20 ที่เที่ยวในสหรัฐอเมริกา น่าปักหมุดไปเที่ยว กลับมาไม่ต้องกักตัว! 2567
แนะนำสำหรับใครที่อยากบินไปเที่ยวอเมริกา อย่ารอช้า! เพราะตอนนี้สหรัฐอเมริกาฯ เปิดให้ไปเที่ยว และรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ไปถึงก็ไม่ต้องกักตัว แถมเมื่อบินกลับมาไทยก็ยังไม่ต้องกักตัว (Quaratine-Free) เลยทำให้อเมริกา กลายเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวไทยในตอนนี้ หากใครที่อยากทราบมาตรการสนามบิน หรือว่าเอกสารที่จะต้องเตรียมเพื่อไปเที่ยวอเมริกา อย่าลืมแวะไปเช็คมาตรการได้ที่นี่เลย > https://www.traveloka.com/th-th/flight/covid-blog
หากถามว่าทำไมอเมริกาจึงเป็นที่เที่ยวยอดฮิต ก็เพราะว่าสหรัฐอเมริกา (United States of America) เป็นประเทศที่กว้างใหญ่ไพศาลเป็นอันดับ 3 ของโลก ตั้งอยู่ในแถบอเมริกาเหนือระหว่างประเทศแคนาดา (Canada) และประเทศเม็กซิโก (Mexico) แต่ละเมืองของอเมริกาล้วนมีเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ทั้งแนวประวัติิศาสตร์ เมืองใหญ่ที่ทันสมัย ป่าเขาลำเนาไพร และสิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสรรสร้าง อเมริกาจึงถูกจัดเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก ดังนั้นหากใครอยากจองตั๋วเครื่องบินไปอเมริการาคาถูก ก็กดเข้าไปใน Traveloka ได้เลย ทางไปจอง > https://www.traveloka.com/th-th/flight-to-united-states-of-america
เมื่อจองตั๋วเครื่องบินไปอเมริกาแล้ว ก็มาเช็คลิสต์กันก่อนว่า “ 20 ที่เที่ยวในสหรัฐอเมริกา น่าไปเที่ยวหลังโควิด” มีที่ไหนบ้าง จะได้วางแผนไว้แต่เนิ่นๆ เที่ยวแบบปลอดภัยไร้กังวล
1. เทพีเสรีภาพ (Statue of Liberty)
สัญลักษณ์สำคัญของประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งโดดเด่นอยู่บนเกาะลิเบอร์ตี (Liberty Island)
ของเมืองนิวยอร์ก (New York) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งเสรีภาพและประชาธิปไตย เป็นของขวัญที่ชาวฝรั่งเศสมอบให้แก่ชาวอเมริกัน เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองวันชาติครบ 100 ปี ในวันที่ 4 กรกฎาคม ปี 1876 ประติมากรรมโลหะสำริดแบบนีโอคลาสสิกขนาดใหญ่ เป็นรูปของเทพีลิเบอร์ตัส (Libertas) เทพีแห่งเสรีภาพของโรมัน แต่งกายในชุดโรมัน มือซ้ายถือแผ่นจารึกประกาศอิสรภาพ และมือขวาชูคบเพลิง ซึ่งถือเป็นสัญญลักษณ์แห่งการให้แสงสว่างของเสรีภาพ เท้าข้างหนึ่งมีโซ่ตรวนที่ขาดสะบั้นออก สื่อให้เข้าใจถึงความหมายของการหลุดพ้นจากการเป็นทาส และสวมมงกุฎเดือยแหลม 7 แฉก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ 7 ทวีป 7 คาบสมุทรนั่นเอง
จองตั๋วเครื่องบินไปนิวยอร์ก กับTraveloka > https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/New-york.NEWA
2. สะพานโกลเดนเกต (Golden Gate Bridge)
“สะพานโกลเดนเกต” สิ่งมหัศจรรย์ทางวิศวกรรมของโลกยุคปัจจุบัน เป็นสะพานแขวนที่มีความยาวมากที่สุดในโลก โดยมีระยะทาง 2.7 กิโลเมตร สูง 223.5 เมตร ตั้งอยู่ระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิก (Pacific Ocean) และ อ่าวซานฟรานซิสโก (San Francisco Bay) และเป็นสะพานเชื่อมระหว่างนครซานฟรานซิสโก (San Francisco) กับเมืองมารินเคาน์ตี้ (Marin County Town) เปิดใช้ครั้งแรกเมื่อปี 1937 บนสะพานความยาว 2.7 กิโลเมตร มีช่องเดินรถสำหรับรถยนต์ 3 ช่องทาง และสำหรับรถไฟ 2 ช่องทาง นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถบัสข้ามสะพาน ปั่นจักรยาน หรือเดินชมวิวบนสะพานได้อย่างชิลๆ บริเวณก่อนทางขึ้นสะพาน จะมีจุดบอกเล่าความเป็นมาของสะพานแห่งนี้ให้ได้ชมอีกด้วย
จองตั๋วเครื่องบินไปซานฟรานซิสโก กับTraveloka > https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/San-Francisco.SFO
3. ตึกเอ็มไพรสเตท (Empire State Building)
ตึกเอ็มไพรสเตท สัญลักษณ์ของมหานครนิวยอร์ก เป็นหนึ่งในอาคารที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ตั้งอยู่บนเกาะแมนฮัทตัน (Manhattan) มีความสูงทั้งสิ้น 102 ชั้น บนยอดสุดมีโดมสูงขึ้นไปอีก 60 เมตร นับเป็นอาคารหลังแรกของโลกที่มีความสูงมากกว่า 100 ชั้น และเป็นที่ทำการของบริษัทใหญ่กว่า 600 บริษัท ปัจจุบันมีความสูงเป็นอันดับที่ 14 ของโลก ที่ชั้น 86 จะมีระเบียงรอบตัวตึก ให้นักท่องเที่ยวชมวิวได้แบบพาโนรามา ไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะเซ็นทรัลปาร์ค (Central Park) จัตุรัสไทม์สแควร์ (Times Square) และเทพีเสรีภาพ (Statue of Liberty) ส่วนที่ชั้น 102 เป็นหอชมวิวชั้นที่ติดตั้งกระจกเต็มบานจากพื้นถึงเพดาน นักท่องเที่ยวสามารถชมทิวทัศน์ได้แบบอย่างสุดชิล
4. ถนนฟิฟท์อเวนิว (Fifth Avenue)
ถนนสายช้อปปิ้งสุดหรูหราในแมนฮัตตัน (Manhattan) เขตการปกครองที่ตั้งอยู่ใจกลางมหานครนิวยอร์ก (New York) เริ่มต้นจากสวนสาธารณะวอชิงตันสแควร์ (Washington Square Park) ซึ่งอยู่บริเวณหมู่บ้านกรีนวิช (Greenwich Village) ไปจบที่ถนน 143 เวสต์สตรีท (143rd West Street) ในย่านฮาร์เลม (Harlem) ถนนฟิฟท์อเวนิวเรียงรายไปด้วยช้อปแบรนด์เนมระดับโลก และมีสถานที่น่าสนใจให้ชมอย่างเช่น “อาคารเลขที่ 500” (500 Fifth Avenue) อาคารสำนักงานที่มุมตะวันตกเฉียงเหนือของฟิฟท์อเวนิว หนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของนิวยอร์ก นอกจากนี้มียังมีอาคารชื่อดังหลายแห่งให้ปักหมุดถ่ายรูปกัน ที่สำคัญถนนสายช้อปปิ้งแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ถึง 9 แห่ง เลยทีเดียว
5. อาคารรัฐสภาสหรัฐอเมริกา (United States Capitol)
อาคารรัฐสภาสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่บน “แคปปิตอลฮิลล์” (Capitol Hill) ในกรุงวอชิงตันดี.ซี. (Washington D.C.) ออกแบบโดย “วิลเลียม ธอร์นตัน” (William Thornton) สร้างขึ้นและเปิดใช้ครั้งแรกในปี 1800 ในฐานะสภาคองเกรส เป็นที่ทำการของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเป็นบางส่วนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อย่างเช่น “อาคารรัฐสภาสหรัฐอเมริกา” (US Capitol Building) อาคารหินอ่อนสีขาวทรงโดม หนึ่งในสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิกที่โดดเด่นในศตวรรษที่ 19 และ “หอสมุดรัฐสภา” (Library of Congress) ซึ่งเป็นหอสมุดที่ใหญ่ที่สุดในโลก
6. สวนสนุกแฮร์รี่พอตเตอร์ (Wizarding World of Harry Potter)
สวนสนุกแห่งพ่อมดจอมเวทย์มนตร์ ตั้งอยู่ในยูนิเวอร์แซลออร์แลนโดรีสอร์ต (Universal Orlando Resort) รัฐฟลอริดา (Florida) ไฮไลท์ของที่นี่คือ ปราสาทฮอกวอตส์ซึ่งเป็นที่ตั้งของเครื่องเล่น Harry Potter and The Forbidden Journey หมู่บ้านฮอกสมี้ด ซึ่งเป็นหมู่บ้านของบรรดาพ่อมดแม่มด ตรอกไดแอกอน ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านบอร์เก็นและเบิร์กส์ และร้านไม้กายสิทธิ์ของโอลลิแวนเดอร์ และบ้านเลขที่ 12 กริมโมลด์เพลซ บ้านของตระกูลซีเรียส ที่ใช้เป็นกองบัญชาการภาคีนกฟินิกซ์ เรียกได้ว่าให้บรรยากาศราวกับอยู่ในโลกของแฮรี่พอตเตอร์จริงๆ ไฮไลท์ของที่นีคือ นอกจากนี้ยังมีครื่องเล่นสุดอลังการมากมาย มีรถไฟฮอกวอตส์เอ็กซเพรส และรถเมล์อัศวินราตรีให้นั่งเล่นเพลินด้วยๆ นะ
จองตั๋วเครื่องบินไปโอแลนโด กับTraveloka > https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Orlando.MCO
7. ย่านไชนาทาวน์ (China Town)
ย่านไชน่าทาวน์อยู่ตรงกลางระหว่างถนนแกรนท์ (Grant Avenue) และถนนสตอกตัน (Stockton Street) ในซานฟรานซิสโก (San Francisco) เป็นชุมชนของคนจีนที่เก่าแก่ที่สุดและใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ และเป็นเขตจีนที่ใหญ่ที่สุดนอกเอเชีย เพราะเมื่อ 100 กว่าปีก่อน ชาวจีนที่ล่องเรือมาที่อเมริกา ต้องมาขึ้นท่าที่ซานฟรานฯ ที่ถือเป็นประตูหน้าของอเมริกา ในย่านนี้มีร้านค้าที่ดำเนินกิจการโดยชาวจีนมากมายหลายร้าน ทั้งร้านขายอาหารที่มีอาหารจีนให้อิ่มอร่อยสารพัดเมนู ม่ว่าจะเป็นบะหมี่ เกี๊ยว หมูแดง เป็ดย่างและติ๋มซำ
และยังมีร้านขายปลา ร้านขายผัก ร้านขายสมุนไพร และร้านขายของที่ระลึก ให้เลือกช้อปกันอย่างเพลิดเพลินราวกับเดินอยู่ที่เยาวราชเลยทีเดียว
8. อุทยานแห่งชาติเทือกเขาร็อกกี (Rocky Mountain National Park)
เป็นหนึ่งในอุทยานแห่งชาติที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา เทือกเขาร็อกกี้พาดผ่านบริติชโคลัมเบียในแคนาดา ไปจนถึงนิวเม็กซิโกในสหรัฐอเมริกา รวมแล้วมีความยาวทั้งหมด 4,800 กิโลเมตร มีธรรมชาติที่งดงามของทะเลสาบอัลไพน์และทุ่งหญ้า มียอดเขาสูงที่สุดคือ “เมาน์เอลเบิร์ท” (Mount Elbert) มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลมากกว่า 4,401 เมตร การเที่ยวชมทิวทัศน์สุดอลังการบนเส้นทาง “เทรลริดจ์” (Trail Ridge Road) ถนนทางหลวงหมายเลข 34 ซึ่งเป็นถนนที่สูงที่สุดในอุทยาน และเชื่อมระหว่างเมืองแกรนด์เลค (Grand Lake City) กับเอสเตทพาร์ก (Estate Park) ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อให้ผู้เดินทางสามารถเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพอันสวยงามแบบรอบทิศทาง บนความสูงมากกว่า 3,657 เมตร
9. เมืองแอตแลนติกซิตี้ (Atlantic City)
เมืองแอตแลนติกซิตี้ ตั้งอยู่ที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ (New Jersey)
เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมในชายฝั่งตะวันออกของอเมริกา ที่ไม่ได้มีจุดเด่นแค่น้ำทะเลและชายหาด หากยังเป็นเมืองคาสิโนที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐอเมริกา รองจากลาสเวกัส (Las vegas) ณ ถนนสายเก่าแก่ของเมืองที่ชื่อ “บอร์ดวอร์ก” (Boardwalk) มีอาคารสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมและถ่ายรูปแบบรัวๆ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหาร และบาร์ให้นั่งกินลมชมบรรยากาศเพียบอีกเช่นกัน ใครชอบบรรยากาศสุดโรแมนติก อย่าพลาดชมวิวในยามค่ำคืนที่ “ประภาคารแอบเซคอน” (Absecon Lighthouse) ซึ่งเป็นประภาคารที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ในอเมริกา
10. แกรนด์แคนยอน (Grand Canyon)
แกรนด์แคนยอน ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของทางรัฐแอริโซนา (Arizona) เป็นปรากฏการณ์การกัดเซาะของแม่น้ำโคโรลาโด (Colorado River) ที่กลายเป็นบริเวณร่องหุบเขาลึก แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ “ขอบริมผาด้านใต้” (South Rim) สูงประมาณ 2,000 เมตร เป็นจุดชมวิวแม่น้ำโคโลราโด และเป็นที่ตั้งอาคารพิพิธภัณฑ์ของชนพื้นเมืองเดิมที่เคยอาศัยอยู่บริเวณนี้ “ขอบผาด้านเหนือ” (North Rim) สูงประมาณ 2,500 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล นิยมเที่ยวในช่วงฤดูร้อนระหว่างเดือนพฤษภาคม – ตุลาคม ส่วนฤดูหนาวหิมะจะตกหนักจนไม่สามารถเข้าไปเที่ยวชมได้ ส่วนบริเวณ “ขอบผาด้านตะวันตก” (West Rim) เป็นที่ตั้งของสกายวอล์ก ซึ่งเป็นสะพานพื้นกระจกที่มีความสูงที่สุดในโลก
11. น้ำตกไนแองการา (Niagara Falls)
เป็นน้ำตกที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นน้ำตกที่สวยและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ตอนบนสุดของรัฐนิวยอร์ก น้ำตกไนแอการาประกอบด้วยน้ำตก 3 แห่ง ที่แยกออกจากกันคือ “น้ำตกเกือกม้า” (Horseshoe Falls) ซึ่งอยู่ในเขตประเทศแคนาดา “น้ำตกอเมริกา” (American Falls) ที่อยู่ใกล้ฝั่งสหรัฐอเมริกา และ “น้ำตกผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว” (Bridal Veil) น้ำตกขนาดเล็กที่อยู่ใกล้ๆ กัน ที่นี่มีกิจกรรมให้เลือกมากมาย อย่างเช่น ล่องเรือเฟอร์รีชมน้ำตก ชมวิวมุมสูงบนหอคอยสกายลอนทาวเวอร์ (Skylon Tower) นั่งเฮลิคอปเตอร์ชมน้ำตก และจุดชมวิวจากสะพานเรนโบว์ (Rainbow Bridge) สะพานที่เชื่อมระหว่างอเมริกากับแคนาดา
12. เขื่อนฮูเวอร์ (Hoover Dam)
เขื่อนฮูเวอร์ หรือ “เขื่อนหินยักษ์” (Boulder Dam) ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในสมัยปัจจุบัน เป็นเขื่อนยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดเขื่อนแรกที่สร้างขึ้นมาเพื่อเอาชนะภัยทางธรรมชาติ จากน้ำท่วมอันรุนแรงจากแม่น้ำโคโลราโด (Colorado River) บริเวณหุบเขาแบล็คแคนยอน (Black Canyon) อยู่ระหว่างรัฐเนวาดา (Nevada) และรัฐแอริโซนา (Arizona) โดยใช้เวลาสร้างทั้งหมด 5 ปี เหนือเขื่อนมีทะเลสาบขนาดใหญ่ชื่อ “ทะเลสาบมี้ด” (Lake Mead) ถือเป็นอ่างเก็บน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา กิจกรรมยอดนิยมของที่นี่คือ พายเรือแคนูชมวิวทะเลสาบ เดินป่า ขี่ม้า และปั่นจักรยานเสือภูเขา
13. บิ๊กเซอร์ (Big Sur)
บิ๊กเซอร์ คือ คือถนนไฮเวย์สายหนึ่ง (Highway 1) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ถูกจัดให้เป็นเส้นทางถนนที่วิวสวยที่สุดในอเมริกา และติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก เป็นถนนที่ตัดเลียบชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิค คดโค้งลัดเลาะไปตามหน้าผา ผ่านทัศนียภาพที่สวยงามตลอดระยะทางประมาณ 140 กิโลเมตร โดยมีไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ “สะพานบิกซ์บี” (Bixby Bridge) เป็นสะพานคอนกรีตที่มีดีไซน์สวยงาม เป็นจุดถ่ายรูปห้ามพลาดของนักท่องเที่ยว อีกหนึ่งจุดที่ต้องแวะคือ “น้ำตกแม็คเวย์” (McWay Falls) เป็นน้ำตก ที่ไหลจากหน้าผาสูงสู่มหาสมุทรถึง 80 ฟุต นอกจากนี้ยังมีจุดชมช้างน้ำ (Elephant Seal Beach) และกิจกรรมสนุกๆ ทั้งล่องเรือดูวาฬ ตั้งแคมป์ริมแม่น้ำ เดินป่า และชมหาดทรายสีม่วงที่ชื่อว่า “หาดไฟฟ์เฟอร์” (Pfeiffer Beach)
14. ฮอลลีวูด (Hollywood)
เมืองภาพยนตร์ระดับโลกของลอสแองเจลิส (Los Angeles) รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีแลนด์มาร์กสำคัญห้ามพลาดคือ “ฮอลลีวูดวอล์กออฟเฟม” (Hollywood Walk of Fame) เป็นทางเท้าบนถนนฮอลลีวูด (Hollywood Boulevard) ตัดกับถนนไวน์ (Vine Street) เป็นถนนที่ดาราชื่อดังของฮอลลีวู้ดประทับรอยมือและรอยเท้าไว้
บนรูปดาวห้าแฉกจำนวนเกือบ 5,000 ดวง บนถนนเส้นนี้ยังมีสถานที่สำคัญอย่างเช่น โรงละครดอลบี้ (Dolby Theatre) สถานที่จัดงานงานประกาศผลรางวัลออสการ์ และโรงภาพยนตร์จีน (TCL Chinese Theatre) สถานที่แสดงรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์เรื่องดังนับไม่ถ้วน อีกจุดสุดฮอตคือ “ถนนซันเซ็ท” (Sunset Boulevard) ที่เต็มไปด้วยสีสันของสถานบันเทิงยามราตรี และถนนเมลโรส (Melrose Avenue) สวรรค์ของบรรดานักช้อปปิ้ง
จองตั๋วเครื่องบินไปแอลเอ กับTraveloka > https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Los-Angeles.LAX
15. เมืองคีย์เวสต์ (Key West)
เมืองตากอากาศสุดชิล อยู่ทางใต้สุดของสหรัฐอเมริกาที่เมืองฟลอริดา (Florida) อยู่ใกล้กับฮาวานา (Havana) เมืองหลวงของคิวบา (Cuba) ประมาณ 140 กิโลเมตร เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีกลิ่นอายของประวัติศาสตร์เก่าแก่ให้ระลึกถึง อย่างเช่น “บ้านและพิพิธภัณฑ์เออร์เนสต์เฮมิงเวย์” (Ernest Hemingway Home and Museum) บ้านพักของนักเขียนชื่อดัง “เออร์เนสต์ เฮมมิงเวย์” (Ernest Hemingway) “โบสถ์เอพิสโกพัลเซนต์พอล” (St Paul’s Episcopal Church) โบสถ์คริสต์สีขาวที่ตั้งโดดเด่นอยู่กลางใจเมือง อย่าลืมถ่ายรูปกับ “จุดใต้สุดของอเมริกา” ที่เรียกว่า “Southernmost Point” และจุดที่เรียกว่า “Mile Zero” ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดและจุดเริ่มต้นของถนนในอเมริกา
จองตั๋วเครื่องบินไปฟลอริด้า กับTraveloka > https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Miami.MIA
16. เมืองมอนเทอเรย์ (Monterey)
เมืองชายฝั่งทะเลทางตอนใต้ของมอนเทอเรย์เบย์ (Monterey Bay) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวประมงดั้งเดิม แลนด์มาร์กของเมืองอยู่ที่ “ฟิชเชอร์แมนวาร์ฟ” (Old Fisherman’s Wharf) ที่ยังคงบรรยากาศท่าเรือประมงเก่าดั้งเดิมไว้ มีร้านค้าเป็นอาคารไม้สีสันสวยงาม มีร้านอาหารทะเล ผับบาร์และร้านเหล้าให้นั่งชิลเพียบ แถมยังมีทัวร์พาไปตกปลาและดูปลาวาฬอีกด้วย อีกย่านริมน้ำ “คันเนรีโรว์” (Cannery Row) อดีตเป็นโรงงานผลิตปลาซาร์ดีนกระป๋อง ปัจจุบันได้รับการดัดแปลงให้เป็นร้านขายของที่ระลึก แกลลอรี่ ร้านอาหารและร้านชิมไวน์ ทางเหนือสุดของคันเนรีโรว์ เป็นที่ตั้งของ “พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมอนเทอเรย์เบย์” (Monterey Bay Aquarium) ซึ่งได้ชื่อเป็นอะควาเรี่ยมที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
17. หาดไมอามี (Miami Beach)
หาดชื่อดังของรัฐฟลอริดา (Florida) ตั้งอยู่ระหว่างมหาสมุทรแอตแลนติก (Atlantic Ocean) กับอ่าวบิสเคย์น (Biscayne Bay) ในเขตไมอามีเดดเคาน์ตี้ (Miami Dade County) เป็นหาดทรายขาวโค้งเว้าเป็นแนวยาวกว่า 7 ไมล์
ถูกขนาบด้วยทะเลสองฟากฝั่ง เหมาะกับการมาเล่นน้ำเเละทำกิจกรรมทางน้ำมากมาย มีทางเดินเลียบชายหาด หรือ “Miami Beach Boardwalk” ที่ทอดยาวจากสวนสาธารณะอินเดียนบีซ (Indian Beach Park) ไปยังสวนสาธารณะ สวนสาธารณะเซาท์พ้อยต์ (South Point Park) ซึ่งเป็นจุดชมความงามของท่าเรือไมอามี่ ส่วนทางเหนือของหาดเต็มไปด้วยที่พักหลากสไตล์ และมีเเหล่งบันเทิงยามราตรีให้นั่งชิลกับบรรยากาศเพียบ
จองตั๋วเครื่องบินไปไมอามี่ กับTraveloka > https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Miami.MIA
18. คลาวด์เกต (Cloud Gate)
คลาวด์เกตเป็นประติมากรรมขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ที่มิลเลนเนียมพาร์ก (Millennium Park) สวนสาธารณะใจกลางกรุงชิคาโก สัญลักษณ์ของชิคาโกแห่งนี้มีชื่อเล่นว่า “เมล็ดถั่ว” (The Bean) สร้างขึ้นระหว่างปี 2004 – 2006 โดยศิลปินเชื้อสายอินเดีย สัญชาติอังกฤษนาม “อนิช คาพัวร์” (Anish Kapoor) สร้างขึ้นด้วยแผ่นสแตนเลสจำนวน 168 ชิ้น เชื่อมติดเข้าด้วยกัน จากนั้นขัดเงาจนไร้รอยต่อ ตั้งโดดเด่นอยู่กลางลานเอนกประสงค์ขนาดใหญ่ชื่อ “เอทีแอนด์ทีพลาซ่า” (AT&T Plaza) ในบริเวณอื่นๆ ของสวนสาธารณะยังมีงานประติมากรรมที่น่าสนใจอีกเช่น “น้ำพุคราวน์” (The Crown Fountain) เป็นวิดิโอประติมากรรมประกอบแสงสีเสียง ที่แสดงบนประติมากรรมน้ำพุแท่งแกรนิตสีดำ ซึ่งมีขนาดสูงถึง 15 เมตร
จองตั๋วเครื่องบินไปชิคาโก กับTraveloka > https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Chicago.ORD
19. ทะเลสาบเครเตอร์ (Crater Lake)
ทะเลสาบเครเตอร์ เป็นทะเลสาบที่สวยงามที่สุดอันดับต้นๆ ของโลก ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติเครเตอร์เลก (Crater Lake National Park) รัฐออริกอน (Oregon) เป็นทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟที่ลึกที่สุดในอเมริกา และลึกที่สุดเป็นอันดับ 9 ของโลก ที่ความลึก 1,943 ฟุต อายุกว่า 7,000 ปี จุดเด่นอยู่ที่เป็นทะเลสาบสีฟ้าใสแจ๋ว โอบล้อมไปด้วยหน้าผาหินปากปล่องภูเขาไฟ และป่าสนสีเขียวอันอุดมสมบูรณ์ และมีเกาะแม่มด (Wizard Island) ตั้งโดดเด่นอยู่กลางทะเลสาบ ภายในอุทยานฯ มีเส้นทางเดินป่าและที่ตั้งแคมป์หลายแห่ง ให้นักท่องเที่ยวได้พักผ่อนใกล้ชิดธรรมชาติ ที่สำคัญที่นี่ยังเป็นแหล่งตกปลาปลาเทราต์และปลาแซลมอนที่ขึ้นชื่ออีกด้วย
จองตั๋วเครื่องบินไปออริกอน กับTraveloka > https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Portland.PDX
20. อนุสรณ์สถานแห่งชาติเขารัชมอร์ (Mount Rushmore)
อนุสรณ์สถานแห่งชาติเขารัชมอร์ หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “เมาท์รัชมอร์” ตั้งอยู่บนเทือกเขาแบล็คฮิลส์ (Black Hills ในรัฐเซาท์ดาโคตา (South Dakota) นับเป็นประติมากรรมที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ผ่านการแกะสลักบนหน้าผาภูเขาหินแกรนิตสูง 18 เมตร เป็นรูปใบหน้าประธานาธิบดีอเมริกัน 4 คน ที่มีบทบาทสำคัญตั้งแต่การประกาศอิสรภาพจากอังกฤษ ได้แก่ “จอร์จ วอชิงตัน” (George Washington) “โธมัส เจฟเฟอร์สัน” (Thomas Jefferson) “ธีโอดอร์ รูสเวลท์” (Theodore Roosevelt) และ “อับราฮัม ลินคอล์น” (Abraham Lincoln) อนุสาวรีย์แห่งนี้ยังได้รับสมญานามว่าเป็น “อนุสรณ์สถานแห่งประชาธิปไตย” (Shrine of Democracy) อีกด้วย
หลังจากดูที่เที่ยวอเมริกาทั้งหมดนี้แล้ว และอยากไปเที่ยว ให้เตรียมวีซ่าให้พร้อม พาสปอร์ตให้พร้อม รวมถึงเอกสารอื่นๆ ที่จำเป็นจะต้องใช้ แล้วไปจองตั๋วเครื่องบินไปอเมริกากันได้เลย กลับมาอย่าลืมจองโรงแรมสำหรับกักตัว 1 คืน และถ้าหากตรวจ COVID-19 แล้วผลเป็นลบ ก็เดินทางไปเที่ยวต่อได้เลย แนะนำอเมริกาให้เป็นอีกหนึ่งจุดหมายสำหรับคนที่อยากเที่ยวช่วงนี้