8 ของกินห้ามพลาดเมื่อได้ไปเที่ยวอิตาลี 2567


นอกจากเรื่องของสถาปัตยกรรมที่สวยงาม แหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ และแฟชั่นที่ทันสมัยแล้ว อาหารอิตาเลียนก็มีหลายอย่างที่โด่งดังไปทั่วโลก และเมื่อไปเยือนอิตาลีทั้งที มีอาหารอะไรบ้างที่ไม่ควรพลาดที่จะหารับประทานไปดูกันดีกว่า

 

1. Pizza

Photo by Veselina Dzhingarova from flickr.com/photos/99852712@N04/21207933324/ [CC by-sa 4.0]

แน่นอนว่าไปอิตาลีทั้งทีจะไม่รับประทานอาหารอิตาเลียนที่โด่งดังอย่างพิซซ่านั้นไม่ได้อย่างเด็ดขาด ร้านพิซซ่าในอิตาลีเรียกว่า Pizzaria โดยอิตาลีที่เป็นต้นกำเนิดของพิซซ่านั้นจะค่อนข้างแตกต่างจากบ้านเราที่ได้มีการดัดแปลงและใส่ลูกเล่นต่างๆ ลงไปค่อนข้างมาก  เมืองที่โดดเด่นในเรื่องพิซซ่าของอิตาลีคือ Naples ซึ่งแป้งจะบางและนุ่ม และขึ้นชื่อในเรื่องของการใช้ส่วนผสมที่สดใหม่และมีคุณภาพสูง มะเขือเทศต้องปลูกโดยดินจากภูเขาไฟ อีกทั้งยังขึ้นชื่อเรื่องความพิถีพิถันและเอาใจใส่ในทุกขั้นตอนกระบวนการทำอีกด้วย   ส่วนพิซซ่าในโรมนั้นแป้งจะบางและกรอบ โดยส่วนใหญ่แล้วพิซซ่าที่อิตาลีจะไม่ได้ใส่ประโคมหน้าแน่นอย่างบ้านเรา เป็นอาหารจานด่วนที่เน้นการอบแป้ง ทาซอสมะเขือเทศอร่อยๆ  และใส่หน้าเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าอยากลองรสชาติของพิซซ่าอร่อยๆ แบบดั้งเดิมโบราณ ให้ลองมองหาร้านที่ใช้การอบด้วยเตาอบดินเผาแบบโบราณดู

 

 

2. Pasta Carbonara

Photo by jeffreyw from flickr.com/photos/jeffreyww/12395517164 [CC by-sa 4.0]

อาหารชนิดนี้มีต้นกำเนิดที่กรุงโรม ดังนั้นสำหรับใครที่ชื่นชอบ Carbonara เมื่อมาถึงแหล่งต้นกำเนิดทั้งทีก็ไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด Pasta Carbonara สูตรแท้ดั้งเดิมของที่นี่จะใช้ Pecorino ซึ่งเป็นชีสที่ทำจากนมแกะ จึงค่อนข้างจะมีรสเค็มและกลิ่นแรงกว่าของบ้านเราที่นิยมใช้ Parmesan และใส่ครีมช่วยจึงทำให้กลิ่นไม่แรงและมีรสหวานกลมกล่อมมากกว่า ดังนั้นอาจจะไม่ค่อยคุ้นลิ้นเท่าไหร่นัก แต่ยังไงก็ควรต้องลองซักครั้ง นอกจาก Carbonara แล้วอาจลองเป็น Pasta cacio e pepe ซึ่งเป็นพาสต้าชีสผสมพริกไทยดำมีส่วนประกอบหลักคือ ไข่สด , Pork jowl และพริกไทยดำ แต่ก็ไม่ได้ใส่ครีมชีสเหมือนบ้านเรา เป็นอีกหนึ่งเมนูขึ้นชื่อของโรมที่อาจจะคุ้นลิ้นกว่าก็ได้

 

 

3. Lasagna

Photo from maxpixel.freegreatpicture.com/Dish-Chicken-Lunch-Dinner-Plate-Food-Eating-Meal-2069021 [CC by 0.0]

ลาซานญ่าเป็นอีกหนึ่งอาหารเพื่อความสะดวกสบายแบบอิตาเลียนดั้งเดิมที่ทำโดยการสลับชั้นกันของพาสต้า ชีส เนื้อ ซอสและชีส แม้ว่าจะมีวิธีการมากมายในการเตรียมอาหารชนิดนี้ แต่รูปแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ Lasagna alla Bolognese แบบคลาสสิคที่ทำมาจากซอส Bechamel  และ Barmanello Lasagna Napoletana ส่วนรูปแบบอื่นๆ นั้นอาจจะมีลูกชิ้น ไส้กรอกเช่นเดียวกับริคอตต้าและเนยแข็งมอสซาเรลลามาแทนซอส Bechamel ก็ได้  มีข้อพิพาทบางอย่างเกี่ยวกับต้นกำเนิดของลาซานญ่าว่ามันถูกคิดค้นขึ้นในช่วงนุคกลางของเนเปิ้ลส์ หรือความจริงแล้วลาซานญ่านั้นต้นกำเนิดของมันสามารถสืบย้อนกลับไปตั้งแต่ในสมัยยุคกรีกโบราณกันแน่  แม้ปัญหาเกี่ยวกับต้นกำเนิดของมัรอาจจะยังไม่แน่ชัด แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ชัดก็คือลาซานญ่าจัดได้ว่าเป็นอาหารอบที่อร่อยที่สุดของอิตาลี

 

 

4. Gelato

Photo by Marit & Toomas Hinnosaar from flickr.com/photos/hinnosaar/3932759035 [CC by-sa 3.0]

เป็นหนึ่งในเมนูของหวานห้ามพลาดเด็ดขาด ไอศครีมเจลาโต้มีประวัติความเป็นมาของไอศกรีมชื่อดังที่มีต้นกำเนิดมาจากอิตาลีนั้นย้อนหลังไปถึงยุคสมัยเรอเนสซองส์ แต่ว่าใครที่เป็นคนสร้างของหวานชนิดนี้นั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัด  ปัจจุบันมีร้านขายเจลาโต้ที่เป็นที่นิยมทั่วอิตาลี คาดว่ามีอยู่หลายหมื่นร้านเลย แต่มีบางเมืองที่จะสามารถค้นพบเจลาโตที่ดีที่สุดได้ เช่น กรุงโรม (I Caruso), เมืองฟลอเรนซ์ (La Carraia) และ Bologna (La Sorbetteria Castiglione) เจลาโตที่แท้จริงแบบดั้งเดิมนั้นต้องผลิตโดยช่างฝีมือแบบสดใหม่ทุกวันและจะแตกต่างจากไอศกรีมทั่วไปคือจะต้องมีไขมันน้อย มีกลิ่นเลียนแบบที่น้อยและจะต้องได้รับกลิ่นและรสชาติจากธรรมชาติที่มากขึ้น หากต้องการที่ตะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและเทคโนโลยีเกี่ยวกับการผลิตไอศกรีมชนิดนี้สามารถเข้าไปชมที่ Gelato Museum Carpigiani ใน Anzola dell’Emilia ที่อยู่ใกล้กับ Bologna ได้

 

 

5. Cicchetti

Photo by Richard Munckton from commons.wikimedia.org/wiki/File:Hors_d%27oeuvre_by_Auriole_Potter.jpg [CC by-sa 3.0]

คล้ายกับอาหารทาปาสของชาวสเปน Cicchetti มีขนาดเล็กและเป็นอาหารราคาไม่แพงที่ขายในบาร์ไวท์แบบดั้งเดิมของเวนิสที่เรียกว่า Bacari ส่วนประกอบหลักสามารถเป็นอะไรก็ได้ตั้งแต่อาติช๊ไปจนถึงชิ้นส่วนขนาดเล็กของ Baccala mantecato และตามธรรมเนียมต้องเสิร์ฟพร้อม ombra ที่เป็นแก้วไวน์ขนาดเล็ก เมืองเวนิสเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยร้านอาหารที่มีชื่อเสียง Cicchetti เป็นอาหารท้องถิ่นที่คุณจะได้ซึมซับรสชาติที่แท้จริงของชาวพื้นเมือง Bacari สามารถพบเจอได้ทั่วไปบริเวณด้านหลังของเมืองเวนิส โดยเฉพาะในบริเวณใกล้เคียงตลาด Rialto แต่ควรไปก่อนเวลา 20.00 น. หรือ 21.00 น.

 

 

6. Focaccia

Photo by Marco Verch from commons.wikimedia.org/wiki/File:Focaccia_(24235693661).jpg [CC by-sa 3.0]

เป็นอีกหนึ่งอาหารแบบขนมปังที่อร่อยและได้รับความนิยมมากที่สุดในอิตาลี  โดยชื่อของมันนั้นมาจากคำว่า Panis focacius ซึ่งเป็นภาษาละตินที่มีความหมายว่า flatbread ที่อบบนเตา แม้ว่าอาหารชนิดนี้จะมีทั่วอิตาลีมาตั้งแต่สมัยโบราณ แต่ Focaccia alla Genovese ที่มีชื่อเรียกเฉพาะว่า fugassa ที่พบในเจนัว(Genoa)และหมู่บ้านต่างๆ ตามแนวริเวียราอิตาเลียนถือได้ว่าดีที่สุดในโลก โดยปกติอาหารชนิดนี้ตะทำด้วยแป้งสาลีและยีสต์ผสมน้ำเกลือและน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์คุณภาพสูง ยกเว้น Liguria ที่มักจะปรุงด้วยสมุนไพรรวมทั้งกระเทียม มะเขือเทศและโหระพา และที่ได้รับความนิยมคือ focaccia al rosmaino

 

 

7. Ossobuco alla Milanese

Photo by Naotake Murayama from flickr.com/photos/naotakem/4450072342 [CC by-sa 3.0]

เป็นสเต๊กเนื้อที่เสิร์ฟมาพร้อมไวน์ขาว น้ำซุป และผัก สูตรดั้งเดิมคาดว่าเกิดขึ้นในปลายศตวรรษที่ 19 ในย่านใกล้เคียงของเมือง osterie โดยมี gremolata เครื่องปรุงรสสดที่ทำจากมะนาวเพิ่มอร่อยด้วยกระเทียมและผักชีฝรั่ง  แม้ว่าอาหารชนิดนี้จะไม่ได้รับความนิยมอย่างเช่น cotoletta ที่เป็นผัดเนื้อลูกวัวทอดในเนย แต่ก็จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในอาหารขึ้นชื่อของเมืองที่ร่ำรวยที่สุดอย่างมิลาน ถ้าหากอยากเพิ่มความพิเศษให้เป็นมื้อที่น่าจดจำลองใช้ออสโซ่โนกับ Risotto alla Milanese ที่เป็นสีส้มแบบคลาสสิก

 

 

8. Panzanella

Photo by Heather Katsoulis from commons.wikimedia.org/wiki/File:Italian_Panzanella.jpg [CC by-sa 3.0]

อาหารที่เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพ ประกอบไปด้วยขนมปังและสลัดมะเขือเทศ มักจะเสิร์ฟในตอนกลางของอิตาลีในช่วงฤดูร้อน อาหารชนิดนี้มีต่นกำเนิดในทุ่งหญ้าของชาวทัสกันซึ่งเป็นเกษตรกรโดยใช้ผลผลิตที่ปลูกเองมาเป็นส่วนประกอบ ทุกวันนี้ Panzanella ทำมาจากมะเขือเทศสด แตงกวา ใบโหระพาสดและขนมปัง ที่เหลือปรุงรสด้วยน้ำมันมะกอก และ Vinegar

 

 

ครบแล้วกับอาหารแนะนำทั้ง 8 อย่างของประเทศอิตาลีที่เราอยากให้ลอง ถ้าอยากรู้ว่าจะไปทานที่ร้านไหนดี ตามไปอ่านต่อได้เลยที่นี่