ทริปแนะนำ เดินเที่ยวทั่วเซนาโด้ สแควร์ แวะกินทาร์ตไข่และบะหมี่ร้านดังแห่งมาเก๊า
เซนาโด้ สแคว์ (Senado Square) เป็นย่านยอดฮิตของมาเก๊า มีทั้งสถาปัตยกรรมสไตล์โปรตุเกสผสมผสานกันวัฒนธรรมจีนให้เที่ยวชม นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารชื่อดังและร้านขนมทาร์ตไข่เจ้าอร่อยอยู่ไม่ไกลอีกด้วย บริเวณย่านนี้จะมีจุดท่องเที่ยวหลายแห่งให้แวะชมได้ หากจะเที่ยวให้ทั่วภายใน 1 วันก็สามารถตามรอยโปรแกรมนี้ได้เลย เรียกได้ว่าครบทุกที่ฮิตของย่านนี้
เริ่มต้นเที่ยวช่วงเช้ากันที่ เซนาโด้ สแคว์ จตุรัสใจกลางเมืองมาเก๊า รายล้อมไปด้วยตึกรามบ้านช่องและโบสถ์สไตล์ยุโรปซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากโปรตุเกส มีพื้นที่ทั้งหมด 3,700 ตารางเมตร เป็น 1 ใน 4 จตุรัสที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆของมาเก๊า และในปี 2005 จตุรัสแห่งนี้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก UNESCO’s World Heritage ทางเดินต่างๆตกแต่งด้วยกระเบื้องและหินโมเสสหลากสีเป็นลายคล้ายคลื่นทะเล มีร้านค้าเปิดกันอยู่ทั้งสองข้างทาง เป็นทางเดินคดเคี้ยวเลี้ยวไปตามทางที่จะไปยังจุดท่องเที่ยวต่างๆ
วิธีการเดินทาง ถ้าโรงแรมอยู่ใกล้ก็สามารถเดินไปได้เลย หรือถ้าพักไกลให้นั่งรถบัสไป ขึ้นรถบัสสาย 3, 3A, 4, 8A, 10, 10A, 11, 18, 19, 21A, 26A, 33 ไปลงที่ป้าย Av. De Almeida Ribeiro (San Ma Lo) อยู่ฝั่งเดียวกับเซนาโด้ สแควร์ หรือขึ้นรถบัสสาย 3, 4, 6, 8A, 18A, 19, 26A, 33, N1A ไปลงที่ป้าย Almeida Ribeiro อยู่ฝั่งตรงข้างกันเซนาโด้ สแควร์
เมื่อเดินมาได้นิดนึงจะก็เจอกับ สำนักแห่งความเมตตา Holy House of Mercy อยู่ทางด้านขวามือ อาคารสีขาวตกแต่งแบบสไตล์นีโอคลาสสิค สร้างขึ้นเมื่อประมาณปี 1569 โดยท่านบิชอปแห่งมาเก๊า ถูกใช้เป็นคลีนิคทางการแพทย์ตะวันตกแห่งแรกในมาเก๊า ที่บนสุดของตึกเป็นหลังคาทรงจั่ว ตกแต่งด้วยลายใบไม้สีเขียวสไตล์ตะวันตก
จากนั้นแวะไปถ่ายรูปที่ ตรอกคู่รัก หรือตรอกทราแวซซา ดา ปายเชา – Travessa da Paixão ให้เดินตามป้าย Ruins of St. Paul’s ไปเรื่อยๆก็จะถึงซากโบสถ์ ก่อนเดินขึ้นบันไดของโบสถ์ให้เดินไปทางซอยด้านขวามือ ตรงไปประมาณ 70 เมตร ทางเข้าตรอกจะอยู่ทางขวามือ เป็นตรอกเล็กๆที่มีความหมายตามภาษาโปรตุเกสว่า ความรัก ซึ่งในตอนตั้งชื่อนั้นต้องการสื่อถือความรักในพระเจ้าของชาวคาทอลิก แต่ด้วยความที่ตรอกนั้นมีบรรยากาศดี ตึกด้านหนึ่งเป็นสีชมพู อีกด้านหนึ่งเป็นสีเหลือง ทำให้มีคู่รักนิยมมาถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกับบริเวณนี้
เมื่อเดินทะลุตรอกออกที่ด้านหลัง ก็จะถึง ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล Ruins of St. Paul’s เป็นโบสถ์ที่หลงเหลือเพียงซากด้านหน้าของอาคาร ซึ่งทางขึ้นไปจะเป็นบันไดหิน และซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลจะอยู่ด้านบนสุด เป็นเหมือนสัญลักษ์ของมาเก๊า สามารถเดินเล่นถ่ายรูปได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งด้านหลังจะมีพื้นที่อาคารโบสค์ที่เหลือแต่เพียงฐานเท่านั้น
จากนั้นเดินอ้อมลงมาข้างล่าง ทางขวามือของโบสถ์ จะพบกับวัดจีนเล็กๆที่ซ่อนตัวอยู่ วัดนาจา Na Tcha Temple วัดที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมอันหลากหลาย ผสมผสสานระหว่างวัฒนธรรมจีนและวัฒนธรรมตะวันตกอย่างลงตัว ตัวของวัดเป็นอาคารเล็กๆแบบจีนโบราณดั้งเดิม สร้างเพื่อป้องกันภัยจากประเทศอื่น แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานของวัฒนธรรมที่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว
เดินกลับทางเดิมมาทานมื้อเที่ยวที่ร้าน Macau Wong Chi Kei บะหมี่ไข่เกี๊ยวกุ้ง สุดอร่อยแห่งเซนาโด้ สแคว์ บะหมี่ไข่เส้นนุ่มกำลังดีกับเกี๊ยวกุ้งยักษ์ที่ลวกมาได้อย่างพอดี ไม่สุกเกินและไม่เละเกินไป น้ำซุปก็กลมกล่อม ร้านเป็นห้องคูหาเล็กๆไม่ใหญ่มากแต่มีถึง 3 ชั้น แต่หากเดินผ่านก็จะเห็นคนต่อคิวทานกันเกือบตลอดทั้งวัน
พออิ่มท้องก็เดินเที่ยวกันต่อที่ โบสถ์เซนต์ดอมินิก Macau St. Dominic’s Church อยู่ไม่ไกลจากร้านบะหมี่ ตัวโบสถ์เป็นสถาปัตยกรรมแบบบาร็อคในยุคศตวรรษที่ 17 มีการผสมผสานระหว่างสไตล์โปรตุเกสและสเปน และเคยถูกใช้เป็นสถานที่ตีพิมพ์หนังสือพิมพ์โปรตุเกสฉบับแรกในมาเก๊าอีกด้วย
มาเที่ยวกันต่อที่ พิพิธภัณฑ์มาเก๊า – Macao Museum และ ป้อมปราการมองเต Macau Monte Fort สองที่นี้จะอยู่ที่ตึกเดียวกัน ให้เดินตามทางเดิมที่จะประตูโบสถ์เซนต์พอล ทางเข้าพิพิธภัณฑ์และป้อมปราการจะอยู่ทางขวามือ
พิพิธภัณฑ์มาเก๊า – Macau Museum ตั้งอยู่ที่เดียวกับป้อมปราการปืนใหญ่มองเต แต่เดิมนั้นบริเวณนี้จะเป็นฐานทัพทหารและสำนักงานกรมอุตุวิทยา ต่อมาในปี 1998 ได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ขึ้น เพื่อเก็บรวบรวมเรื่องราวในประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตในแต่ละยุคแต่ละสมัยของมาเก๊าเอาไว้ให้ได้ชมกัน และถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 2005
ป้อมปราการมองเต Monte Fort ป้อมปราการที่เก่าแก่ที่สุดของมาเก๊า สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1616 เพื่อใช้เป็นฐานในการป้องกันโบสถ์เซนต์พอลจากเหล่าโจรสลัด ต่อมาจึงได้ใช้เป็นป้อมปืนใหญ่ของทหาร ฐานของป้อมปืนใหญ่เป็นทรงสี่เหลียม และป้อมปราการก็จะอยู่ประจำแต่ละมุม แต่ตามจุดต่างๆก็จะมีปืนใหญ่ตั้งเอาไว้ให้ชม
จากพิพิธภัณฑ์ให้เดินไปยังถนนด้านหลังแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนน R. da Entena เดินตรงไปเรื่อยๆก็จะถึง วัดเปากงและศาลเจ้าแห่งเทพการแพทย์ Temple of Divinity of Medicine and Pau Kung Temple เป็นกลุ่มวัดที่ประกอบด้วย 3 วัดเล็กๆตั้งอยู่ติดกัน โดยมีศาลเจ้าแห่งเทพการแพทย์ตั้งอยู่ทางด้านขวามือ (Temple of Divinity of Medicine), วัดเปากง ( Pao Kong Temple) อยู่ตรงกลาง และซ้ายมือคือวัดหนานซาน (Nanshan Temple) เชื่อกันว่าจะช่วยขจัดปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ สุขภาพร่างกายแข็งแรง ร่วมถึงช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้พ้นจากตัวได้
เมื่อไหว้พระขอพรเสร็จแล้วก็ให้เดินกลับมาทางที่จะไปเซนาโด้ สแควร์ ซึ่งระหว่างทางให้แวะช้อปปิ้งซื้อขนมของฝากได้เลย จะมีร้านค้าขายของฝากทั้ง 2 ข้างทาง สามารถชิมดูได้ว่าอะไรอร่อย จากนั้นจึงค่อยเลือกซื้อ ของขึ้นชื่อของมาเก๊าที่มักนิยมซื้อกลับไปฝากกันก็มีหมูแผ่น, ขนมคุ้กกี้อัลมอลด์, ทองม้วนและขนมอื่นๆ (รวม 5 ของฝากยอดฮิตจากมาเก๊า)
หลังจากเดินช้อปปิ้งกันจนเย็นแล้ว ก็จะไปหาของอร่อยๆมื้อเย็นทานกันที่ร้านเป็ดย่างชื่อดัง ชางคองเก Chan Kuong Kei Casa De Pasto (ดูรีวิวร้านเป็ดย่างชื่อดัง ชางคองเก) จากเซนาโด้ สแควร์ ให้เดินเลี้ยวมาทางซ้าย เดินไปตามถนนประมาณ 200 เมตร แล้วให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอย R. do Dr. Pedro Jose Lobo ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือ
ต่อด้วยขนมทาร์ตไข่เจ้าดังแห่งมาเก๊า ทาร์ตไข่มากาเร็ต Cafe e Nata Margaret’s เพียงแค่เดินทะลุซอยตรงข้ามกับร้านเป็ดมาก็จะเห็นร้านทาร์ตไข่อยู่ทางซ้ายมือ
ร้านทาร์ตไข่มากาเร็ต(Cafe e Nata Margaret’s)เป็นร้านขายทาร์ตไข่ชื่อดังที่สุดร้านหนึ่งของมาเก๊าที่มีคนเดินทางมาต่อคิวกันซื้อเป็นจำนวนมาก ขายทาร์ตไข่สูตร Portuguese คือใช้แป้งคล้ายพายกรอบๆ เป็นร้านดังของมาเก๊าทำให้มักจะมีคนแน่นร้านตลอดทั้งวัน
ปิดท้ายโปรแกรมเที่ยวกันด้วยการเดินเล่นช้อปปิ้งแถวๆย่านเซนาโด้ สแควร์ ซึ่งมีร้านค้าต่างๆมากมายให้เดินเลือกซื้อไม่ว่าจะเป็นร้านเสื้อผ้า, เครื่องสำอางค์, ร้านขายของที่ระลึกต่างๆ