Photo: [CC BY 0.0] from pixabay.com/en/london-bus-red-junction-downtown-2928889/

เป็นที่รู้กันดีอยู่ว่า ระบบขนส่งมวลชนภายในกรุงลอนดอนนั้น ใช้รถไฟใต้ดินที่ชื่อว่า The Tube และรถไฟ DLR เป็นหลักในการเดินทาง  ที่มีให้เลือกเดินทางถึง 11 สาย มีจุดจอดมากกว่า 200 สถานี ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำเกือบทุกแห่งในประเทศอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นหอนาฬิกาบิ๊กเบน ชิงช้าสวรรค์ London Eyes พิพิธภัณฑ์ British Museum หรือแม้กระทั่งการจะไปหาอาหารอร่อย ๆ ทาน รถไฟใต้ดินของลอนดอนล้วนแต่ตอบโจทย์นี้หมดทั้งสิ้น และยังใช้เวลาในการเดินทางไม่นาน แต่ก็มีบ้างที่จะใช้รถเมล์ (รถบัสโดยสารประจำทางแบบ 2 ชั้น) และรถแท็กซี่ เพื่อความสะดวกในการเดินทางระยะสั้น ๆ ซึ่งก็จะมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันไปไม่มากนัก

สำหรับการซื้อตั๋วเพื่อเดินทางท่องเที่ยวในกรุงลอนดอนนั้น ถ้าเป็นรถไฟ Tube และรถไฟ DLR สามารถซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์สถานีรถไฟได้เลย แต่สำหรับรถเมล์โดยสารนั้น ต้องไปซื้อที่บริเวณป้ายรถเมล์ หรือจะซื้อกับคนขับรถก็ได้ แต่จะต้องเตรียมเงินให้พอดีทุกครั้ง และนี่คือรายละเอียดของตั๋วโดยสารทั้งหมด พร้อมกับส่วนลดที่คุณควรรู้เมื่อมาเที่ยวกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

 

▌ตั๋วเที่ยวเดียว (Single Ticket)

เหมาะกับการเดินทางไปสถานที่ใดเพียงสถานที่หนึ่งตลอดทั้งวัน แต่ไม่เหมาะกับการเดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อย ๆ เพราะมีราคาค่อนข้างสูง โดยราคาของตั๋วเที่ยวเดียวนี้ เป็นอัตราเดียวกันกับรถไฟ DLR และรถไฟ London Overground คือ โซน 1-2 ที่เป็นโซนในเมือง ราคา 4 ปอนด์ตลอดสาย แต่ถ้าเป็นโซน 1-3 ไปจนถึง โซน 1-6 จะมีราคา 5 ปอนด์ตลอดสาย

 

▌บัตรเติมเงิน Oyster

บัตรเติมเงินแบบนี้ มีลักษณะคล้ายกับบัตรรถไฟฟ้าในบ้านเรา เพราะสามารถใช้กับการเดินทางโดย Tube รถราง และรถบัส ได้ทั่วกรุงลอนดอน แต่ที่พิเศษกว่าคือสามารถนำไปใช้ซื้อของในร้านสะดวกซื้อและใช้จ่ายค่าโดยสารรถเมล์ได้อีกด้วย (เฉพาะในกรุงลอนดอนเท่านั้น) ราคาของบัตร Oyster มีให้เลือกมากมาย ตั้งแต่ 10 ปอนด์ไปจนถึง 50 ปอนด์ มีค่ามัดจำบัตร 5 ปอนด์ที่จะได้คืนเมื่อนำบัตรกลับไปแลกคืนกับเจ้าหน้าที่ และมีค่าธรรมเนียมบัตร 3 ปอนด์ เมื่อใช้บัตร Oyster ชำระค่าโดยสาร ก็จะได้ลดค่าโดยสารต่อรอบประมาณ 1 ปอนด์ และถ้าหากนำไปใช้ชำระค่าโดยสารรถเมล์ ก็จะเหลือเพียง 1.30 ปอนด์ (จากเดิม 2.30 ปอนด์) เมื่อเงินหมดก็สามารถเติมเงินเข้าไปใหม่ได้ตามที่ต้องการในทุกที่ที่มีสัญลักษณ์ Oyster หรือบริเวณเคาน์เตอร์ที่สถานี Tube

 

▌บัตร London Travel Card

เป็นบัตรเดินทางที่ยกระดับขึ้นมาอีกขั้น เพราะบัตรนี้เป็นบัตรที่ใช้สำหรับการเดินทางแบบเหมาจ่าย เพื่อให้คุณสามารถเดินทางโดย รถไฟ Tube, รถไฟ DLR รถไฟอื่น ๆ ในลอนดอน รวมถึงรถบัสแบบไม่จำกัดจำนวนครั้งที่ใช้บริการเลย โดยตั๋วจะแบ่งออกตามความต้องการของเรา ไม่ว่าจะเป็นจำนวนวันที่จะใช้ในการเดินทาง (มีแบบ 1, 3, 7 วัน) เวลาที่จะใช้ในการเดินทาง เช่น วันไหนก็ได้ตลอดทั้งวัน วันธรรมดาเวลาราชการ เป็นต้น ซึ่งจะมีรายละเอียดคือ

บัตร London Travel Card ใช้ได้ตลอดทั้งวัน จะมีราคาตั้งแต่ 8-15 ปอนด์ (หากซื้อแบบ 15 ปอนด์ จะสามารถนั่งรถไฟใต้ดินจาก Heathrow Airport เข้าสู่เมืองได้เลย โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก 18 ปอนด์) แต่ถ้าเป็นการเดินทางในวันธรรมดาตามเวลาราชการ จะมีราคาตั้งแต่ 6.60-8 ปอนด์ และบัตรสำหรับการเดินทางไปไหนก็ได้ตลอด 7 วัน จะมีราคาอยู่ที่ 27.60 – 50.40 ปอนด์ เพราะฉะนั้นควรวางแผนการเดินทางให้ดีว่า คุณท่องเที่ยวในโซนไหนมากเป็นพิเศษ ถ้าหากอยู่ในโซน 1-2 เกือบตลอดเวลา ก็สามารถซื้อตั๋วในราคาที่ถูกที่สุดได้

 

▌บัตร London Pass

เป็นบัตรเดินทางแบบเหมาจ่ายที่รวมค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังกว่า 50 แห่งเอาไว้ด้วย หากคุณเป็นคอประวัติศาสตร์ที่ต้องการเที่ยวชมสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ต่าง ๆ ของประเทศอังกฤษ เช่น หอคอยลอนดอน, ปราสาทวินด์เซอร์, โบสถ์เซนต์พอล, Westminster Abbey เป็นต้น ซึ่งบัตรนี้จะครอบคลุมการเดินทางทั้งหมดในประเทศอังกฤษ (ยกเว้นแท็กซี่) และค่าเข้าสถานที่ต่าง ๆ ที่ได้กล่าวมา โดยบัตรจะมีราคาตามจำนวนวันที่เลือกซื้อตั้งแต่ 1-6 วันขึ้นไป ซึ่งก็มีตั้งแต่ 46-99 ปอนด์ เด็กอายุ 5 – 15 ปี มีราคาตั้งแต่ 29-69 ปอนด์ สามารถเที่ยวชมสถานที่สำคัญในกรุงลอนดอนได้มากถึง 50 แห่ง สามารถซื้อตั๋วได้ที่ Heathrow Express และให้มารับบัตรที่ Britain & London Visitor Centre ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็จะแจก Guide Book เพื่อนำไปใช้วางแผนการเดินทาง แต่ถ้าหากต้องการไปถึงแล้วเที่ยวเลย ก็สามารถซื้อบัตร London Pass จากประเทศไทยได้เช่นกัน

 

การเดินทางเพื่อท่องเที่ยวในลอนดอนนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย ถ้าหากว่าคุณวางแผนมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การเลือกตั๋วและบัตรโดยสารที่เหมาะกับการเดินทางของคุณ จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้เหลือไปซื้อของฝากได้อีกมากมายเลยทีเดียว