Photo by David Gubler from commons.wikimedia.org/wiki/File:Berninabahn_zwischen_Lagalb_und_Ospizio_Bernina_im_Winter.jpg [CCSA3.0]

สวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland) ประเทศที่เต็มไปด้วยมนตร์ขลังของธรรมชาติ สายรักธรรมชาติแน่นๆเทือกเขาสูง วิวทะเลสาบสวยๆ นี่ถือว่าเป็นจุดหมายปลายทางที่ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องมาเยือนให้ได้ซักครั้งเลยทีเดียว แม้ขนาดของสวิสเองไม่ได้ใหญ่มากหากเสน่ห์นี่เหลือล้น นอกจากธรรมชาติสวยๆแล้วนั้น อากาศนี่เรียกว่ายืนหนึ่งจนติดอันดับโลก อีกทั้งแหล่งท่องเที่ยวเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมโบราณๆคลาสสิคๆก็ไม่แพ้ที่ไหน จนถึงกิจกรรมก็มีให้เลือกทำมากมาย ซึ่งถ้าซื้อสวิสพาสนี่จะคุ้มค่ามากๆเพราะบางแห่งสามารถใช้เข้าฟรีหรือบางที่สามารถใช้เป็นส่วนลดได้มากถึง 25% เรียกได้ว่าเป็นประเทศที่มีเสน่ห์น่าค้นหาและมองข้ามไม่ได้จริงๆครับ

 

ยอดเขายอดฮิตของคนที่หลงใหลกับวิวสวยๆ ตั้งอยู่ระหว่างรัฐออบวัลเดินกับรัฐแบร์นของสวิสเซอร์แลนด์ คนที่ของขึ้นแต่กลัวนี่หมดกังวลได้เลยครับเพราะขึ้นง่ายๆสบายๆด้วยนั่ง Cable Carไปจนถึงบริเวณยอดเขาได้เลย ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องวิวทิวทัศน์ที่จะเห็นตั้งแต่ตอนขึ้นCable Car จากการที่เป็นกระเช้าแห่งแรกของโลกที่หมุนแบบ 360 องศาได้ ถ้ามีแพลนให้มาแนะนำให้เตรียมอุปกรณ์กันหนาวมานะครับ เนื่องจากที่บริเวณยอดเขามีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี ถ้าสายชิลก็สามารถเดินชมวิวพร้อมเดินสะพานแขวนที่ขึ้นชื่อว่าสูงที่สุดในยุโรป แต่ถ้าเป็นสายกิจกรรมก็สามารถเล่นสกีพร้อมเต็มอิ่มกับวิวงามๆไปตลอดทาง

 

 

ยอดเขาที่ถูกยกให้สูงที่สุดของยุโรปแห่งนี้ ตั้งอยู่ภายในรัฐแบร์นของสวิสเซอร์แลนด์ นับเป็นยอดเขาที่รวมความเป็นที่สุดของยุโรปไว้มากมาย ทั้งสูงที่สุด วิวมุมสูงสวยที่สุด รวมทั้งยังมีธารน้ำแข็งยาวที่สุดของเทอกเขาพ่วงด้วยมีถ้ำการแกะสลักอย่างงดงาม ด้วยความสูงระดับนี้จึงเป็นจุดหมายปลายทางสุดฮอตของเหล่านักสกีที่ชื่นชอบความท้าทาย อยากลองมาเล่นสกีบนยอดเขาสูงๆพร้อมอินไปกับวิวสวยๆ การขึ้นไปก็ไม่ยากอย่างที่คิดโดยสามารถเดินทางไปได้ด้วยกลาเซียร์ เอ๊กซ์เพรส (Glacier Express)ที่ว่ากันว่าเป็นรถไฟด่วนที่สวนทางกับความเร็ว หากก็ถือเป็นโบนัสเพราะจะได้ฟินไปกับวิวธรรมชาติอลังการไปตลอดเส้นทาง

 

 

ปราสาทกรุยแยร์ ตั้งอยู่ภายในเมืองเก่ากรูแยร์ โดยเป็นปราสาทเก่าแก่ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และยังเป็นมรดกสถานที่สำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งที่นี่ถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 13 เมื่อก่อนเคยได้เป็นที่พำนักของผู้ปกครองเมืองสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน มายุคปัจจุบันแม้จะได้เป็นที่อาศัยอีกต่อไปแล้ว หากก็ยังคงอนุรักษ์สิ่งต่างๆทั้งเฟอร์นิเจอร์ เครื่องไม้เครื่องมือ รวมไปถึงสิ่งต่างๆในยุคก่อนไว้ในสภาพสมบูรณ์มากๆ และได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ผู้ที่สนใจได้เข้าชม ไม่ได้มีดีแค่ด้านในเท่านั้นนะครับ เรื่องสวนที่นี่เค้าก็ค่อนข้างโดดเด่นไม่น้อย หากก็ขึ้นอยู่กับฤดูกาลด้วย ฉะนั้นถ้าแพลนอยากมาชมสวนดอกไม้สวยๆควรมาช่วงฤดูใบไม้ผลิไปจนถึงช่วงฤดูร้อนจะดีที่สุด

 

 

 

 

 

ปราสาทชิลยอง ตั้งอยู่ภายในเมือง Veytaux เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปราสาทที่มีความเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่ง นับๆอายุแล้วก็ปาเข้าไปพันปีเข้าไปแล้ว สิ่งที่ถือเป็นไฮไลท์ก็ตรงการที่ตัวปราสาทตั้งอยู่บริเวณเกาะกลางทะเลสาบ ในภาพถ่ายว่าสวยแล้วมาเจอของจริงบอกเลยว่าสวยยิ่งกว่าภาพเยอะ ซึ่งเป็นการลงตัวของสถาปัตยกรรมโบราณสไตล์โกธิคบวกรวมกับวิวธรรมชาติของทะเลสาบ กลายออกเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่รวมสองสิ่งไว้อย่างลงตัว ในอดีตนั้นที่ปราสาทแห่งนี้เคยเป็นจุดคอยเก็บค่าผ่านทางและที่พำนักของตระกูลซาวอย นอกจากห้องต่างๆที่คงตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์ไว้เหมือนสมัยก่อนแล้ว ยังจะมีคุกลับชั้นใต้ดินที่เคยเป็นที่ขังฟรังซัวส์ โบนิวาร์ด ผู้เป็นนักบวชและนักการเมืองคนสำคัญอีกด้วย

 

  

ทะเลสาบเจนีวา ตั้งอยู่ทางแถบตะวันตกของสวิตเซอร์แลนด์อย่างเมืองเจนีวานั่นเอง ด้วยความที่พื้นที่ของทะเลสาบคาบเกี่ยวระหว่างสองประเทศคือ สวิสกับฝรั่งเศส จึงทำให้มีอีกชื่อในภาษาฝรั่งเศสว่า “ทะเลสาบเลม็อง (Lac Léman)”  ตัวทะเลสาบเองไม่เพียงมีความสวยงามอย่างเดียว แต่ยังมีความสำคัญจากการเป็นแหล่งน้ำจืดที่ใหญ่เป็นอันดับสองของยุโรปพ่วงมาอีกตำแหน่ง โดยที่นี่ยังมีอีกหนึ่งไฮล์ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดชมอย่างน้ำพุเจ็ดโด้ (Jet d’Eau) ที่สามารถพ่นน้ำได้สูงสุดมากถึงสูงสุดถึง 140 เมตร จนได้รับการขนานนามให้เป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมืองเจนีวา

 

 

น้ำตกไรน์ ตั้งอยู่ระหว่างรัฐชัฟเฮาเซินกับรัฐซือริช บอกเลยว่าถ้าอยากมาดูน้ำตกที่อลังการงานสร้างที่สุดของยุโรปต้องมาที่นี่ให้ได้ การันตีจากการได้รับการยอมรับให้เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปมานั่นเอง ซึ่งมาแล้วก็ไม่ได้แค่มองอย่างเดียว เพราะสามารถล่องเรือชมน้ำตกแบบชิลๆก็ได้หรือจะเดินบริเวณสะพานใกล้ๆเพื่อชมความงดงามของน้ำตกแบบภาพรวมก็ยังไหว โดยที่นี่ไม่ใช่แค่ใหญ่หากยังมีความเก่าแก่มากๆ เพราะกำเนิดครั้งแรกเมื่อกว่าหมื่นปีที่แล้วในยุคน้ำแข็งเลยทีเดียว

 

 

สะพานคาเปล ตั้งอยู่ภายในเมืองลูเซิร์น นับว่าเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองแห่งนี้ที่ไม่มาไม่ได้ และยังเป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่มากที่สุดของสวิสรวมทั้งยังมีความเก่าแก่มากที่สุดของโลกอีกด้วย โดยจะเป็นสะพานที่ทำการไม้ด้วยดีไซน์สุดคลาสสิคพร้อมหลังคาทอดยามข้ามแม่น้ำรอยส์ ที่ไม่น่าเชื่อว่าแม้จะมีอายุเป็นร้อยๆปีแต่กลับแข็งแรงทนทานมากๆ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมและรูปแบบกรรมวิธีการสร้างที่เป็นภูมิปัญญาของคนท้องถิ่นอย่างแท้จริง บวกกับการเพิ่มดีเทลด้วยภาพเขียนโบราณที่เล่าถึงเรื่องราวความเป็นมาของสวิสเซอร์แลนด์  แถมแบล็คกราวน์ด้านหลังที่เป็นสิ่งก่อสร้างโบราณพร้อมด้วยวิวเทือกเขาสุดฟิน เรียกได้ว่าคุ้มค่าการมาเยือนสุดๆ

 

 

รถไฟสายด่วนสไตล์วินเทจที่เก่าแก่มากที่สุดของสวิสเซอร์แลนด์ อยากนั่งรถไฟพร้อมชมวิวธรรมชาติสวยๆทั้งเทือกเขาแอลป์ ลำธาร ทะเลสาบ และที่สำคัญแล่นไปบนสะพานโค้งแห่งบรูสิโอที่งดงามระดับมรดกโลก บอกได้คำเดียวว่าเพลินจนลืมเวลาไปเลย

 

 

รถไฟกลาเซียร์ เอ๊กซ์เพรส ที่จุดเริ่มต้นอยู่ที่สถานี Grindelwald หรือ Lauterbrunnen ชอบความชิลอยากอินไปกับวิวสองฝั่งข้างทางนานๆมาขบวนนี้ตอบโจทย์อย่างแรง เนื่องจากขึ้นชื่อว่าเป็นรถไฟด่วนที่ความเร็วเยี่ยงสล็อต รับรองว่าเต็มอิ่มไปกับวิวทิวทัศน์ของเทือกเขาแอลป์ กันยาวๆ

 

 

พิพิธภัณฑ์การขนส่งสวิส ตั้งอยู่ที่เมืองลูเซิร์น เรียกได้ว่าเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์การขนส่งของสวิสและยังเป็นพิพิธภัณฑ์การขนส่งและคมนาคมใหญ่ที่สุดในยุโรปอีกด้วยล่ะครับ ซึ่งที่นี่ได้รวมเอารูปแบบการขนส่งตั้งแต่ในอดีตจวบจนมาถึงในยุคปัจจุบันไว้ให้ได้ชมกันอย่างครบครัน ทั้งรถไฟ เรือ และเครื่องบิน แล้วยังเพิ่มความน่าสนใจให้กับการจัดแสดงด้วยการมีนิทรรศการแบบอินเทอร์แอคทีฟและมีภาพยนตร์สามมิติ ทำให้การให้ความรู้ทั้งทันสมัยและไม่น่าเบื่อเลยซักนิด แบบว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็สามารถสนุกไปได้พร้อมกับเก็บเกี่ยวความรู้ต่างๆที่แฝงมาในเวลาเดียวกัน

 

 

โรงงานช็อคโกแลตแห่งแรกของสวิสเซอร์แลนด์ ตั้งอยู่ภายในเมืองบร็อก โดยโรงงานแห่งนี้เป็นที่ผลิตช็อกโกแลตแบรนด์แรกของสวิสชื่อว่า Cailler แน่นอนว่าสวิสขึ้นชื่อเรื่องช็อกโกแลตอันดับโลกคุณภาพหายห่วง ซึ่งว่ากันว่าคุณภาพและรสชาติระดับตำนาน เห็นว่าแม้ทำเลจะอยู่ในเมืองที่ยังมีความชนบทอยู่สูงหากการเดินทางมาง่ายแสนง่าย ด้วยความที่สถานีรถไฟอยู่ติดกับโรงงานแบบลงจากรถไฟปุ๊บสามารถเดินต่อไปอีกนิดก็ถึงแล้ว มาถึงถิ่นทั้งทีไม่เพียงแค่จะได้ความรู้และขั้นตอนเกี่ยวกับการผลิตช็อกโกแลตอย่างเดียว ยังได้เต็มอิ่มกับผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตที่ขนกันว่าเป็นกองทัพอีกต่างหาก แถมระหว่างชมยังจะมีช็อกโกแลตผลิตใหม่ๆให้ชิมอีกด้วย น่าจะเรียกได้ว่าถูกใจสายหวานอย่างแรง

 

 

โรงงานชีสกรุยแยร์ ตั้งอยู่ภายในเมืองกรุยแยร์ ชีสของสวิสเป็นอีกสินค้าการันตีคุณภาพระดับโลก มาถึงถิ่นทั้งทีก็ต้องมาลองดูให้รู้ลึกรู้จริงจะได้ไม่เสียเที่ยว โดยมีทั้งในส่วนของการทัวร์ชมขั้นตอนการผลิตตั้งแต่ต้นจนจบว่ากว่าจะได้ชีสซักชิ้นผ่านอะไรมาบ้าง ซึ่งการเข้าชมจะมีเป็นรอบๆเช้าและบ่าย ใครที่ซื้อสวิสพาสมานี่สบายเลยสามารถเอามายื่นเพื่อเข้าฟรีได้ด้วย นอกจากนี้ก็ยงมีโซนพิพิธภัณฑ์ให้ได้ความรู้กันตั้งแต่พันธุ์วัว นมวัวที่เอามาผลิตชีส ร้านอาหารน่ารักๆที่เน้นเมนูชีสเป็นพิเศษ ร้านขายขอที่ระลึก และร้านขายชีสของกรุยแยร์ที่ทำแบบสดๆใหม่ๆ บอกเลยว่าคอชีสนี่พลาดไม่ได้เด็ดๆ