มหาวิหาเซนต์พอลด้านนอกกำแพง Basilica of Saint Paul Outside the Walls
Basilica of Saint Paul Outside the Walls หรือ มหาวิหาเซนต์พอลด้านนอกกำแพง หนึ่งในสี่โบสถ์ที่เป็นของรากฐานที่สำคัญของกรุงโรมที่ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 4 เป็นมหาวิหารที่ใหญ่เป็นอันดับสองในกรุงโรมรองลงมาจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่นครรัฐวาติกัน
ณ มหาวิหารที่ใหญ่เป็นอันดับสองของกรุงโรมแห่งนี้คุณจะได้พบกับสุสานเซนต์พอลใต้แท่นบูชาหลักที่ถูกทำลายด้วยไฟไหม้เมื่อปี 1823 และได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ตามข้อกำหนดเดิมผ่านการบริจาคทุนทรัพย์จากทั่วโลก สิ่งที่น่าสนใจและโดดเด่นคือโซ่ที่ใช้ผูกมัดนักบุญพอลซึ่งเป็นนักโทษในกรุงโรมตั้งแต่ปี 61 ที่ปรากฏอยู่ในที่เก็บศพทองคำใกล้สุสานของอัครทูตและพร้อมสำหรับการจัดให้ชมในพิธีการอันน่าเลื่อมใสที่จัดขึ้นนั่นก็คือวันเฉลิมฉลองของนักบุญพอล ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 29 มิถุนายนของทุกปี โดยในแต่ละปีนั้นโซ่จะถูกนำไปใช้ในการเดินขบวนทั่วมหาวิหาร
มหาวิหารแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นเมื่อเปาโลอัครสาวกได้ถูกประหารชีวิตลงในศตวรรษที่ 1 ในกรุงโรม หลังจากนั้นลูกน้องของเขาจึงได้สร้างศาลเจ้าเหนือหลุมฝังศพของเขา มีโบสถ์เล็กๆ ที่สร้างถวายอยู่ในบริเวณเดียวกันซึ่งต่อมาได้ถูกรื้อถอนเพื่อสร้างพื้นที่สำหรับการก่อสร้างมหาวิหารขนาดใหญ่และสวยงาม โบสถ์ที่โดดเด่นของมหาวิหารถูกสร้างขึ้นระหว่างปี 1220 ถึงปี 1241 เป็นหนึ่งในวิหารเพียงไม่กี่แห่งที่รอดจากไฟไหม้ในปี 1823 เนื่องมาจากหลังเหตุการณ์ไฟไหม้มีหลายประเทศได้ทำการบริจาคเงินเพื่อนำมาบูรณะโบสถ์ซึ่งหลังจากโบสถ์ได้เปิดขึ้นมาใหม่อีกครั้งก็ได้มีการประกาศให้เป็นอนุสาวรีย์แห่งชาติ
การตกแต่งภายในของมหาวิหารเซนต์พอลนั้นงดงามด้วยหินอ่อนขนาดมหึมาและกระเบื้องโมเสคสีทองที่สวยงาม แต่น่าเสียดายเพราะเหตุการณ์ไฟไหม้ในปี 1823 จึงทำให้มีเพียงไม่กี่ชิ้นส่วนของมหาวิหารยุคกลางเท่านั้นที่ยังคงสภาพเดิมอยู่ แต่อย่างไรก็ตามคริสตจักรก็ยังคงฝังกระเบื้องโมเสกบางส่วนจากศตวรรษที่ 13 เป็นโคมระย้าขนาดใหญ่ ในจำนวนภาพวาดโมเสกมากมายนั้น ภาพที่สำคัญที่สุดคือภาพวาดโมเสกของพระสันตะปาปาในบริเวณกลางวิหารอันกว้างใหญ่บนผนังของมหาวิหาร ซึ่งรังสีของแสงแดดจะส่องสว่างขึ้นในรูปของสมเด็จพระสันตะปาปาในปัจจุบันซึ่งก็คือสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส คุณลักษณะนี้เองที่เป็นคุณสมบัติเฉพาะที่ทำให้มหาวิหารแห่งนี้แตกต่างจากมหาวิหารอื่นๆ ห้องโถงที่อยู่ด้านนอกเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของโบสถ์ สร้างขึ้นจาก 150 คอลัมน์ ซึ่งจากจุดนี้สามารถมองเห็นหน้าตึกของมหาวิหารที่ปกคลุมด้วยกระเบื้องโมเสกสีทองขนาดมหึมาซึ่งสะท้อนจากแสงแดด ตรงกลางของท่าเทียบเรือมีรูปปั้นอันงดงามขนาดมหึมาของเซนต์พอลที่อยู่ไกลออกไปเล็กน้อย นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจภายในโบสถ์นั่นก็คือไม้กางเขนเหนือพลับพลาในโบสถ์ศักดิ์สิทธ์ซึ่งถูกแกะสลักโดย Pierre Cavallini เซนต์บริจเก็ตแห่งสวีเดนที่นอนกราบอธิษฐานก่อนจะใช้ไม้กางเขนนี้เมื่อศีรษะของพระเยซูหันไปทางเธอทำให้เธอมีชื่อเสียงมากว่า 15 คำอธิษฐานของบริจเก็ต แม้ว่ามหาวิหารนี้จะไม่ได้อยู่กลางใจเมืองแต่ด้วยความสวยงาม ความมีเอกลักษณ์และความน่าอัศจรรย์ของผลงานโมเสกอันน่าประทับใจทำให้มหาวิหารแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันสำคัญอีกแห่งหนี่งของกรุงโรมที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับการเที่ยวชม
ค่าใช้จ่าย
ในส่วนของมหาวิหารนั้นไม่มีค่าบริการในการเข้าชม ยกเว้น Cloister ที่มีค่าบริการตั๋วเข้าชมในราคา 4 ยูโร
เวลาทำการ
มหาวิหารเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 7.00 น. ไปจนถึงเวลา 18.30 น. ยกเว้นสำหรับทัวร์มวลชนที่มักจะเปิดบริการในวันอังคารจนถึงอาทิตย์ ปิดให้บริการในวันจันทร์ โดยในวันอังคารถึงวันอาทิตย์นั้นจะเปิดให้บริการในเวลา 9.00 น. ถึงเวลา 13.00 น. และเวลา 16.00 น. ถึงเวลา 19.30 น. ส่วนในวันหยุดราชการหรือกำหนดการสำหรับวันพิธีเฉลิมฉลองนั้นจะแตกต่างออกไปซึ่งสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ออฟฟิศ
วิธีการเดินทาง
เดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน Metro Line b มาที่สถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้มหาวิหารที่สุดนั่นก็คือ Basilica San Paolo หรือจะเลือกเดินทางโดยการใช้บัสสาย 23 และ 271 ก็ได้เช่นกัน