตาคาร โรงแรม และแหล่งบันเทิงมากมายคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วมุมโลก
วิธีเดินทาง : MRT ลงสถานี Orchard
14. ย่านไชน่าทาวน์ (Chinatown)
ย่านชุมชนชาวจีนที่ผสมผสานความเก่าและความใหม่เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างมีเสน่ห์ ขึ้นชื่อในเรื่องแหล่งอาหารการกิน แหล่งซื้อของฝาก ทั้งยังเต็มไปด้วยอาคารเก่าแก่สไตล์โคโลเนียลที่ได้รับการอนุรักษ์อย่างดี เป็นที่ตั้งของ “วัดพระเขี้ยวแก้ว” ที่นอกจากจะมีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่สวยงามแล้ว ยังเป็นสถานที่ประดิษฐานของ “พระทันตธาตุ” หรือ ฟันของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นที่มาของชื่อวัด ส่วน “วัดศรีมาริอัมมันต์” เป็นวัดฮินดูที่เก่าแก่ที่สุดของสิงคโปร์ สวยงามโดดเด่นด้วยประตูทางเข้าที่เรียกว่า “โกปุรัม” ซึ่งเป็นประตูทางเข้าที่มีเจดีย์ 6 ชั้นอยู่ด้านบน ประดับประดาด้วยรูปปั้นของเหล่าทวยเทพ และสัตว์ต่างๆ แวะช้อปที่ตลาดและถนนคนเดินซื้อของฝากและของที่ระลึกต่างๆ แวะชิมที่ “ถนนอาหารไชน่าทาวน์” ศูนย์รวมอาหารสไตล์สตรีทฟู้ดนานาชนิด ทั้งข้าวมันไก่สิงคโปร์อันขึ้นชื่อ สนนราคาเบาๆ ถูกใจนักชิมชาวไทยยิ่งนัก
วิธีเดินทาง : MRT ลงสถานี Chinatown
15. ย่านลิตเติ้ลอินเดีย (Little India)
อีกหนึ่งย่านฮิตที่มีสีสันมากที่สุดในสิงคโปร์ เป็นย่านประวัติศาสตร์ที่สะท้อนวัฒนธรรมประเพณีของชาวอินเดีย ไฮไลท์ที่ต้องมาแชะรูปคือ “บ้าน Tan teng niah” บ้านสไตล์จีนหลังเดียวที่หลงเหลืออยู่ในย่านลิตเติลอินเดียที่เต็มไปด้วยสีสันคัลเลอร์ฟูล ชมวัดฮินดู “วัดศรีวิรามกาลีอัมมัน” มัสยิด “อับดุล กาฟูร” และโบสถ์ต่างๆ อันเป็นการผสมผสานวัฒนธรรมได้อย่างลงตัว ชิมอาหารอินเดียทั้ง “ทันดูร์” จากอินเดียเหนือ อาหารมังสวิรัติจากอินเดียใต้ “ข้าวหมก” และ “แกงกะหรี่” รสชาติแบบอินเดียแท้ๆ ก็มีให้ชิมกัน แวะช้อปสินค้าราคาถูกที่ห้างสรรพสินค้า “มุสตาฟา เซ็นเตอร์” ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนที่ “ลิตเติ้ลอินเดีย อาเขต” ของที่ระลึกจากอินเดียให้ซื้อติดไม้ติดมือเพียบเลย
วิธีเดินทาง:รถไฟ MRT – ลงที่สถานี Little India
16. ย่านคลาร์กคีย์ (Clarke Quay)
“ย่านคลาร์กคีย์” ศูนย์รวมความบันเทิงยามค่ำคืนที่คึกคักมากที่สุดแห่งหนึ่งของสิงคโปร์ ตั้งอยู่ที่ท่าเรือริมแม่น้ำสิงคโปร์
ในอดีตเมื่อ 150 ปี เป็นท่าเทียบเรือที่ใช้ขนถ่ายสินค้า สองฝั่งแม่น้ำเต็มไปด้วยโกดังสินค้า ซึ่งปัจจุบันถูกปรับเป็น ผับ บาร์ และร้านอาหารหลากสไตล์ ทั้งจีน ไทย ญี่ปุ่น เยอรมัน ฝรั่งเศส อเมริกัน เรือขนถ่ายสินค้าถูกปรับมาเป็นเรือนำเที่ยวพาล่องแม่น้ำสิงคโปร์ชมสีสันยามค่ำคืนสองฝั่งแม่น้ำไปจนถึงปากอ่าวมารีน่า ส่วนพื้นที่ส่วนอื่นๆ ก็ถูกรีโนเวทให้กลายเป็น ห้างสรรพสินค้าให้เลือกช้อป ชมการแสดงมายากล สนุกกับเครื่องเล่น G-MAX reverse bungee ที่คล้ายกับการโดดบันจี้จัมป์ที่ความสูงกว่า 60 เมตร ท้าทายความหวาดเสียวสุดๆ
วิธีเดินทาง : MRT ลงที่สถานี Clarke Quay ทางออก Exit G เจอห้าง Central แล้วเดินเลียบฝั่งแม่น้ำ
17. สวนป้อมปราการแคนนิง (Fort Canning Park)
สวนสาธารณะบนเนินเขาใจกลางเมืองสิงคโปร์ จุดยุทธศาสตร์สำคัญในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง มีการสร้างป้อมปราการ ป้อมหลบภัยและศูนย์บัญชาการรบ ปัจจุบันได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสงครามด้วย อีกทั้งยังเป็นสถานที่จัดแสดงงานเทศกาลกลางแจ้งต่างๆ อีกหลายงานตลอดทั้งปี แลนด์มาร์คของที่นี่คืออุโมงค์ต้นไม้ยักษ์ เป็นทางเดินที่เป็นจุดเชื่อมระหว่างถนนปีนังกับสวนแคนนิง ลักษณะของอุโมงค์จะเป็นบันไดวนขึ้นด้านบนที่เหมือนปากปล่องลักษณะเป็นวงกลม เมื่อแหงนขึ้นมองจะเห็นเถาต้นไม้สีเขียวที่ปลูกปกคลุมไว้โดยรอบ ตัดกับท้องฟ้าสีครามในวันฟ้าใส จุดนี้จึงเป็นสถานที่ที่สวยงามโรแมนติก เหล่าคู่รักจึงนิยมมาถ่ายพรีเวดดิ้ง ณ อุโมงค์แห่งนี้
วิธีเดินทาง : MRT ลงสถานี Dhoby Ghaut ทางออก B เดินออกมาที่ถนนปีนัง เดินข้ามถนนจะพบป้ายบอกทางไปสวนแคนนิง
18. ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ สิงคโปร์ (Universal Studios Singapore)
“ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ” ธีมปาร์คชื่อดังระดับโลก ตั้งอยู่ภายในรีสอร์ท “เวิลด์ เซนโตซ่า สิงคโปร์” ภายในมีเครื่องเล่นกว่า 20 ชนิดให้เลือกสนุกสนาน ประกอบด้วย 7 โซนหลัก และการแสดงโชว์อีกมากมายที่มาในธีมของภาพยนตร์แอนิเมชั่นชื่อดังหลายเรื่อง อาทิ The Minions, Transformers และ Jurassic Park ไฮไลต์ของที่นี่คือ รถไฟเหาะรางคู่ที่สูงที่สุดในโลก Battlestar Galactica : Human vs. Cylon และ Transformers The Ride : The Ultimate 3D Battle เครื่องเล่น 3D ที่เหมือนจริงสุดๆ อย่าลืมช้อปของที่ระลึกติดไม้ติดมือกลับบ้าน บอกได้คำเดียวว่ามีให้เลือกซื้อมากมายเกินห้ามใจทีเดียวละ
วิธีเดินทาง : รถไฟ MRT สาย North-East – ลงที่สถานี HarbourFront station และเดินทางต่อโดย Sentosa Express ขึ้นไปที่ชั้น 3 (Lobby L ) ในห้างสรรพสินค้า VivoCity เพื่อขึ้นไป Sentosa Express เข้าสู่รีสอร์ท
19. ตรอกฮาจิ (Haji Lane)
“ตรอกฮาจิ” หรือชื่อเรียกแบบท้องถิ่นว่า “ตรอกฮัจญี” เป็นถนนช้อปปิ้งสายเล็กๆ ในย่านกัมปงกลาม จุดเด่นคือภาพเพ้นท์ กราฟฟิตี้สีสันบรรเจิดของเหล่าบรรดาร้านรวงในตึกแถวสไตล์โคโลเนียล 2 ชั้น ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวสายฮิปเตอร์ให้มาเดินเที่ยวถ่ายภาพแนวอาร์ต ชมบูติคแฟชั่นสไตล์อินดี้ ช้อปสินค้าแฟชั่นจากเหล่าดีไซเนอร์อิสระวัยหนุ่มสาวสิงคโปร์ และที่ปลายสุดของตรอกฮาจิ มีพวกร้านคาเฟ ร้านอาหาร และบาร์เบียร์เก๋ๆ หลากหลายร้านให้นั่งดริงก์ดื่มด่ำกับบรรยากาศแบบติสท์ๆ
วิธีเดินทาง : MRT ลงสถานี Bugis ทางออก B ผ่านโรงพยาบาล Raffles Hospital เดินมาถึงสี่แยก ที่ถนน Ophir ตัดกับ ถนน North Bridge จะเห็นซอย Haji Lane
20. ถนนอาหรับ (Arab Street)
ถนนคนเดินสไตล์เดียวกับตรอกฮาจิที่อยู่ใกล้ๆ กัน เป็นถนนที่เต็มไปด้วยมรดกทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวอาหรับมุสลิมในสิงคโปร์ ขึ้นชื่อในเรื่องสิ่งทอ นับตั้งแต่เสื่อที่รองสำหรับทำละหมาด รวมถึงเสื้อผ้า พรมจากเปอร์เซีย และผ้าบาติก แต่ก็มีพวกเครื่องหนัง โคมไฟ และน้ำหอม ให้ซื้อเป็นของฝากของที่ระลึกด้วย แลนด์มาร์คสำคัญของย่านนี้คือ “มัสยิดสุลต่าน” มัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ ที่มีสถาปัตยกรรมอันสวยงามสะดุดตา เลือกชิมอาหารหลายหลากสไตล์ ทั้งอาหารมาเลย์ อินเดีย โมร็อกโก เลบานอน และตุรกี ใครชอบอาหารมุสลิมจัดจ้านด้วยเครื่องเทศห้ามพลาด!!!
วิธีเดินทาง : MRT ลงสถานี Bugis เดินจากถนน Victoria Street ต่อไปอีกประมาณ 650 เมตร จะถึงถนนอาหรับ
ข้อแนะนำเล็กๆ น้อยๆ ในการใช้บริการ MRT คือ ดูสีของสายรถไฟที่จะขึ้น และดูปลายทางว่าต้องขึ้นชานชาลาฝั่งไหน ลงสถานีที่ต้องการแล้วเดินไปออก Exit ที่ใกล้สถานที่เที่ยวที่สุด สังเกตทิศทางและป้ายบอกทางให้ดี มิเช่นนั้นอาจหลงได้ง่ายๆ หมดสนุกกันพอดี…