30 แลนด์มาร์คในอเมริกาสุดปัง ต้องไปเช็คอินกันสักครั้ง 2567
เชื่อว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เตรียมพร้อมที่จะรอคอยการได้ออกเดินทางกันอีกครั้ง ที่ถึงแม้ว่าในตอนนี้สถานการณ์โควิด-19 (COVID-19) จะยังไม่ดีขึ้นขนาดนั้น แต่ก็มีบางประเทศที่สามารถบินจากไทยไปเที่ยวกันได้แล้ว แบบที่มีแค่วีซ่า ไม่ต้องใช้เอกสารอะไรให้ยุ่งยาก อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องกักตัวอย่างเช่นประเทศสหรัฐอเมริกานี่เอง จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลายคนถึงจองตั๋วเครื่องบินไปอเมริกากันในตอนนี้ เนื่องด้วยว่าเป็นประเทศที่บางเมืองได้มีการกลับมาใช้ชีวิตกันแถบจะเหมือนเดิมแบบปกติ แถมยังเที่ยวกันได้แบบชิลล์ๆ ดังนั้นในบทความนี้นอกจากเราจะพาทุกท่านไปเยี่ยมชมแลนด์มาร์คสุดปังในอเมริกากันแล้ว ยังเอาตั๋วเครื่องบินราคาถูกไปสหรัฐอเมริการาคาถูกมาฝากกันด้วย จองตั๋วเครื่องบินไปอเมริกากับ Traveloka คลิก > https://www.traveloka.com/th-th/flight-to-united-states-of-america
แม้ว่าในตอนนี้ประเทศสหรัฐอเมริกาจะอนุญาตให้นักเดินทางสัญชาติไทย สามารถเดินทางเข้าประเทศได้ และไม่จำเป็นต้องกักตัวแล้ว ทว่า
1. อุทยานแห่งชาติโยเซมิตี (Yosemite National Park)
นักท่องเที่ยวสายธรรมชาติรับรองว่าจะต้องถูกอกถูกใจกับที่เที่ยวอเมริกาแห่งนี้อย่างแน่นอนกับ “อุทยานแห่งชาติโยเซมิตี (Yosemite National Park)” ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงาม และเนื้อที่กว้างใหญ่ เป็นอุทยานแห่งชาติชื่อดังระดับโลก ไม่ได้ชื่อเสียงแค่ในสหรัฐอเมริกาแต่เพียงเท่านั้น โดยสถานที่แห่งนี้ได้ตั้งอยู่บนเทือกเขาเซียร์ราเนวาดา อันเป็นที่ตั้งของน้ำตกที่สูงมากที่สุดของทวีปอเมริกาเหนือ ความโดดเด่นของอุทยานแห่งชาติโยเซมิตี ไม่ใช่แหล่งตั้งแคมป์เท่านั้น แต่ยังมีความแตกต่างของธรรมชาติ ทั้งหุบเขา แม่น้ำ น้ำตก และยอดเขาสลับทับซ้อน ใครที่ชื่นชอบวิวสวยๆ และธรรมชาติเป็นหลักต้องตกหลุมรักที่นี่แน่นอนเลย
2. สะพานโกลเดนเกต (Golden Gate Bridge)
หนึ่งในแลนด์มาร์คขึ้นชื่อของประเทศสหรัฐฯ หรือว่าแลนด์มาร์คชื่อดังของเมืองซานฟรานซิสโก ที่ใครจองตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวซานฟรานแล้วไม่ได้ไปเยือนสะพานแห่งนี้แล้วละก็ดูเหมือนจะไปไม่ถึงกันเลยทีเดียว ความมหัศจรรย์ของสะพานแห่งนี้ไม่ใช่แค่ความสวยงาม และยิ่งใหญ่ของสะพานสีแดงที่ทอดยาวผ่านช่องแคบมหาสมุทรแปซิฟิก และอ่าวซานฟรานซิสโกแต่เพียงเท่านั้น ทว่ายังถูกบันทึกให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบันเช่นเดียวกัน เพราะด้วยโครงสร้างพิเศษ และความซับซ้อนของการก่อสร้าง ที่ทำให้สะพานนี้สามารถทนต่อแรงลม และพายุเฮอร์ริเคนที่มีความรุนแรงได้ โดยสีแดงของสะพานนั้นเกิดมาจากการทาสีแดง เพื่อปิดบังไม่ให้เห็นสีสนิมของเหล็กที่โดนกัดกร่อนจากลมทะเลนั่นเอง
3. วอลท์ ดิสนีย์ เวิลด์ (Walt Disney World)
สานฝันในวัยเด็กด้วยการบินมาเที่ยวสวนสนุกกันที่ฟลอริด้ากันดีกว่า เชื่อว่ามีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อย ที่ตั้งใจจองตั๋วเครื่องบินไปฟลอริด้า เพื่อที่อยากจะไปเที่ยวสวนสนุกดิสนีย์เวิลด์อันเป็นสวนสนุกดิสนีย์ที่มีพื้นที่กว้างใหญ่มากที่สุดในโลก ประกอบไปด้วยสวนสนุกหลายโซน และมีส่วนของโรงแรมอยู่ด้านใน ที่บอกเลยว่าหากใครอยากจะเก็บให้ครบทุกโซน ต้องวางแผนมาเที่ยวกันให้ดี เพราะมาเที่ยววันหรือสองวันก็อาจจะยังไม่ครบ เนื่องจากสวนสนุกแห่งนี้จะมีพื้นที่กว้างใหญ่เป็นอย่างมาก ถือว่าเป็นอีกหนึ่งในแลนด์มาร์คดังของสหรัฐอเมริกาที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัยเลยหล่ะ
4. หุบเขาแอนทีโลพ (Antelope Canyon)
ขึ้นชื่อว่าเป็นทั้งหุบเขาที่ทั้งสวยที่สุด และอันตรายที่สุดด้วยเช่นเดียวกันกับ “หุบเขาแอนทีโลพ (Antelope Canyon)” เพราะว่าสิ่งที่คุณเห็นว่าสวยงามอยู่ตรงหน้านี้ เกิดขึ้นจากการพังทลายของชั้นหิน จากการกัดเซาะอย่างรุนแรงจากกระแสน้ำที่รุนแรง และมหาศาลทำให้เกิดเห็นเป็นสีสันสวยงาม และชั้นหินมากมาย เพราะว่ามาจากการที่ลม พายุ และน้ำพัดพากัดเซาะออกมา เนื่องด้วยการที่หุบเขาแอนทีโลพได้กลายมาเป็นหุบเขาที่อันตรายมากที่สุด ก็เพราะว่าสามารถเกิดน้ำท่วมด้านในได้ทุกเมื่อ มาพร้อมกับระดับที่สูงมากประมาณ 10 เมตร ดังนั้นด้านในจึงถือว่าเป็นหุบเขาที่อันตราย แต่หากใครอยากเดินทางเข้าไปเที่ยวก็จำเป็นจะต้องจ้างไกด์ท้องถิ่นที่ทาง Navajo นำทางมาให้ และก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าหุบเขาแห่งนี้กลายเป็นหนึ่งในที่เที่ยวสหรัฐที่ควรค่าแก่การมาเยือนไปซะแล้ว
5. ทะเลสาบทาโฮ (Lake Tahoe)
อยากได้สถานที่สวยๆ เหมาะกับถ่ายรูป หรือว่าอยากจะลองมาหากิจกรรมทำบริเวณรอบทะเลสาบแห่งนี้ก็ได้เช่นกัน แนะนำให้เดินทางมาเที่ยวที่ทะเลสาบทาโฮ (Lake Tahoe) เป็นหนึ่งในทะเลสาบชื่อดังของประเทศอเมริกา เพราะนับว่าเป็นทะเลสาบที่มีระดับน้ำที่ลึกเป็นอันดับ 2 ของประเทศ โดดเด่นด้วยความสวยงาม เนื่องจากมีความใสสวยงามของน้ำที่ใสราวกับกระจก ตั้งอยู่ระหว่างพรหมแดนของรัฐเนวาดา และรัฐแคลิฟอร์เนีย ถ้าหากว่าคุณมาเยือนทะเลสาบทาโฮในวันที่ฟ้าสดใส จะสามารถมองเห็นวิวสวยๆ ของแนวเทือกเขา Sierra Nevada ได้จากวิวสะท้อนบนพื้นน้ำของทะเลสาบเลยทีเดียว คนส่วนมากก็มักจะมาทำกิจกรรม พายเรือคายัค ขี่จักรยาน ขึ้นบอลลูน หรือตั้งแคมป์กันบริเวณนี้
6. อุทยานธารน้ำแข็ง (Exit Glacier National Park)
เปลี่ยนบรรยากาศจากการแนะนำที่เที่ยวแนวแคมป์ปิ้งมาเป็นการเที่ยวแบบอุทยานธารน้ำแข็ง หรือไปชมฟยอร์ดแบบสวยๆ สุดอลังการกันบ้างกับ “Exit Glacier National Park” อันเป็นส่วนหนึ่งของ Kenai Fjords National Park ที่เป็นทั้งจุดเดินป่า และชมธารน้ำแข็งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ตั้งอยู่ภายในเมือง Seward ของอลาสก้า ที่ถึงแม้จะเห็นไม่ว่ามองไปทางไหนจะพบเห็นเป็นธารน้ำแข็งเต็มไปหมด แต่คุณสามารถทำกิจกรรมมากมายได้ที่บริเวณอุทยานธารน้ำแข็งนี้ที่นอกเหนือจากการชมธารน้ำแข็ง อาทิ ชมปลาวาฬ ล่องเรือชมสัตว์ทะเล พายเรือคายัค เป็นต้น
7. อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน (Yellowstone National Park)
หากมีโอกาสก็อยากให้ลองจองตั๋วเครื่องบินไปสหรัฐอเมริกา แล้วไปเยือนอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตนกันดูสักครั้ง เพราะไม่ใช่แค่การขึ้นชื่อด้วยการเป็นอุทยานแห่งชาติที่สวยงาม และมีบ่อน้ำพุร้อนหลากสีที่คงปะทุอยู่ทุกเมื่อ ทว่าอุทยานแห่งนี้ยังเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของโลก และของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย ภายในของอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตนจะเต็มไปด้วยพื้นที่ต่างๆ ที่มีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก ไฮไลท์จะอยู่ที่ บ่อน้ำพุหลากสี ภูเขาไฟใต้พื้นดิน ทะเลสาบ บ่อน้ำโคลนเดือด ป่าเขา แม่น้ำ ลำธาร และไกเซอร์มากมายกว่า 1,000 แห่ง ถือว่าเป็นอุทยานที่มีทั้งความสวยงาม และน่าตื่นตาตื่นใจ
8. น้ำตกไนแองการา (Niagara Falls)
ที่สุดของน้ำตกซึ่งกั้นระหว่างสองประเทศสหรัฐอเมริกา กับแคนาดาเอาไว้ด้วยกัน ทั้งงดงาม และทรงพลังสำหรับ “น้ำตกไนแองการา (Niagara Falls)” ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของทวีปอเมริกาเหนือ เป็นแลนด์มาร์คของรัฐนิวยอร์ก ที่หากใครมีโอกาสก็อยากจะให้แวะเวียนไป เพราะเป็นน้ำตกที่ทั้งสวยงาม และยิ่งใหญ่อลังการมาก มีลักษณะเป็นรูปทรงเกือกม้า โดยน้ำตกไนแองการาฝั่งอเมริกานั้นมีความสูงมากถึง 167 ฟุตด้วยกัน ความงดงามที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดแค่เพียงความงดงามของน่้ำตกแต่เพียงเท่านั้น ยังรวมไปถึงเวลาที่ละอองน้ำตกกระเซ็นลงไปสู่เบื้องล่าง ทำให้เกิดเป็นรุ้งกินน้ำอยู่ในบริเวณนั้นตลอดเวลา จนได้ขึ้นชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สวยงามมากที่สุดในโลกเลยทีเดียว
9. สวนสาธารณะ เซ็นทรัลพาร์ค (Central Park)
จองตั๋วเครื่องบินไปนิวยอร์กแล้วไปเช็คอินกันที่สวนสาธารณะเซ็นทรัลพาร์คกันดีกว่า เพราะที่เที่ยวแห่งนี้นับว่าเป็นจุดแลนด์มาร์คเด่นของนิวยอร์กกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นชาวเมืองนิวยอร์กเอง หรือนักท่องเที่ยวมักจะมาทำกิจกรรมบริเวณที่สวนสาธารณะแห่งนี้ โดยเซ็นทรัลพาร์คนั้นอยู่ใจกลางเมืองนิวยอร์ก มีขนาดใหญ่มากกว่า 800 เอเคอร์ด้วยกัน มีความสำคัญเหมือนกับเป็นหัวใจของนิวยอร์ก เต็มไปด้วยผืนป่าอันเขียวขจีช่วยเติมความเป็นธรรมชาติให้กับนิวยอร์กได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ ด้านในเซนทรัลพาร์คจะมีหลายส่วนด้วยกัน มีทั้งประติมากรรม ทะลสาบธรรมชาติ ลานสเก็ตสำหรับฤดูหนาว ทุ่งหญ้าสำหรับเลี้ยงแกะ หรือแม้แต่สวนสัตว์ นับว่าเป็นจุดเช็คอินของนิวยอร์กที่ไม่อยากให้พลาดเลยจริงๆ
10. เดอะบีน (The Bean)
อันเป็นที่รู้จักกันดีว่า “เดอะบีน (The Bean)” หรือว่า “คลาวด์ เกท” (Cloud Gate) นั้นเป็นจุดเช็คอินที่โด่งดังมากของเมืองชิกคาโก ไม่ว่าใครที่จะแวะเวียนไปมาก็ต้องมาถ่ายรูปที่เที่ยวชิกคาโกแห่งนี้กันทั้งนั้น เพราะว่าเจ้าถั่ว หรือว่าชื่อเล่นของปะติมากรรมคลาวด์เกทนี้ ได้ทำมาจากสแตนเลสจำนวนมากถึง 168 แผ่นด้วยกัน ได้มีการนำมาต่อกัน แล้วขัดจนขึ้นเงา ทำให้มองไม่เห็นรอยต่อของแผ่นสแตนเลสแต่อย่างใด ถูกสร้างขึ้นโดยศิลปิน Anish Kapoor ได้รับแรงบันดาลใจมาจากปรอท เนื่องด้วยรูปทรง และรูปร่างดูคล้ายกับถั่ว จึงทำให้สถาปัตยกรรมนี้ถูกเรียกว่าถั่ว
11. ทะเลทรายสีขาว (White Sands National Monument)
กำลังตามหาโลเคชั่นเด็ดสำหรับถ่ายรูปที่อเมริกาอยู่หรือเปล่า ถ้าหากว่าใช่ ขอแนะนำเลยว่าให้มาปักหมุดกันไว้ที่ “ทะเลทรายสีขาว (White Sands National Monument” กันไว้ได้เลย เนื่องจากว่าโด่งดังเรื่องความสวยงามของทะเลทรายสีขาวละเอียดสุดลูกหูลูกตา ที่แท้จริงแล้วที่เห็นอยู่ด้านหน้านี้ไม่ใช่ทรายแต่อย่างใด กลับเป็นยิปซั่มที่ถูกกัดกร่อนมาเป็นเวลานาน จนกลายมาเป็นผงละเอียดอย่างที่เห็นอยู่ สำหรับที่ตั้งของทะเลทรายสีขาวนี้ ได้ตั้งอยู่ระหว่างเทือกเขาซาคราเมนโต และซาน อันเดรียส นอกเหนือจากจะเป็นโลเคชั่นสวยๆ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้มาเยือนรัฐนิวเม็กซิโกแล้ว ยังเป็นแหล่งยิปซั่มที่ใหญ่มากที่สุดในโลกด้วย
12. ภูเขาสีรุ้งกลางทะเลทราย (Salvation Mountain)
นักท่องเที่ยวสายถ่ายรูปทั้งหลายบอกเลยว่าห้ามพลาดเป็นอันขาด กับที่เที่ยวอเมริกาแห่งนี้ เพราะฮอตฮิตเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เต็มไปด้วยมุมน่ารักเต็มไปหมด โดยที่เที่ยวแห่งนี้ได้ตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลทราย ภายในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของแคลิฟอร์เนีย สร้างขึ้นโดย Leonard Knights เพื่อประกาศให้คนรับรู้ถึงความรักต่อพระเจ้า ซึ่งสร้างขึ้นจากกระดาษ ปูนปลาสเตอร์ และขยะ ระบายสีเป็นโทนพาสเทล และเต็มไปด้วยรูปวาด และโทนสีสวยงามมากมาย กลายมาเป็นที่ถ่ายรูป และที่เที่ยวชื่อดังที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาเที่ยวแบบไม่ขาดสายเลยหล่ะ
13. ฮอลลีวูดวอล์กออฟเฟม (The Hollywood Walk of Fame)
หากมีเวลาได้แวะไปเที่ยวที่ฮอลลีวูด ก็อยากลืมแวะไปเที่ยว และถ่ายรูปกับถนนสายประวัติศาสตร์คนดังกับ “ฮอลลีวูดวอล์กออฟเฟม (The Hollywood Walk of Fame)” กันดูสักครั้ง เพราะถนนแห่งนี้จะโดดเด่นไปด้วยถนนที่เป็นหินขัด และมีรูปดาวห้าแฉกสีชมพู มีทั้งชื่อ และลายเซ็นของคนดังประดับอยู่บนถนนมากมายเรียงรายเต็มไปหมด มีทั้งคนดังที่ยังคงมีชีวิตอยู่ รวมไปถึงคนดังที่ฝากไว้แต่เพียงชื่อเสียงได้จากลาโลกนี้ไปซะแล้ว โดยผู้มีชื่อเสียงที่จะมีชื่ออยู่บนถนนสายนี้จะต้องมีการถูกเสนอชื่อเข้าไป และต้องถูกรับเลือกภายในเกณฑ์ที่กำหนดเท่านั้น ภายในหนึ่งปีจะมีนักท่องเที่ยวมากมายเดินทางไปที่ถนนสายฮอลีวูดเพื่อถ่ายรูปกับ Hall of Fame ของศิลปินที่ตนชื่นชอบ
14. ไมอามี่ บีช (Miami Beach)
ไปอาบแดดให้ผิวแทน พร้อมกับทอดกายบนชายหาดที่ขึ้นชื่อมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกกับ “ไมอามี่ บีช (Miami Beach)” กันดีกว่า โดยไมอามี่ได้ตั้งอยู่ในรัฐฟลอริด้า หากใครได้มีโอกาสแวะเวียน หรือจองตั๋วเครื่องบินไปฟลอริด้าก็แวะไปเที่ยวที่ไมอามี่บีชกันได้ ความโดดเด่นของไมอามี่ บีช ก็ต้องยกให้กับหาดทรายขาวที่ทอดยาว และมีผู้คนมาทำกิจกรรมริมชายหาดเต็มไปหมด นอกจากนั้นยังมีทั้งที่เที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่มากมาย นับว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือก และสถานที่ผู้คนนิยมเดินทางมาพักร้อนกันมากที่สุด ใครที่ไปเที่ยวอเมริกาแล้วอยากไปเที่ยวเมืองติดทะเล แนะนำให้ไปที่ไมอามี่บีช ส่วนย่านที่โด่งดังก็คือ เซาท์บีช (South Beach) ที่ตั้งอยู่บริเวณตอนใต้ของไมอามี่บีช
15. ไทม์สแควร์ (Times square)
ที่สุดของความทันสมัย มีแหล่งช้อปปิ้งครบ และเปรียบเสมือนเป็นย่านที่ไม่เคยหลับใหล ก็ต้องยกให้กับ “ไทม์สแควร์ (Times square)” หากใครที่ไปแมนฮัตตัน หรือว่านิวยอร์ก แล้วยังไม่เคยไปเยือนไทม์สแควร์ ขอแนะนำเลยว่าไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงไม่ว่าอะไรก็ตาม เพราะบริเวณนี้ถือว่าเป็นย่านที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นฤดูอะไร หรือเทศกาลอะไรก็แล้วแต่ จะมีผู้คนมารวมกันที่บริเวณไทม์สแควร์เป็นจำนวนมาก เพราะเป็นทั้งจุดตัดของถนนหลายสาย เต็มไปด้วยบิลบอร์ดโฆษณามูลค่ามหาศาล จึงปฎิเสธไม่ได้เลยว่าบริเวณไทม์สแควร์นี้ได้กลายมาเป็นแหล่งเช็คอินที่สำคัญจุดหนึ่งของนิวยอร์กไปซะแล้ว
16. อุทยานแห่งชาติดรายตอร์ตูกัส (Dry Tortugas National Park)
หนึ่งในความสวยงาม เป็นอุทยานแห่งชาติที่อยากให้จดเอาไว้ในลิสต์ที่ต้องไปโดนกับ “อุทยานแห่งชาติดรายตอร์ตูกัส (Dry Tortugas National Park)” เป็นป้อมปราการที่ตั้งอยู่กลางทะเล ในรัฐฟลอริดา บริเวณโดยรอบของป้อมปราการจะรายล้อมไปด้วยน้ำทะเลที่ใสสะอาดราวกับคริสตัล และหาดทราบขาวใสสะอาดนุ่มละเอียด ที่นอกเหนือจากกิจกรรมทางทะเล คุณสามารถซื้อทัวร์ไปเที่ยวกันแบบวันเดย์ทริป หรือจะเลือกดำน้ำแบบสน็อกเกิ้ลก็ได้ นอกเหนือจากสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับธรรมชาติ ก็คือป้อมปราการทางทะเลที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และใช้อิฐมากถึง 16 ล้านก้อน
17. อนุสรณ์สถานแห่งชาติเขารัชมอร์ (The Mount Rushmore National Memorial)
ไม่ใช่แค่เป็นที่เที่ยวที่สำคัญของอเมริกาแต่เพียงเท่านั้น ทว่า “อนุสรณ์สถานแห่งชาติเขารัชมอร์ (The Mount Rushmore National Memorial)” เป็นอนุสรณ์สำคัญของอเมริกาที่สำคัญแห่งหนึ่ง เป็นปะติมากรรมที่ถูกแกะสลักอยู่บนหินแกรนิต ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองคีย์สโตน รัฐเซาท์ดาโกต้า โดยจุดเด่นของอนุสรณ์สถานเขารัชมอร์นี้เปรียบสเมือนเป็นอนุสรณ์สำคัญ เป็นสัญลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่ของประธานาธิบดี ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 1,000 เอเคอร์ และอยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเลมากถึง 1,745 เมตร ถือว่าเป็นอนุสรณ์ที่สำคัญมากของสหรัฐฯ
18. เทอร์นิพ ร็อค (Turnip Rock)
มีโอกาสได้จองตั๋วเครื่องบินไปมิชิแกน (Michigan) แนะนำเลยว่าปักหมุด “เทอร์นิพ ร็อค (Turnip Rock)” หรือ เกาะหัวผักกาดเอาไว้ได้เลย เพราะนอกเหนือจะเป็นที่เที่ยวแนะนำในมิชิแกนแล้วนั้น ยังเป็นที่เที่ยวขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมาก ความน่าสนใจของเทอร์นิพ ร็อคก็คือเป็นเกาะที่งดงามอันเกิดจากการกัดเซาะจากธรรมชาติ โดยการกัดเซาะของน้ำ และก่อตัวทางธรณีวิทยา ตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลสาบฮูรอน (Huron Lake) รายล้อมไปด้วยความงดงามของน้ำทะเลที่ใสสะอาด คนส่วนมากนิยมมาทำกิจกรรมทางน้ำ อย่างเช่น พายเรือคายัค หรือปิคนิคบริเวณนี้ สำหรับการเข้าไปเที่ยวที่เทอร์นิพ ร็อคจะต้องเดินทางเข้าไปด้วยเรือเพียงเท่านั้น
19. อุทยานแห่งชาติไบรซ์แคนยอน (Bryce Canyon National Park)
คนที่ชื่นชอบการเดินทางไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ จะต้องชื่นชอบที่เที่ยว “อุทยานแห่งชาติไบรซ์แคนยอน (Bryce Canyon National Park)” อย่างแน่นอน เพราะว่าเต็มไปด้วยแกรนด์แคนยอนสลับทับซ้อน เห็นวิวงดงามสุดลูกหูลูกตาเต็มไปหมด ตั้งอยู่ภายในรัฐยูทาห์ (Utah) โดดเด่นด้วยภูมิประเทศที่เป็นหน้าผาสูง ที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเลมากถึง 8000-9000 ฟุต สำหรับแกรนด์แคนยอนที่เห็นภายในอุทยานแห่งชาติไบรซ์แคนยอนแห่งนี้ จะเป็นแกรนด์แคนยอนที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติทั้งหมด ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 60 ล้านปีที่แล้ว เป็นการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก ทำให้ที่ราบสูงถูกยกตัวขึ้นอย่างรุนแรง และเกิดการกัดเซาะ จึงทำให้เกิดเป็นแกรนด์แคนยอนอย่างที่เห็นนี้ แนะนำสำหรับใครที่พอมีเวลา ให้ลองไปเดินศึกษาธรรมชาติ เพราะจะต้องใช้เวลามากกว่าประมาณ 1 วัน เนื่องจากว่าภายในอุทยานแห่งชาติไบรซ์แคนยอน มีพื้นที่กว้างใหญ่ และประกอบไปด้วยที่เที่ยวหลายส่วนด้วยกัน
20. บลูบอนเน็ต เทรล (Bluebonnet Trail)
สาวๆ ทั้งหลายที่อยากได้โลเคชั่นสวยๆ ภายในอเมริกา สำหรับถ่ายรูป โดยเฉพาะโลเคชั่นทุ่งดอกไม้แบบสวยๆ “บลูบอนเน็ต เทรล (Bluebonnet Trail)” เป็นหนึ่งใน Wish Lists ที่ควรจะต้องปักหมุดเอาไว้ เพราะว่าเป็นที่เที่ยวชื่อดังประจำรัฐเท็กซัส (Texus) เนื่องจากเป็นหนึ่งในเส้นทางดอกไม้ที่โด่งดังอันดับต้นของประเทศอเมริกา ไม่ใช่แค่ภายในรัฐเท็กซัสแต่เพียงเท่านั้น ความโดดเด่นก็คือตามเส้นทางของ บลูบอนเน็ต เทรล (Bluebonnet Trail) จะเต็มไปด้วยสีฟ้าของดอกบลูบอนเน็ท (Bluebonnet) สีฟ้าอมม่วงเต็มไปหมด แนะนำใครที่อยากถ่ายรูป ให้ไปในช่วงฤดูใบไม้ผลิ หรือว่าฤดูร้อนที่ดอกไม้กำลังผลิบาน
21. สะพานบรูคลิน (Brooklyn Bridge)
นอกเหนือจากย่านไทม์แสควร์ในแมนฮัตตันแล้วนั้น สะพานบรูคลินก็เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คเด็ดของเมืองนิวยอร์กที่ไม่อยากให้พลาด เพราะว่าเป็นสะพานแขวนที่ใหญ่มากที่สุดในโลก เป็นแลนด์มาร์คที่สวยงาม ไม่ว่าใครที่เดินทางมาเที่ยวนิวยอร์กก็มักจะเดินทางมาถ่ายรูปที่บริเวณนี้ด้วยกันแถบจะทั้งนั้น ซึ่งสะพานบรูคลินเป็นสะพานแขวนที่เก่าแก่ สร้างเสร็จตั้งแต่เมื่อปี 1883 วัสดุที่ใช้ก่อสร้างสะพานนั้นสร้างด้วยหิน และเหล็กกล้า ใช้เชื่อมระหว่างเกาะแมนฮัตตัน และบรูคลิน หากใครจองตั๋วเครื่องบินไปนิวยอร์ก แนะนำว่าห้ามพลาด เพราะไม่ได้โดดเด่นแค่วิวบนสะพานแต่เพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นแลนด์มาร์คที่มองมุมไหนก็งดงาม
22. ธารน้ำแข็งเมนเดนฮอลล์ (Mendenhall Glacier Caves)
จองตั๋วเครื่องบินไปอลาสก้ากันดีกว่า ถ้าหากว่าคุณมาเที่ยวอเมริกาแล้วอยากถ่ายรูปคูากับธารน้ำแข็งอันยิ่งใหญ่สุดอลังการ เพราะว่าที่อลาสก้านี้จะมีทั้งถ้ำน้ำแข็ง และธารน้ำแข็งที่น่าตื่นตาตื่นใจอีกเพียบ สำหรับที่ธารน้ำแข็งเมนเดนฮอลล์นี้ จะมีที่เที่ยวน่าสนใจก็คือถ้ำน้ำแข็ง อันเป็นจุดเช็คอินของนักท่องเที่ยวมากมาย เป็นถ้ำที่เกิดจากธารน้ำแข็งธรรมชาติ เกิดขึ้นเนื่องจากว่าน้ำได้ทำการไหลผ่านธารน้ำแข็ง ก่อให้เกิดเป็นถ้ำขึ้นมา หลังจากที่น้ำละลาย แล้วไหลลงไปทะลุอย่างต่อเนื่อง ความสวยงามของถ้ำนี้คือด้านในจะเห็นเป็นสีฟ้าสลับกับสีน้ำเงินเข้มของก้อนน้ำแข็ง ที่ด้านบนจะมีแค่เพียงอุโมงค์ด้านบนที่กั้นคุณกับก้อนน้ำแข็งไว้แต่เพียงเท่านั้น หากใครมีโอกาสได้แวะมาเที่ยวอลาสก้า ก็อยากให้ได้มาเที่ยวกัน แต่จะต้องรีบสักหน่อยก่อนน้ำแข็งจะละลายซะก่อน
23. เบเวอร์ลีฮิลส์ (Beverly Hills)
อยากเปลี่ยนบรรยากาศมาเที่ยว พักผ่อนในโรงแรมสุดหรู หรือว่าเน้นการช้อปปิ้งแบบที่ไม่ต้องกังวลในเรื่องของบัทเจท แนะนำเลยว่าให้ตรงดิ่งมาเที่ยวที่ “เบเวอร์ลีฮิลส์ (Beverly Hills)” แล้วคุณจะเพลิดเพลินไปกับการพักผ่อนอย่างลักชัวรี่แบบไม่รู้จบอย่างแน่นอน เพราะว่าที่ย่านเบเวอร์ลีฮิลส์ (Beverly Hills) จะเต็มไปด้วยบ้านพักสุดหรู ร้านช้อปปิ้งแบรนด์เนมสุดหรู ส่วนใหญ่จะเน้นของแบรนด์เนม และสินค้าที่มีชื่อเสียง ถ้าหากว่าคุณเป็นนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบ และเน้นเที่ยวแนวลักชัวรี่ บอกเลยว่าเบเวอร์ลีฮิลล์จะต้องตอบโจทย์อย่างแน่นอนเลยหล่ะ
24. พิพิธภัณฑ์ยานบินและยานอวกาศแห่งชาติ (National Air and Space Museum)
พูดถึงเรื่องที่ทางสหรัฐอเมริกาทั้งเด่น และดัง ก็คงต้องยกให้กับเรื่องที่เกี่ยวกับวิทยาศาตร์หรือว่าเรื่องที่เกี่ยวกับยานอวกาศ ขอแนะนำ “พิพิธภัณฑ์ยานบินและยานอวกาศแห่งชาติ (National Air and Space Museum)” แห่งสถาบันสมิธโซเนียน ที่ตั้งอยู่ภายในเมืองวอชิงตันดีซี เป็นพิพิธภัณฑ์ที่โดดเด่นในเรื่องอวกาศมากแห่งหนึ่งของโลก นักท่องเที่ยวคนไหนที่ชื่นชอบเรื่องนี้เป็นพิเศษ แนะนำว่าไม่ควรพลาด เพราะนอกเหนือจากข้อมูลที่เกี่ยวกับยานบิน และยานอวกาศ ด้านในจะมีหลายโซนที่จัดแสดง และมีกิจกรรมให้ทำมากมายแบบไม่รู้เบื่อ เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวทั้งสนุก และได้หลายความรู้ เหมาะกับทุกคนในครอบครัว
25. สวนประวัติศาสตร์ Oak Alley Plantation
หนึ่งในที่เที่ยวเก่าแก่ของสหรัฐอเมริกา แห่งรัฐหลุยเซียน่า (Louisiana) ที่ขึ้นชื่อเป็นอย่างมากเรื่องอุโมงค์ต้นไม้ และความงดงามของสวน ที่ยังคงความงดงามเอาไว้ตั้งแต่ในอดีตไปจนถึงปัจจุบัน มีลักษณะเป็นอุโมงค์ต้นโอ๊คที่ตั้งเรียงรายด้วยกัน ถูกปลูกขึ้นมาตั้งแต่เมื่อศตวรรษที่ 18 มีอายุอานามมากกว่า 300 ปี และมีความยาวมากกว่า 240 เมตร หลายคนเดินทางมาเที่ยวที่ “Oak Alley Plantation” ก็เพราะว่าได้ตามรอยมาเที่ยวจากหนังดังสุดคลาสสิกอย่าง Forrest Gump ผู้คนมากมายต่างก็แวะเวียนเข้ามาชมความงาม และถ่ายรูปวิวต้นโอ๊คสวยๆ ของสถานที่แห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย
26. หุบเขามรณะ (Death Valley National Park)
แม้ว่าชื่อของที่เที่ยวสหรัฐอเมริกาแห่งนี้จะดูน่ากลัว แต่ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวที่มีความงดงามจับใจ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม “หุบเขามรณะ (Death Valley National Park)” ได้เข้าไปอยู่ในลิสต์ที่เที่ยวของนักท่องเที่ยวหลายคน ซึ่งหุบเขานี้ได้ตั้งอยู่ระหว่างรัฐแคลิฟอร์เนีย และรัฐเนวาดา โดดเด่นด้วยความร้อนระอุ และความแห้งแล้ง ที่ไม่แม้แต่จะมีต้นไม้ยืนต้น หรือว่าความอุดมสมบูรณ์ ทำให้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหุบเขามรณะ แต่ในขณะเดียวกันก็สวยงาม ในแต่ละโซนพื้นที่ก็จะมีสีสันที่แตกต่างกันไป หากใครชอบถ่ายรูปแลนด์สเคป บอกเลยว่าต้องหลงรักอย่างแน่นอน เพราะบางพื้นที่ก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับอยู่นอกโลก และคุมโทนสีได้ดีมาก แต่ข้อเสียคือความร้อน และไม่มีฝนตกเลยตลอดทั้งปี สามารถขับรถเข้าไปเที่ยวกันได้
27. ถนนสายประวัติศาสตร์ Route 66
อยากเที่ยวอเมริกาแบบขับรถเที่ยว หรือว่า Road Trip เชื่อว่าไม่มีใคร ไม่รู้จักถนนสายประวัติศาสตร์อย่าง “Route 66” เพราะชื่อของถนนสายนี้ได้มีการโด่งดังไปทั่วโลก แต่เดิมทีเส้นทางสายนี้มี เส้นทางที่ยาวมาก แต่ทว่าขาดการดูแล ทำให้ในปัจจุบันนี้จะมีแค่เพียงบางเส้นทาง หรือบางพื้นที่เท่านั้นที่ยังคงมีการอนุรักษ์อยู่ ดังนั้นถ้าหากว่าคุณได้มีโอกาสได้ขับรถไปตามถนนสายประวัติศาสตร์ Route 66 แล้วเจอปั้มน้ำมัน หรือที่แวะพักที่คงมีความคลาสสิก เพราะเป็นถนนสายสำคัญ
28. อุทยานแห่งชาติแกรนด์ทีทอน (Grand Teton National Park)
เอาใจนักเดินทางสายอุทยานแห่งชาติไปอีกหนึ่งที่กับ “อุทยานแห่งชาติแกรนด์ทีทอน (Grand Teton National Park)” หนึ่งในอุทยานแห่งชาติที่คุณจะต้องหลงรักไปกับวิวทิวทัศน์เบื้องหลังที่มีวิวเขาเป็นภาพพาโนราม่า รัฐไวโอมิง ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่นอกเหนือจากความงดงามอันเป็นจุดเด่นแล้วนั้น ที่อุทยานแห่งชาติแกรด์ทีทอนยังมีกิจกรรมให้ทำเยอะแยะมากมาย ไม่ใช่แค่เพียงการเดินศึกษาธรรมชาติแต่เพียงเท่านั้น ยังรวมไปถึง การพายเรือคายัค ปีนเขา ตกปลา หรือว่าแคมป์ปิ้ง จุดเด่นก็คือที่อุทยานแห่งชาตินี้จะมีวิวสวยทุกฤดู
29. น้ำตกมัลท์โนมา (Multnomah Falls)
พักจากการแคมป์ปิ้งมาต่อกันที่เที่ยวถัดไปที่สวยงามไม่แพ้อุทยานแห่งชาติเลยทีเดียว นั่นก็คือ “น้ำตกมัลท์โนมา (Multnomah Falls)” เป็นน้ำตกที่มีความงดงามเป็นอย่างมาก โดดเด่นที่ความสูง และมีแอ่งน้ำเป็นรูปหัวใจ ซึ่งน้ำตกมัลท์โนมาจะมีทั้งหมด 2 ชั้นด้วยกัน อีกทั้งยังมีสะพานทอดผ่าน ทำให้เป็นเหมือนอีกหนึ่งไฮไลท์ของบริเวณนี้ เนื่องจากคุณสามารถไปชมวิวน้ำตกสวยๆ บนสะพานได้ด้วย หากใครได้จองตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวที่โอเรกอน (Oregon) แล้วก็อย่าลืมมาเช็คอินกันที่น้ำตกมัลท์โนมาแห่งนี้
30. แซนตามอนิกา (Santa Monica)
เชื่อว่าแซนตามอนิกา (Santa Monica) จะต้องเป็นแลนด์มาร์คในฝันของใครหลายคนอย่างแน่นอน เพราะสถานที่แห่งนี้ ไม่ใช่แค่เป็นเพียงชายหาดแห่งเมืองแอลเอแต่เพียงเท่านั้น ยังเป็นชายหาดขึ้นชื่ออันดับต้นของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย เพราะเป็นสถานที่พักผ่อนตากอากาศชื่อดัง ไม่ได้เป็นที่นิยมแค่ในฤดูร้อนเท่านั้น แต่ได้รับความนิยมแทบจะทุกฤดู และมีผู้คนคราคร่ำกันอยู่โดยตลอด แลนด์มาร์คอีกอย่างหนึ่งของชายหาดนี้คือจะมีสวนสนุกอยู่ติดทะเล อันเป็นฉากดังของภาพยนตร์ หรือว่าเอ็มวีดังหลายเรื่อง
แม้ว่าที่เที่ยวอเมริกา หรือแลนด์มาร์คอเมริกาเหล่านี้จะเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น ที่เหลือยังมีเมือง รัฐ และที่เที่ยวอเมริกาต่างๆ ที่น่าสนใจอีกเพียบ แนะนำเลยว่าหากใครที่ยังมีวีซ่าเหลืออยู่ สามารถเดินทางได้ในตอนนี้ ก็สามารถเข้าไปจองตั๋วเครื่องบินกับ Traveloka แล้วบินไปเที่ยวอเมริกากันได้เลย เพราะผู้โดยสารสัญชาติไทย สามารถเข้าประเทศอเมริกาได้แบบไม่ต้องกักตัว ใครรอไปเที่ยวประเทศอื่นไม่ไหว ก็จัดทริปอเมริกาไปก่อนแล้วกัน