กรุงโรมเมืองหลวงของประเทศอิตาลี มีสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตชื่อดังอยู่มากมาย และหลากหลายแบบ หลายแห่งนั้นก็เหมือนกับที่เราเคยเห็นกันบ่อยๆในภาพยนตร์ต่างๆไม่ผิดเพี้ยน ไหนจะเรื่องของอาหารการกินที่มีให้เราอลงชิมกันได้อีกหลายอย่าง ใครชอบอาหารฝรั่งคงกินได้เป็นเดือนก็ยังไม่หมด เรียกว่าสามารถใช้เวลาเที่ยวกันได้เป็นสัปดาห์ก็ไม่เบื่อ แถมการเดินทางต่างๆภายในเมืองก็ค่อนข้างจะสะดวกด้วยระบบขนส่งสาธารณะให้เลือกอย่างครบครัน เราจะขอนำเสนอโปรแกรมการท่องเที่ยวแบบเจาะลึกกรุงโรมภายในระยะเวลา 5 วัน 4 คืนที่น่าสนใจให้ชมกัน
▌วันแรก
Photo by Justus Hayes from flickr.com/photos/shoes_on_wires/4143383933 [CC by-sa 4.0]
ควรเลือกไฟท์เดินทางรอบกลางคืนที่จะทำให้มาถึงที่โรมในตอนเช้า เพื่อจะได้มีเวลามากในการเที่ยวชมกรุงโรม เมื่อเดินทางมาถึงสนามบินฟูมิชิโน กรุงโรมแล้วให้ไปที่หน้าทางออกผู้เดินสารที่ 3 ซึ่งอยู่ตรงกลางเพื่อใช้บริการ
Leonardo Express เข้าใจกลางกรุงโรมและที่สำคัญอย่าลืมซื้อ
Roma pass ด้วย โดยซื้อแบบ 72 ชั่วโมงก่อน การเลือกที่พักควรเลือกที่พักที่อยู่ในบริเวณใกล้สถานี Termini สถานีขนส่งหลักของโรมเพื่อสะดวกในการเดินทางไปกลับจากสนามบินและสะดวกต่อการเดินทางท่องเที่ยวอีกด้วย
Photo by Giuseppe Milo from commons.wikimedia.org/wiki/File:Castel_Sant%27Angelo,_Roma,_Italia_(16346546165).jpg [CC by-sa 3.0]
เมื่อเดินทางมาถึงสถานี Termini แล้วหามื้อเช้าทานก่อน จากนั้นไปเช็คอินเข้าที่พัก จากนั้นเริ่มต้นท่องเที่ยวกันที่นครรัฐวาติกัน ใช้สิทธิ์แรกของ Roma pass เพื่อเข้าชม
Vatican Museum พิพิธภัณฑ์ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม มีจุดที่โดดเด่นและน่าสนใจหลายจุด โดยเฉพาะบริเวณบันไดวนแบบ double helix จากนั้นไปเที่ยวชมมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่อยู่ไม่ไกลอย่าง
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ มหาวิหารโรมันคาทอลิกที่สวยงามและมีความสำคัญอย่างมากกับคริสตจักรโรมันคาทอลิก ที่นี่จะมีผู้คนต่อแถวซื้อตั๋วเพื่อเข้าชมยาวเหยียดเป็นปกติ แต่สำหรับคนที่มี Roma pass เข้าได้เลยไม่ต้องรอคิวซื้อตั๋ว ภายในวิหารยิ่งใหญ่อลังการที่มีความสำคัญคือเป็นที่ฝังศพของนักบุญเปโตร พระสันตะปาปาองค์แรกแห่งโรม และพระสันตะปาปาองค์สำคัญอื่นๆ อีกหลายคนด้วย มีหอคอยที่สามารถขึ้นไปชมทัศนียภาพของเมืองได้ ส่วนด้านหน้ามหาวิหารนั้นเป็น
จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ที่เป็นลานครึ่งวงกลมโดดเด่นด้วยเสาโอเบลิคขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลาง มีเสาโรมันหลายสิบต้นล้อมรอบ ด้านบนเสาตกแต่งด้วยรูปปั้นกรีกโรมันสวยงาม เมื่อเที่ยวชมมหาวิหารและจัตุรัสเรียบร้อยแล้ว บริเวณด้านหน้าของจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์จะมีสะพานเชื่อมไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่อไป นั่นก็คือ
Castel Sant’Angelo หรือที่รู้จักกันดีในชื่อปราสาทเฮเดรียน เหตุที่มีสะพานเชื่อมต่อนั่นก็เพราะว่าครั้งหนึ่งเคยได้ถูกใช้เป็นป้อมหลบภัยของพระสันตะปาปานั่นเอง ที่นี่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ฝังศพของเฮรียนและราชวงศ์ของเขา จึงมีสะพานอีกแห่งเชื่อมไปยังพระราชวังด้วย ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ให้คนทั่วไปได้เข้าชม เสร็จสิ้นจากการชมปราสาทเฮเดรียนแสะไปรับประทานอาหารเที่ยงที่ร้าน Dar Filettaro ร้านอาหารที่มีทั้งเนื้อทอด ปลาดิบ เห็ด ในราคาถูกและอร่อยที่ได้รับความนิยมแบบปากต่อปาก
Photo by Diliff from commons.wikimedia.org/wiki/File:Colosseum_in_Rome,_Italy_-_April_2007.jpg [CC by-sa 3.0]
เสร็จจากมื้อเที่ยง ใช้สิทธิ์ที่สองของ Roma pass ในการเที่ยวชม
Colosseum ,
Roman Forum และ
Palatine Hill โดยเริ่มจากเข้าชม Colosseum โรงละครกลางแจ้งที่มีชื่อเสียงโด่งดังของกรุงโรมกันก่อน ที่นี่เป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวในการเข้าเที่ยวชมอย่างมาก เป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ในอดีตนั้นเป็นสนามประลองของกษัตริย์และเหล่ากลาดิเอเตอร์ รวมทั้งสัตว์ที่ดุร้ายด้วย สนามประลองได้ถูกออกแบบอย่างดีเป็นสนามครึ่งวงกลมล้อมรอบด้วยอัฒจันทร์ ให้ผู้ชมรู้สึกถึงความใกล้ชิดกับเหล่านักต่อสู้ ที่ได้ถูกนำมาเป็นต้นแบบของสนามกีฬาในปัจจุบันด้วย ภายใต้มีคุกใต้ดินสำหรับขังนักโทษ โดยในอดีตนักโทษสามารถขอประลองเพื่ออิสรภาพได้ด้วย และยังมีกรงขังสัตว์อีกมากมาย เสร็จจากการชม Colosseum ก็ไปต่อที่ Roman Forum ที่เป็นซากปรักหักพังของเมืองในอดีตที่เคยรุ่งโรจน์ จุดนี้ควรโหลด app ที่มากับ Roma pass เพื่อใช้ร่วมกับกรรเที่ยวชมด้วย เพราะจะช่วยให้คุณจินตนาการถึงภาพของเมืองในอดีตได้ดีกว่ารวมทั้งจะไกด์เส้นทางการเดินเที้ยวชมให้กับคุณอีกด้วย และปิดท้ายด้วยการเดินขึ้นไปบนเนินเขาเพื่อสำรวจเมืองเก่ากันต่อที่ Palatine Hill ที่มีหลายโซนที่สามารถเห็นรายละเอียดของโครงสร้างได้มากกว่า Roman Forum บางส่วนสามารถเห็นภาพโมเสกที่ตกแต่งผนัง หรือกระเบื้องที่ใช้ในยุคโรมัน และที่นี่ยังเป็นจุดชมวิวเมืองและวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงามด้วย
▌วันที่ 2
Photo from pixabay.com/en/spanish-steps-rome-italy-2676923/ [CC by 0.0]
เริ่มต้นวันที่ 2 ด้วยการตามรอยหนังดัง Roman Holiday กันที่
Spanish Steps บันไดสเปนอันสวยงามและมีขื่อเสียงโด่งดัง เป็นบันไดที่ขึ้นชื่อว่ากว้างที่สุดในยุโรป ที่จุดนี้ตั้งอยู่จัตุรัสย่านการค้าชื่อดัง สามารถไปถ่ายรูปและนั่งขมผู้คนสัญจรไปมา แถมด้วยความเพลิดเพลินจากการเกินช้อปปิ้ง ที่นี่มีร้านบูธิคแบรนด์เนมชื่อดังหลายร้านที่จะมามอบความสุขในการช้อปปิ้งให้กับคุณ เดินช้อปไปเรื่อยๆ จะไปถึงสถานที่เที่ยวต่อไป นั่นก็คือ
Trevi Fountain น้ำพุที่มีขนาดใหญ่สวยงามที่สุดของโรง มาถึงน้ำพุแล้วอย่ามัวถ่ายรูปเพลินจนลืมทำกิจกรรมยอดฮิตอย่างการโยนเหรียญลงไปในน้ำพุตามความเชื่อที่ว่าหากหันหลัง แล้วโยนเหรียญข้ามไหล่ซ้ายลงไปในน้ำพุจะทำให้ได้กลับมาที่โรมอีกครั้งกันด้วย เดินจากน้ำพุไปประมาณ 20 นาทีก็จะถึงสถานที่ท่องเที่ยวถัดไป นั่นก็คือ Pantheon วิหารเก่าแก่อายุมากกว่า 2,000 ปี ที่ได้รับการดูแลอย่างและคงสภาพดั้งเดิมไว้ได้มากที่สุด จุดเด่นคือช่องตรงกลางโดมที่เรียกว่า Oculus หรือดวงตาเทพที่แสงส่องเข้ามาสวยงามแปลกตา
Photo from pixabay.com/en/rome-italy-roman-pantheon-morning-2299619/ [CC by 0.0]
เสร็จจาก
วิหาร Pantheon แวะรับประทานอาหารที่ร้าน Taverna del Seminario ร้านอาหารที่อยู่ใกล้ ที่นี่มีอาหารเป็นชุดจำหน่าย เช่น พวกพาสต้าและของหวาน ที่ทั้งอร่อยและราคาเป็นมิตร เมื่อเสร็จจากการรับประทานอาหารมื้อเที่ยงแล้ว ไปเดินเล่นกันต่อที่
Piazza Navona จัตุรัสชื่อดังที่อยู่ใกล้ๆ ที่นี่มีน้ำพุสวยๆ หลายจุดให้เลือกเดินถ่ายรูป น้ำพุที่เด่นที่สุดของบริเวณนี้คือจตุมหานทีที่มีเสาโอเบลิคตั้งตะหง่านอยู่ตรงกลาง นอกจากความสวยงามแล้วที่นี่ยังมีร้านค้าขายของที่ระลึกและสินค้าน่าซื้อมากมาย มีงานศิลปะให้ชม มีการแสดงดนตรีหรือโชว์ต่างๆ ให้ได้เพลิดเพลินจนลืมเวลาเลยทีเดียว เดินเล่นเหนื่อยๆ ก็พักจิบเครื่องดื่มที่คาเฟ่เก่าแก่ หรือคาเฟ่น่ารักๆ มากมายในละแวกนี้ จากนั้นจะมีเส้นทางช้อปปิ้งให้สามารถทะลุไปบันไดสเปน เพื่อเก็บตกมุมช้อปปิ้งที่รอบแรกอาจช้อปแบบเร่งรีบ ร้านแต่ละร้านในย่านนี้ด้วยความเป็นส่วนตัว มีห้องลองให้คุณช้อปปิ้งแบบผ่อนคลาย ไปจนถึงห้างสรรพสินค้า ช้อปปิ้งกันจนเย็นๆ ก็มาชมความงามของบันไดสเปนต่อด้วยน้ำพุเทรวี่ที่เปิดไฟสวยงาม ดูน่าค้นหา งดงามในรูปแบบที่แตกต่างจากกลางวัน ก่อนจะหาร้านอาหารดินเนอร์พร้อมจิบไนท์เบาๆ ก่อนกลับที่พัก
▌วันที่ 3
Photo by Pierre-Selim Huard from commons.wikimedia.org/wiki/File:Roma_-_2016-05-21_-_Villa_Borghese_-_0697.jpg [CC by-sa 4.0]
Photo by Alessio Damato from commons.wikimedia.org/wiki/File:Galleria_borghese_facade.jpg [CC by-sa 4.0]
วันที่สามพักจากสถานที่ท่องเที่ยวของใจกลางกรุงโรมแล้วมุ่งหน้าไปตามเส้นทาง Appian way ถนนสายเก่าแก่ที่มีความสำคัญอย่างมากกับจักรดิโรมันในการเชื่อมโยงเมืองหลวงไปยังการตั้งถิ่นฐานทางภาคใต้รวมไปถึง Naples และ Brindisi มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายหลากหลายแบบให้ได้ชมกัน เช่นสุสานของ St Callixtus และสุสานของ Catacombs of St. Sebastian ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสุสานของบุคคลสำคัญของคริสตจักรและผู้เสียสละทั้งหลาย เป็นต้น เส้นทางจะเริ่มจากถนน Porta San Sebastiáno ซึ่งอยู่ห่างจาก Colosseum ประมาณ 2 ไมล์ ส่วนใหญ่นิยมเที่ยวชมประมาณ 10 ไมล์แรกจนถึงหลุมฝังศพของ Cecilia Metella ตลอดเส้นทางก็มีแหล่ง ท่องเที่ยวมากมายให้ชม เสร็จแล้วมุ่งหน้ากลับสู่เมืองหาร้านอาหารมื้อเที่ยง ก่อนจะตรงไปที่
Borghese gallery ที่ตั้งอยู่ใน
สวน Villa Borghese อันเป็นที่ตั้งของคอลเลคชั่น Borghese คอลเลคชั่นงานศิลปะที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงโรม ด้วยผลงานมากมายจึงอาจทำให้ต้องใช้เวลาซักนิด จากนั้นเดินชมความสวยงามของสวนโดยรอบ ไฮไลต์อยู่ที่ด้านทิศตะวันตกของสวนที่สามารถชมทัศนียภาพอันงดงามของ Piazza del Popolo ได้ ภาพของจัตุรัสใจกลางกรุงโรมจากมุมนี้นั้นเป็นภาพนิยมของโรมเลยทีเดียว และจะงดงามอย่างมากในช่วงพระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน ต่อจากนั้นกลับมาใจกลางเมืองหามื้อค่ำ และกลับไปพักผ่อนที่โรงแรม
▌วันที่ 4
Photo by Paolo Costa Baldi from commons.wikimedia.org/wiki/File:Piazza_Venezia_-_Il_Vittoriano.jpg [CC by-sa 4.0]
Photo by Benjamin Dahlhoff from commons.wikimedia.org/wiki/File:BD-Campo_de’_Fiori-20120813-P8130070.jpg [CC by-sa 3.0]
ซื้อ
Roma pass แบบ 48 ชั่วโมงที่สถานี Termini หรือสถานีอื่นที่อยู่ใกล้ เริ่มต้นวันที่ 4 ด้วย National Roman Museum พิพิธภัณฑ์แห่งชาติของโรมที่อยู่ห่างจากสถานี Termini ไปประมาณ 20 กิโลเมตรเท่านั้น ที่นี่เป็นสถานที่รวบรวมเรื่องรวมและวัตถุโบราณทั้งหมดเกี่ยวกับโรม เสร็จจากพิพิธภัณฑ์แห่งชาติก็แวะหาร้านอาหารที่มีมากมายในบริเวณใกล้เคียงเป็นมื้อเที่ยง ก่อนจะไปเที่ยวชม
Piazza del Polopo จัตุรัสใจกลางกรุงโรมีที่มีสถาปัตยกรรมสวยๆ ให้ชม มีร้านขายสินค้า และงานแสดงต่างๆ รอบบริเวณ ก่อนจะใช้ Metro ตรงไปที่
Piazza Venezia เพื่อเข้าชม
Capitoline Museum พิพิธภัณฑ์โบราณที่โดดเด่นด้วยของล้ำค่าโบราณในยุคโรมัน รวมไปจนอาวุธโรมันโบราณ เสร็จจากพิพิธภัณฑ์ไปเที่ยวชม
Campo de’ Fiori ตลาดโด่งดังที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวและคนในท้องที่มาใช้บริการ เป็นตลาดที่มีของพื้นเมืองมาจำหน่ายมากมาย มีผักสด ผลไม้สด แฮม ชีส ที่ล้วนแล้วแต่คุณภาพเยี่ยมไว้ให้บริการกัน หรือจะเป็นพวกเส้นพาสต้าแห้ง เหล้ามะนาวอันขึ้นชื่อ ไวน์รสชาติดีก็ล้วนหาได้จากที่นี่ เหมาะสำหรับมาเดินซื้อของฝากและของที่ระลึกกัน นอกจากนั้นยังสามารถหามื้อค่ำอร่อยๆ ราคาไม่แพงได้จากที่นี่ด้วย
▌วันที่ 5
Photo by Ethan_Doyle_White from en.wikipedia.org/wiki/File:Baths_of_Caracalla,_facing_Caldarium.jpg [CC by-sa 3.0]
Photo by Jastrow from commons.wikimedia.org/wiki/File:Facade_San_Giovanni_in_Laterano_2006-09-07.jpg [CC by-sa 4.0]
วันสุดท้ายสำหรับทริปที่วิเศษนี้เริ่มที่
Pyramid of Caius Cestius สุสานที่โดดเด่นที่ความแตกต่างที่ไม่ใช่แบบโรมันคาทอลิกแบบที่เห็นเป็นส่วนมากในกรุงโรม บริเวณโดยรอบสวยงามและพีระมิดตั้งตระหง่านสีขาวดูสะอาดตา สุสานนี้มีศพของกวีคนดังตลอดกาลแห่งอังกฤษ Keats ฝังอยู่ที่นี่ด้วย เสร็จจากพีระมิดไปต่อกันที่อีกหนึ่งสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ของโรมัน B
aths of Caracalla ห้องอาบน้ำขนาดใหญ่อันเก่าแก่ที่มีโครงสร้างซับซ้อน มีโครงสร้างที่ก่อสร้างมาจากอิฐ และปูพื้นด้วยกระเบื้อง เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่บ่งชี้ถึงความยิ่งใหญ่ในยุคสมัยโรมัน ปิดท้ายทริปนี้ด้วยการเข้าชม
St. John in the Lateran อีกหนึ่งวิหารที่เก่าแก่และสำคัญสำหรับคริสตจักรโรมันคาทอลิกที่โดดเด่นด้วยเสาโอเบลิกของอียิปต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีหอคอยที่สามารถเดินเท้าขึ้นไปชมวิวได้ วิหารนี้ค่อนข้างจะเงียบสงบและผ่อนคลายมากกว่ามหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ เสร็จแล้วก็เดินทางกลับมาที่สถานี Termini เพื่อนั่งรถไฟไปสนามบินฟูมิชิโนเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับ