มหาวิหารบาธ Bath Abbey

มหาวิหารหลักของเมืองบาธ Abbey Church of Saint Peter and Saint Paul หรือที่รู้จักกันในนามว่า “Bath Abbey” เป็นโบสถ์ของชาวอังกฤษ นิกายแองกลิกันและเป็นโบสถ์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายร้อยปี สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 7 ต่อมาได้มีการปรับปรุงในศตวรรษที่ 10 และปรับปรุงใหม่อีกครั้งหนึ่งในศตวรรษที่ 16 โดย Sir George Gilbert Scott ซึ่งโบสถ์ของที่นี่ ถือว่าเป็นสถาปัตยกรรมโกธิกแนวตั้งฉากที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง ในเวลาต่อมา โบสถ์นี้ได้ยุบรวมกับโบสถ์ Wells ในปี ค.ศ. 1538 แต่ชื่อของโบสถ์ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยโบสถ์นี้สร้างจากหิน Bath จึงทำให้ภายนอกเป็นสีเหลือง ซึ่งผิดจากรูปแบบสถาปัตยกรรมโกธิกแนวตั้งฉากที่มีทางเดินต่ำและช่องรับแสงที่ค่อนข้างสูง

ภายในโบสถ์จะมีลักษณะรูปร่างเป็นไม้กางเขนและมีที่นั่งที่สามารถรองรับคนได้ถึง 1,200 คน ซึ่งในปัจจุบันโบสถ์แห่งนี้ใช้เป็นสถานที่สำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนา สักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเป็นเจ้าภาพในการจัดพิธีทางฆราวาส นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตและการบรรยายสั่งสอน ซึ่งมีผู้เข้าชมให้ความสนใจกว่า 1,000 คนต่อปี รวมถึงมีคณะร้องเพลงประสานเสียงภายในโบสถ์และมีพิพิธภัณฑ์ที่เป็นมรดกอันทรงคุณค่าอยู่ชั้นใต้ดินอีกด้วย มองจากด้านนอกที่นี่ไมได้เป็นเพียงแค่โบสถ์ที่มีสถาปัตยกรรมโกธิกแบบตั้งฉากเท่านั้น ภายในโบสถ์ยังมีห้องตกแต่งที่มีลักษณะเป็นเพดานโค้งรูปพัด ซึ่งออกแบบโดย Robert และ William Vertue รวมถึงภายในโบสถ์ มีหน้าต่างโค้งขนาดใหญ่ถึง 52 บาน จึงทำให้รู้สึกถึงความสว่างไสวและความเบิกบานใจ และยังสะท้อนให้เห็นมุมมองใหม่ๆที่แตกต่างออกไป บวกกับการแกะสลักที่มีความประณีตและละเอียด บริเวณด้านบนหน้าต่างเป็นภาพแกะสลักของเทวดากับเหล่านางฟ้าที่กำลังปีนขึ้นไปบนสวรรค์ นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ The Bath Abbey Heritage Vaults Museum อยู่ชั้นใต้ดิน ได้รับการซ่อมแซมบูรณะในสมัยศตวรรษที่ 18 โดยภายในมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของโบสถ์และอาคารต่างๆ ที่อยู่ในบริเวณนี้ รวมถึงประติมากรรม แบบจำลองการสร้างโบสถ์ สิ่งประดิษฐ์ต่างๆ และบทบาทของโบสถ์ในปัจจุบัน ซึ่งพิพิธภัณฑ์เปิดให้บริการในปี ค.ศ. 1994 แต่ปัจจุบันได้ปิดปรับปรุงชั่วคราว และไฮไลท์อย่างสุดท้าย เห็นจะเป็นออร์แกนขนาดใหญ่ หากใครเดินเข้ามาในโบสถ์นี้จะต้องเห็นทุกคน เป็นเครื่องดนตรีเก่าแก่ของโบสถ์นี้ ประดิษฐ์โดย Abraham Jordan ในปี ค.ศ. 1708 ต่อมาได้มีการต่อเติมและปรับปรุงหลายครั้ง