ประเทศอังกฤษ เป็นประเทศลำดับต้น ๆ ที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวมากที่สุด เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ สถานที่ท่องเที่ยวสุดทันสมัย แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ทั้งในกรุงลอนดอนและนอกกรุงลอนดอน ในเรื่องของการคมนาคมก็ค่อนข้างสะดวก เพราะอังกฤษจะนิยมใช้รถไฟเป็นหลัก เรื่องของภาษาก็ไม่เป็นปัญหาเลย ต่อให้พูดได้เพียงเล็กน้อย ก็ยังสามารถท่องเที่ยวได้อย่างสบาย ๆ เพราะฉะนั้นเราจึงขอแนะนำทริปเที่ยวอังกฤษ ลอนดอน และเมืองอื่นๆ แบบ 7 วัน 6 คืนด้วยตัวเอง ใครที่ต้องการจะนำไปเป็นแพลนแล้วปรับเปลี่ยนให้เข้ากับความต้องการ หรือนำไปยื่นเพื่อขอวีซ่าอังกฤษ ก็สามารถนำไปใช้กันได้เลย
>> จองที่พักลอนดอน ราคาพิเศษ กับ Traveloka <<
▌วันที่ 1
ช่วงเช้า : เดินทางจากประเทศไทยมาถึงสนามบิน Heathrow แล้วต่อรถเข้าไปที่เมืองลอนดอน โดยมีวิธีให้เลือก คือ
- รถไฟสาย Heathrow Express ค่าโดยสาร 18 ปอนด์ (หากซื้อตั๋ว Travel Card โซน 1-6 และ London Pass จะไม่ต้องเสียค่าบริการ) ใช้เวลาในการเดินทาง 15 นาทีเท่านั้น ไม่มีการจอดระหว่างทาง สามารถเดินทางได้ตั้งแต่เวลา 05.10 – 23.25 น. รถออกทุก ๆ 15 นาที
- รถไฟสาย Heathrow Connect ค่าโดยสาร 9 ปอนด์ ใช้เวลาในการเดินทาง 25 นาที (มีจุดจอด 7 สถานีก่อนถึงลอนดอน) สามารถเดินทางได้ตั้งแต่เวลา 05.30 – 00.00 น. รถออกทุก ๆ 30 นาที
- รถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน (Piccadilly) ค่าโดยสาร 1.6 – 4 ปอนด์ ใช้เวลาในการเดินทาง 1 ชั่วโมง สามารถเดินทางได้ตั้งแต่เวลา 05.00 – 23.50 น. รถออกทุก ๆ 5 นาที หากไม่ประสงค์จะเข้าพักโรงแรม ก็สามารถนั่งรถไฟสายนี้ไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ก่อนได้เลย
- รถประจำทาง National Express ไปจอดที่ Victoria Coach Station ค่าโดยสาร 5 ปอนด์ ใช้เวลาในการเดินทาง 1-1.30 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจรในขณะนั้น สามารถเดินทางได้ตั้งแต่เวลา 06.30 – 19.00 น. รถออกทุก ๆ 20 นาที
- รถแท็กซี่ ค่าโดยสาร 45-75 ปอนด์ ใช้เวลาในการเดินทาง 45 นาที ถ้าหากเดินทางมาหลายคน หรือมีสัมภาระเยอะ การเดินทางโดยแท็กซี่จะคุ้มค่ากว่าวิธีอื่น ๆ
เฉลี่ยแล้ว การเดินทางจากสนามบินเข้าสู่ลอนดอน ในกรณีที่ไม่ได้นั่งรถไฟ Heathrow Express จะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งก็นับว่ายังเช้าอยู่มาก เมื่อทำการฝากกระเป๋ากับโรงแรมที่จองไว้เรียบร้อย ก็มุ่งหน้ามาที่พระราชวังบักกิ้งแฮม (Buckingham Palace) เพื่อมาดูทหารสวนสนามและทหารเปลี่ยนเวรยามกันได้เลย ด้วยการนั่งรถไฟ Tube มาลงที่สถานี St. James Park เมื่อเที่ยวชมเสร็จเรียบร้อย ก็มาพักเหนื่อยด้วยการหาร้านอาหารราคาไม่แพงทาน
Photo by Better Than Bacon from flickr.com/photos/slurm/3885155642/ [CC by-sa 3.0]
ช่วงบ่าย : เดินย้อนกลับมาไม่ไกลมากนัก ก็จะเจอ
Westminster Abbey โบสถ์เก่าแก่ตั้งแต่สมัย ค.ศ.616 ที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิกแล้ว ภายในยังเป็นสถานที่ที่ใช้ในการทำพิธีราชาภิเษกและที่ฝังพระบรมศพพระมหากษัตริย์อังกฤษอีกด้วย แล้วเดินต่อ (หรือจะนั่ง Tube ไปลงที่สถานี Westminster ก็ได้) ไปที่
House of parliament หรืออาคารรัฐสภาของอังกฤษในปัจจุบัน ที่แต่เดิมเคยเป็นพระราชวัง Westminster ของเชื้อพระวงศ์อังกฤษตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 มาก่อน แต่เมื่อเกิดไฟไหม้ใหญ่ขึ้นถึง 2 ครั้งโดยไม่ทราบสาเหตุ จึงทำให้มีการปรับปรุงเป็นรัฐสภามาจนถึงปัจจุบันในที่สุด ภายในอาคารมีสิ่งของที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์หลายอย่าง เช่น ข้าวของเครื่องใช้ของพระราชวงศ์ รวมไปถึง Westminster Hall ที่มีอายุมากกว่า 1,000 ปี โดยมีค่าเข้าชมเพียง 25 ปอนด์เท่านั้น แต่ถ้าหากไม่สะดวก ก็เลือกถ่ายรูปจากภายนอกอย่างเดียวก็ได้ และที่อยู่ติดกันเลยก็คือ
หอนาฬิกา Big Ben แลนด์มาร์คของกรุงลอนดอนและประเทศอังกฤษ หอนาฬิกาขนาดใหญ่ที่สามารถบอกเวลาได้ทั้ง 4 ทิศทาง และเป็นเครื่องบอกเวลามาตรฐานของหอดูดาวเมืองกรีนิช ผ่านสถานีวิทยุ BBC
Photo from pixabay.com/en/westminster-big-ben-london-902972/ [CC by 0.0]
Photo by Khamtran from commons.wikimedia.org/wiki/File:London-Eye-2009.JPG [CC by-sa 4.0]
ห่างออกไปไม่ไกลนัก ก็คือ
London eye ชิงช้าสวรรค์สุดอลังการของลอนดอนที่เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ โดยชิงช้าสวรรค์นี้สามารถขึ้นไปชมได้จริง มีค่าเข้าชมประมาณ 23-25 ปอนด์เท่านั้น ด้วยความสูงถึง 135 ฟุต จึงทำให้มองเห็นวิวทั่วลอนดอนได้แบบน่าประทับใจ ถ้าหากไม่ต้องการขึ้นชิงช้าสวรรค์ ก็สามารถเดินเที่ยวสถานที่รอบ ๆ ได้
Photo by Alex Lecea from flickr.com/photos/alecea/3430111222/ [CC by-sa 4.0]
พอตกเย็นก็นั่ง Tube มาลงที่สถานี Charing Cross เพื่อมาเที่ยว
Trafalgar square สิ่งที่ห้ามพลาดของที่นี่ ก็คือการถ่ายรูปกับสถานีตำรวจที่เล็กที่สุดในประเทศอังกฤษ และเยี่ยมชมสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะหน้าต่างที่ โบสถ์ St. Martin’s ที่มีลักษณะคล้ายกับกระจกที่บิดเบี้ยวไปจากปกติ
▌วันที่ 2
Photo by Diliff from commons.wikimedia.org/wiki/File:Roman_Baths_in_Bath_Spa,_England_-_July_2006.jpg [CC by-sa 3.0]
Photo by Diego Delso from commons.wikimedia.org/wiki/File:Puente_Pulteney,_Bath,_Inglaterra,_2014-08-12,_DD_51.JPG [CC by-sa 3.0]
Photo by Matthew Hartley from flickr.com/photos/matthewhartley369/36178944180 [CC by-sa 3.0]
Photo by Rwendland from commons.wikimedia.org/wiki/File:Southgate_Place,_Bath,_from_east.jpg [CC by-sa 3.0]
เช้าจนเย็น : ออกจากเมืองลอนดอน ไปเที่ยวเมือง Bath เมืองสำคัญทางประวัติศาสตร์ของอังกฤษ โดยการนั่งรถไฟจาก Paddington Station ไปลงที่ Bath Spa เพื่อเที่ยวชม
โรงอาบน้ำโรมันเก่า (The Roman Bath) และหมู่บ้านสไตล์จอร์เจียน (Georgian City) สำหรับโรงอาบน้ำนั้น เป็นโรงอาบน้ำกลางแจ้งที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยโรมัน มีอายุมากกว่า 2,000 ปี โดยโรงอาบน้ำแห่งนี้ได้รับการบันทึกไว้ว่าเป็นต้นแบบของสปาแห่งแรกในโลก ส่วนหมู่บ้านจอร์เจียนนั้น จะเน้นไปที่เรื่องของสถาปัตยกรรมที่มีความสวยงามอย่างยิ่ง นอกจากนี้บริเวณรอบ ๆ ยังมีกำแพงเมืองเก่าที่ยังคงทิ้งร่องรอยไว้อยู่ ซึ่งก็เป็นเสน่ห์ที่น่าสนใจอย่างหนึ่งของเมืองนี้ ก่อนที่จะนั่งรถไฟกลับเข้าสู่กรุงลอนดอน
▌วันที่ 3
Photo by Bob Collowân from commons.wikimedia.org/wiki/File:Tower_of_London_viewed_from_the_River_Thames.jpg [CC by-sa 3.0]
Photo by Sambodhi sakhare from commons.wikimedia.org/wiki/File:Tower-Bridge-.jpg [CC by-sa 3.0]
ช่วงเช้า : พักผ่อนกันอย่างเต็มที่แล้ว ก็ไปที่ Westminster pier โดยการนั่ง Tube ไปลงที่สถานี Westminster เพื่อล่องเรือชมแม่น้ำเทมส์ในยามเช้าของบริษัท Thames Clippers ตั้งแต่เที่ยวแรก เวลา 10.00 น. ค่าโดยสารราคา 5.30 ปอนด์ (หากซื้อบัตร London Pass จะไม่เสียค่าบริการในส่วนนี้) เลือกขึ้นฝั่งที่ท่า
London Tower Bridge เพื่อเที่ยวชม
Tower of London หรือหอคอยแห่งกรุงลอนดอน สถานที่ที่เคยเป็นทั้ง ปราสาทราชวัง คุก สถานที่เก็บสมบัติ สถานที่สำรวจทางประวัติศาสตร์ สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยวิลเลียมผู้พิชิต โดยสิ่งที่น่าสนใจในหอคอยแห่งนี้ ก็คือ White Tower หรือหอคอยสีขาว ที่ลือกันว่าเป็นสถานที่ที่มีวิญญาณที่ถูกประหารสิงสู่อยู่ นอกจากนี้ สิ่งที่ไม่ควรพลาดชมเลยก็คือ มงกุฎเพชรอันเลอค่า และชุดอัศวินโบราณที่ยังมีการรักษาอย่างดีเยี่ยม หอคอยลอนดอนมีค่าบริการในการเข้าชม 21.50 ปอนด์ และถ้าหากยังติดใจกับชุดอัศวิน บริเวณโซนขายของที่ระลึก ก็มีของเจ๋ง ๆ ขายอีกจำนวนมาก
Photo by Diliff from commons.wikimedia.org/wiki/File:Borough_Market_cake_stall,_London,_England_-_Oct_2008.jpg [CC by-sa 4.0]
Photo by Ham from commons.wikimedia.org/wiki/File:British_Museum_from_NE_2.JPG [CC by-sa 4.0]
Photo by Eric Pouhier from commons.wikimedia.org/wiki/File:British_Museum_Dome.jpg [CC by 2.0]
ช่วงบ่าย : เดินทะลุ
ตลาดโบโร (Borough Market) เพื่อหาอาหารอร่อย ๆ ทาน แล้วเดินทะลุไปอีกนิดนึง ก็จะเจอมหาวิหารเซนต์ปอล (St Paul’s Cathedral) โบสถ์ประจำบิชอปของกรุงลอนดอนที่มีความสวยงาม และมีอายุยาวนานมากกว่า 1,400 ปี ให้ถ่ายรูปกัน แล้วนั่ง Tube ไปลงที่ Goodge Street, Tottenham Court Road, Rusell Square, Holborn สถานีไหนก็ได้สถานีหนึ่ง เพื่อเข้าชม
British Museum พิพิธภัณฑ์สุดยิ่งใหญ่ที่ได้รวบรวมหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ไว้ตั้งแต่สมัยยุคเปอร์เซีย อัสสีเรียน อียิปต์ กรีก โรมัน จนถึงปัจจุบัน จุดเด่นภายในคือการแบ่งให้ชมออกเป็นโซน อย่างโซนอียิปต์ก็จะมีมัมมี่, โลงศพคลีโอพัตรา โซนกรีกก็จะมี วิหารพาร์เธนอน, รูปปั้นเทพีอะโฟรไดท์ โซนเอเชียก็จะมีพระพุทธรูปโบราณจัดแสดงอยู่ รวมทั้งมีเครื่องเพชรโบราณจากประเทศไทยด้วย สถานที่แห่งนี้ไม่เสียค่าบริการในการเข้าชมใด ๆ ทั้งสิ้น สวยงามทั้งภายนอกและภายใน
▌วันที่ 4
Ptoto by Operarius from commons.wikimedia.org/wiki/File:Stonehenge,_Salisbury_retouched.jpg [CC by-sa 3.0]
ช่วงเช้า : ไปเที่ยวชม
อนุสาวรีย์หิน สโตนเฮนจ์ (Stonehenge) ที่เมือง Wiltshirt ด้วยการนั่งรถไฟจากสถานี Waterloo มาลงที่ Salisbury แล้วต่อด้วยรถประจำทาง หรือนั่งรถบัสจาก Victoria Coach Station มาลงที่ Amesbury แล้วเดินต่อไปอีก 2 ไมล์ ก็จะเจอสิ่งมหัศจรรย์ 1 ใน 7 ของโลกยุคกลางที่ ประกอบไปด้วยหินขนาดใหญ่ 112 ก้อน (และบริเวณรอบ ๆ รวมแล้ว 250 ก้อน) คาดว่าถูกสร้างขึ้นเมื่อ 3,000 – 1,500 ปีก่อนคริสตกาล โดยที่ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าสร้างขึ้นเพื่ออะไร และใช้วิธีอะไรในการยกหินขึ้นไปเรียงต่อกัน
Photo by Tony Webster from commons.wikimedia.org/wiki/File:Regent_Street_%26_Oxford_Street,_London_(12297634063).jpg [CC by-sa 4.0]
ช่วงบ่าย : กลับเข้าเมืองลอนดอน เพื่อไปตะลุยช้อปปิ้งที่ย่าน Oxford Street และ Bond Street เพื่อช้อปปิ้งของแบรนด์เนมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Levi’s, Nike, Dr.Martens, Disney Shop, Uniqlo เป็นต้น จากนั้นก็เดินต่อเข้าไปในย่าน West End เพื่อชมละครเพลงสักเรื่อง ก่อนที่จะออกมาทานอาหารที่ย่าน Soho และเข้าที่พัก
▌วันที่ 5
Photo by David Alonso Pérez from commons.wikimedia.org/wiki/File:Warwick_overview_from_the_castle.jpg [CC by-sa 4.0]
ช่วงเช้า : เดินทางไปเที่ยว Warwick Castle ที่เมือง Warwick โดยการรถไฟจาก London Marylebone มาลงที่สถานี Warwick แล้วเดินต่อไปอีกไม่ไกล ก็จะเจอปราสาทขนาดใหญ่โบราณที่มี อายุมากกว่า 900 ปี และยังมีความสวยงามจนน่าตะลึง ความสำคัญของปราสาทนี้ก็คือ เป็นพื้นที่ศึกษาประวัติศาสตร์ในสมัยยุคกลาง ว่าอัศวินและขุนนางเขามีชีวิตเป็นอยู่กันอย่างไร บริเวณปราสาทตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำ Avon จึงทำให้สวยงามและดูมีมนต์ขลังจนยากที่จะละสายตา และถ้าหากโชคดี ก็จะเจองานเทศกาลเกี่ยวกับอัศวิน ที่ให้คุณได้จำลองการใช้ชีวิตเหมือนในประวัติศาสตร์อีกครั้ง
Photo by Aleem Yousaf from commons.wikimedia.org/wiki/File:Arcelormittal_Orbit_(15620947026).jpg [CC by-sa 3.0]
ช่วงบ่าย : กลับมาที่ลอนดอน และแวะไปเล่นสไลด์เดอร์ที่ยาวที่สุดในโลกกับ
หอสังเกตการณ์สนามกีฬาลอนดอน(ArcelorMittal Orbit) โดยการนั่งรถไฟ Tube มาลงที่สถานี Stratford Underground
▌วันที่ 6
Photo by Henry Kellner from commons.wikimedia.org/wiki/File:COVENT_GARDEN_MARKET_BUILDING_7482_pano_12.jpg [CC by-sa 4.0]
Photo by Derzsi Elekes Andor from commons.wikimedia.org/wiki/File:London,_Harrods.JPG [CC by-sa 4.0]
Photo by Christine Matthews from geograph.org.uk/photo/4766089 [CC by-sa 4.0]
ช่วงเช้า + บ่าย : วันนี้จะเน้นในเรื่องของการซื้อของฝาก และเก็บสถานที่ตกหล่นเพิ่มเติม แต่ที่จะเน้นก็คือ Covent Garden ที่มีอาหาร Street Food ให้เลือกทานกันอย่างหลากหลาย เดินมาไม่ไกลนักก็จะเจอ Jubilee Market และ Apple Market สำหรับผู้ที่ต้องการจะซื้อของฝากราคาไม่แพง ก่อนที่จะเดินทางไปที่ห้าง Harrods ด้วยนั่ง Tube ไปลงที่สถานี Knightsbridge และเวลาที่เหลือก็ให้คุณเลือกใช้ได้ตามสะดวก ถ้านึกไม่ออกว่าจะไปไหนให้กลับไปที่ Westminster อีกครั้งในช่วงค่ำคืนเพื่อชมวิวกรุงลอนดอนริมแม่น้ำเทมส์ ซึ่งจะให้ความประทับใจที่แตกต่างจากตอนกลางวันเป็นอย่างมาก
▌วันที่ 7
Photo by C. G. P. Grey from commons.wikimedia.org/wiki/File:Saatchi_Gallery.jpg [CC by-sa 3.0]
Photo by Drow male from commons.wikimedia.org/wiki/File:Diplodocus_(replica).001_-_London.JPG [CC by-sa 4.0]
Photo by Stephantom from commons.wikimedia.org/wiki/File:London_Natural_History_Museum_Panorama.jpg [CC by-sa 4.0]
Photo by Sue Wallace from commons.wikimedia.org/wiki/File:Science_Museum_-_Transportation_area.jpg [CC by-sa 4.0]
ช่วงเช้า : แนะนำให้เช็คเอ้าท์แล้วฝากกระเป๋าไว้ก่อน จากนั้นเราจะไปไล่เก็บพิพิธภัณฑ์ต่า ๆ ในย่าน Kensington โดยการนั่ง Tube มาลงที่ South Kensington เลย ยกตัวอย่างเช่น
Saatchi Museum,
Natural History Museum,
Science Museum รวมทั้งเดินเล่นที่สวนสาธารณะ Hyde Park (ทั้งหมดนี้เข้าชมฟรี ไม่เสียค่าบริการ ยกเว้นการจัดนิทรรศการบางงานเท่านั้น) มีเวลาเท่าไหร่ก็จัดไปเท่านั้น หรือจะเลือกเอาเฉพาะเรื่องที่เราสนใจก็ได้
จบแล้วกับโปรแกรมเที่ยวประเทศอังกฤษกันแบบจุใจ ในเวลา 7 วัน 6 คืน ที่เน้นไปเที่ยวสถานที่ฮิตๆของกรุงลอนดอนและรอบๆ อัดแน่นไปด้วยสิ่งที่หน้าสนใจมากมาย ครบเกือบทุกย่านหลักของลอนดอนกันเลย
>> จองที่พักลอนดอน ราคาพิเศษ กับ Traveloka <<