อัพเดตล่าสุดเมื่อ 26 เมษายน 2566
ในบทความนี้ เราได้คัดสรรค์ 30 สถานที่ท่องเที่ยวเด็ดๆ ที่ทั้งงดงาม ทรงคุณค่า เป็นสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศส ไปจนถึงแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆที่อาจไม่ได้โด่งดังมากมาย หากก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบที่ไม่ควรมองข้าม มีหลากหลายประเภทที่ตอบโจทย์ได้ทุกๆคน ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ ธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ ไปจนถึง สิ่งก่อสร้างสุดอลังการ ของมนุษย์ เพื่อให้คุณไม่พลาดเช็กอินและเต็มอิ่มกับการท่องเที่ยวมากกว่าที่เคย
30. เลย์ กอร์จ ดู แวร์ดง Gorges du Verdon
Photo by Benh LIEU SONG from https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Gorges_Verdon_Barrage_Sainte_Croix.jpg
เป็นหุบเขาที่ตั้งอยู่ในภูมิภาค Provence-Alpes-Côte d’Azur ทางตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส เป็นหุบเขาที่นักท่องเที่ยวส่วนมากให้ความนิยม มีกิจกรรมมากมายให้เลือกตั้งแต่เส้นทางเดินป่าทุกระดับไปจนถึงกีฬาทางทะเลหรือทางอากาศ เช่น ปีนเขา ขี่จักรยานไฟฟ้า ล่องแก่ง อีกทั้งยังมีแม่น้ำสีเขียวเทอร์ควอยซ์ที่สวยงาม ทัศนียภาพเหมือนอยู่ในหุบเขาเทพนิยาย เป็นหนึ่งในหุบเขาที่สวยงามที่สุดในยุโรป หากคุณมองขึ้นไปบนท้องฟ้าคุณอาจเห็นนกแร้งเผือก หรือนกแร้งกริฟฟอนได้ง่าย ๆ หมู่บ้าน Rougon และ La Palud-sur-Verdon เหมาะสำหรับการแวะพักระหว่างเดินเพื่อชื่นชมเสน่ห์และสถาปัตยกรรมตามแบบฉบับของหุบเขาอัลไพน์ตอนล่าง Parc Naturel Régional du Verdon ทอดยาวจาก Lac de Sainte-Croix ไปจนถึงที่ราบสูง Valensole ผ่านทะเลสาบและเนินเขาจำนวนมากที่รายล้อมไปด้วยช่องเขาและเต็มไปด้วยหมู่บ้านมากมาย
เปิด 24 ชั่วโมง
29. Volcans d’Auvergne ภูเขาไฟโอแวร์ญ
Photo by Guayachimp from https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Volcans_d%27Auvergne_03.JPG
ภูเขาไฟโอแวร์ญเป็นแนวภูเขาไฟที่อยู่ทางเหนือ-ใต้ซึ่งมีต้นกำเนิดและอายุต่างกันตั้งแต่ Chaîne des Puys ทางตอนเหนือไปจนถึง ที่ราบสูง Aubrac ทางตอนใต้ ตั้งอยู่ใน Massif Central ห่างจาก Lyon ไปทางตะวันตกประมาณ 200 กม. สูงสุดคือ Puy de Sancy ด้วยความสูง 1886 เมตร ภูเขาไฟที่นั่นเรียกว่า “พุย ” เป็นพื้นที่ที่ยอดเยี่ยมสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งทั้งหมดเช่น เดินป่า ปั่นจักรยานเสือภูเขา และปีนหน้าผาในฤดูร้อน การเล่นสกี รองเท้าลุยหิมะ และการปีนน้ำแข็งในฤดูหนาว เป็นอุทยานธรรมชาติระดับภูมิภาคที่ใหญ่ที่สุดในฝรั่งเศส Parc des Volcans d’Auvergne ยังประกอบด้วยพื้นที่เกือบ 400,000 เฮกตาร์ ซึ่งเป็นกลุ่มภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ดินแดนอันกว้างใหญ่นี้ประกอบด้วยภูมิประเทศ สัตว์ และพืชพรรณที่โดดเด่น อุทยานธรรมชาติประจำภูมิภาคของภูเขาไฟโอแวร์ญมีความสูงจาก 400 ถึง 1886 ม.
เปิด 24 ชั่วโมง
28. Sentier des Ocres
Photo by Christophe.Finot fromhttps://commons.wikimedia.org/wiki/File:Roussillon_-_Sentier_des_Ocres_20.jpg
Le Sentier des Ocres (The Canyon) เป็นเหมืองดินสีเหลืองเก่าที่อยู่ถัดจาก Roussillon หุบเขาลึกนี้ลึกอย่างไม่น่าเชื่อเนื่องจากถูกขุดขึ้นมาเพื่อดินสีเหลือง (ดินเหนียวธรรมชาติ) เป็นเวลาหลายปี ตอนนี้หุบเขาได้กลายเป็นเส้นทางสำหรับนักท่องเที่ยว สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดคือความหลากหลายของสีสันที่น่าทึ่งของดินเหนียวที่คุณจะได้เห็นบนทางเดิน เปลี่ยนจากสีแดงเข้มเป็นสีเหลืองทองและสีน้ำตาลเข้ม บางครั้งก็ยากที่จะเชื่อว่าคุณอยู่ในฝรั่งเศส! เดินทอดน่องไปตามเส้นทางที่มีต้นไม้เรียงรายซึ่งคดเคี้ยวผ่านเหมืองหินในอดีต ตื่นตาตื่นใจไปกับสีสันอันเจิดจ้า ภูมิประเทศอันเป็นเอกลักษณ์เหล่านี้สร้างขึ้นโดยการทำเหมืองสีเหลืองสดสองศตวรรษและความยาวนานของเวลา
เวลาเปิดทำการ:ทุกวัน ตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ – ธันวาคม ในช่วงฤดูร้อน เส้นทางเปิดให้บริการตั้งแต่ 9.00 น. – 19.30 น. โปรดทราบว่าเวลาเปิดทำการในฤดูหนาวจะแตกต่างกันไปและสั้นกว่ามาก
27. Pont du Gard
Photo by Martin Kraft from https://commons.wikimedia.org/wiki/File:MK53949_Pont_du_Gard.jpg
สะพาน Pont du Gard เป็นสะพานส่งน้ำแบบโรมันโบราณ สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 1 เพื่อลำเลียงน้ำไปยังอาณานิคมของโรมัน Nemausus ( Nîmes ) เป็นระยะทางกว่า 50 กม. (31 ไมล์) มันข้ามแม่น้ำ Gardon ใกล้กับเมือง Vers-Pont-du-Gard ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส สะพานส่งน้ำ Pont du Gard เป็นสะพานส่งน้ำโรมันที่สูงที่สุดและยังเป็นหนึ่งในสะพานที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุด มันถูกเพิ่มเข้าไปในรายชื่อมรดกโลกของ UNESCO ในปี 1985 เนื่องจากมีการสงวนรักษาเป็นพิเศษเพราะมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความเฉลียวฉลาดและทักษะของวิศวกรรมโรมันอย่างแท้จริง หินปูนที่ใช้ที่ Pont du Gard ถูกสกัดจากเหมืองหินในบริเวณใกล้เคียง โดยรวมแล้วใช้หินจำนวน 50,400 ตัน เรียงตามหมายเลข ถูกขนส่งโดยเรือไปตามแม่น้ำไปยังสถานที่ก่อสร้าง เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ท่อส่งน้ำได้จ่ายน้ำให้เพียงพอสำหรับผู้อยู่อาศัยใน Nemausus จำนวน 30,000 คน มีน้ำ 100 แกลลอนต่อวันและดูแลบ่อน้ำ น้ำพุ และสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ทั่วเมือง
เวลาเปิด-ปิด 9:00–19:30 น.
26. Jardins de Marqueyssac
Photo by Ladislaus Hoffner from https://commons.wikimedia.org/wiki/File:2015_Jardins_de_Marqueyssac_%281%29.jpg
สวนที่โรแมนติกและงดงามของ Marqueyssac ซึ่งเป็นอนุสาวรีย์ทางประวัติศาสตร์แห่งชาติที่ได้รับการขึ้นทะเบียนไว้ ซึ่งรายล้อมปราสาทต้นศตวรรษที่ 19 มีหลังคากระเบื้องปูพื้นหรือที่รู้จักกันในชื่อ lauze มีทางเดินยาวกว่าหกกิโลเมตรท่ามกลาง Boxwoods ที่ตัดแต่งด้วยมืออายุกว่า 150,000 ศตวรรษ และประดับประดาด้วย belvederes, rockeries, ทางน้ำ และโรงละครสีเขียว จาก Belvedere of the Dordogne ซึ่งอยู่เหนือแม่น้ำ 130 เมตร เผยให้เห็นทัศนียภาพอันโดดเด่นเหนือหุบเขาทั้งหมด เป็นปราสาทและหมู่บ้านที่สวยงามที่สุดในฝรั่งเศส ปราสาทไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมโดยปราสาทแห่งนี้เป็นที่พักหรูหราสมัยศตวรรษที่ 18 ที่สร้างขึ้นในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส แต่เหตุผลที่แท้จริงในการเยี่ยมชมที่นี่ไม่ใช่ปราสาทแต่มันคือสวนอันน่าทึ่งต่างหาก สวนออกแบบมาให้เดินได้ทั่ว มีทางเดินยาวกว่า 6 กิโลเมตร
สวนเปิดตลอดทั้งปี เวลา 09:00 น. ถึง 20:00 น.
25. เมืองโมนาโก (Monaco)
Photo by Tobi 87 from commons.wikimedia.org/wiki/File:Panorama_von_Monaco-La_Turbie.jpg [CC by-sa 3.0]
โมนาโกตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส และรายล้อมไปด้วยทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจนเรียกได้ว่าเป็นสวรรค์บนดิน โมนาโกถูกขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งเศรษฐีที่เต็มไปด้วยความหรูหราไฮโซ ไม่ว่าตึกอาคารและถนนที่จะเห็นรถซูเปอร์คาร์เยอะมากๆ ที่สำคัญความปลอดเข้าขั้นสูงสุดเพราะแทบจะไม่มีอาชญากรรมเลย
24. เอ็กซองโพรวองซ์ (Aix-en-Provence)
Photo by Andrea Schaffer from commons.wikimedia.org/wiki/File:Cours_Mirabeau,_Aix-en-Provence.jpg [CC by-sa 3.0]
เมืองแห่งศิลปะและน้ำพุที่ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของแคว้นโพรวองซ์ ถือเป็นบ้านเกิดของศิลปินชื่อดังก้องโลกอย่าง ปอล เซซาน (Paul Cezanne) อีกทั้งยังมีน้ำพุอยู่มากถึง 100 แห่ง ตัวเมืองยังคงรักษากลิ่นอายของความเก่าแก่ไว้ได้อย่างดี อีกทั้งเต็มไปด้วนร้านค้าน่ารักๆและยังมีตลาดดอกไม้นานาพันธุ์ทำให้เดินชมเมืองกันแบบไม่มีเบื่อ
23. ปลาสเดอลาบูส (Place de la Bourse)
Photo by Xellery from commons.wikimedia.org/wiki/File:Place_de_la_Bourse,_Bordeaux,_France.jpg [CC by-sa 3.0]
อีกหนึ่งสิ่งปลูกสร้างที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ตั้งอยู่ที่เมืองบอร์กโดซ์ (Bordeaux) โดดเด่นด้วยอาคารตามสถาปัตยกรรมสมัยศตวรรษที่ 17 ที่ยังคงความโอ่อ่างดงามไม่มีเปลี่ยน ด้านหน้าจะมีลานน้ำพุขนาดใหญ่ที่เวลาลองลงมาแล้วจะสะท้อนภาพตัวอาคาร ซึ่งเวลาถ่ายรูปมาแล้วมีเสน่ห์แบบบอกไม่ถูก
22. ปาเลส์ เดอไลล์ (Palais d’Isle)
Photo by Sergio from commons.wikimedia.org/wiki/File:Palais_de_l%27Isle_Annecy_Haute-Savoie.jpg [CC by-sa 3.0]
หนึ่งในอนุสรณ์สถานที่สำคัญของฝรั่งเศสที่ตั้งอยู่ในเมืองอานซี(Annecy) แคว้นโรนาลป์ ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมืองที่ไม่ว่าแขกไปใครมาก็ต้องมาถ่ายภาพเก็บไว้ สถานที่แห่งนี้จริงๆคือ ปราสาทโบราณรูปทรงสามเหลี่ยมขนาดเล็กที่ตั้งอยู่กลางคลอง ที่จะสวยงามแปลกตาอย่างมากในยามค่ำคืนจากการเปิดไฟประดับส่องสว่างทั้งตัวปราสาทและรอบๆ
21. เส้นทางสายลาเวนเดอร์ (Road of lavender)
Photo from pixabay.com/en/lavender-provence-sault-2647652/ [CC by-sa 0.0]
เส้นทางสายลาเวนเดอร์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในฝรั่งเศสตั้งอยู่ที่เมือง Sault เป็นเมืองที่อยู่ในโพรว๊องซ์ ทางใต้ของฝรั่งเศส ซึ่งด้วยพื้นที่ตั้งที่อยู่บนเนินสูงทำให้สามารถชมวิวทิวทัศน์สวยๆของโพรว๊องซ์ได้ ที่สำคัญเต็มไปด้วยทุ่งดอกลาเวนเดอร์มากมาย เวลาถ่ายภาพทุ่งดอกลาเวนเดอร์ท่ามกลางด้านหลังที่เมืองทิวเขามันเป็นอะไรที่งามเหมือนภาพวาดเลยจริงๆ
20. โบสถ์แอ็บบีเดอซีนอคค์ (Abbaye de Senanque)
Photo by decar66 from flickr.com/photos/decar66/9383273698 [CC by-sa 3.0]
โบสถ์ที่โด่งดังจากทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วงเข้มที่อยู่บริเวณด้านหน้า ตั้งอยู่ที่เมืองกอร์ด (Gordes) โดยเหล่าดอกลาเวนเดอร์จะบานสะพรั่งพร้อมๆกันอย่างงดงามตั้งแต่เดือนมิถุนายนไปจนถึงวันที่ 14 เดือนกรกฎาคม ซึ่งถ้าไปหลังจากกลางเดือนก็อาจจะพลาดโอกาสในการชมความงดงามของทุ่งลาเวนเดอร์เนื่องจากจะถูกเก็บเกี่ยวในวันชาติของฝรั่งเศส พร้อมซื้อสินค้าจากดอกลาเวนเดอร์นานาชนิดเป็นของฝาก
19. มหาวิหารแห่งสตราสบูร์ก (Strasbourg Cathedral)
Photo by Claude TRUONG-NGOC from commons.wikimedia.org/wiki/File:Cathédrale_Notre-Dame_de_Strasbourg_août_2014.jpg [CC by-sa 3.0]
วิหารที่สลักด้วยหินสีชมพูที่ทั้งงดงามและหายาก ตั้งอยู่ที่สทราซบูร์ (Strasbourg)ที่ได้รับการยอมนับให้เป็นเมืองแห่งมรดกโลก ด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโกธิก ภายในประดับประดาด้วยกระจกหลากสีที่ส่องวับวาว แปลกตาด้วยหอหอยที่เพียงหนึ่งเดียว และนาฬิกาดาราศาสตร์ยุคโบราณให้ได้ชมกันอีกด้วย
18. กอลมาร์ (Colmar)
Photo by Pline from commons.wikimedia.org/wiki/File:Dune_du_pyla_2009.JPG [CC by-sa 3.0]
เมืองขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในแคว้นอัลซาสทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส ที่ได้รับการขนานนามให้เป็น “ลิตเติ้ลเวนิสแห่งฝรั่งเศส” ด้วยบรรยากาศแห่งความโรแมนติกที่รายล้อมรอบเมือง อาคารบ้านเรือนที่ยังคงสถาปัตยกรรมแบบยุโรปยุคกลางมีคลองตัดผ่าน ทำให้เป็นจุดปลายปลายทางสำหรับคู่รักหลายๆคู่ที่ต้องการมาสัมผัสและเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานยอดนิยม อีกทั้งยังเต็มไปด้วยไร่องุ่นจากการเป็น “เมืองหลวงแห่งไวน์แห่งอาลซัส” มาที่นี่จึงไม่ควรพลาดชิมไวน์เป็นอันขาด
ข้อมูลการเที่ยวเมืองกอลมาร์(Colmar)
17. เนินทราย (Dune of Pilat)
Photo by Pline from commons.wikimedia.org/wiki/File:Dune_du_pyla_2009.JPG [CC by-sa 3.0]
นับเป็นอีกหนึ่งสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่หาชมได้เฉพาะที่เท่านั้น เนินทรายที่นี่ได้ชื่อว่าใหญ่และสูงที่สุดในยุโรป ตั้งอยู่ที่อ่าวอาร์เคชง (Arcachon Bay) บนชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก มีความยาวประมาณ 3 กิโลเมตร และมีความสูง 107 เมตร
16. เฟรนช์ ริเวียร่า (French Riviera)
Photo by Dennis Jarvis from flickr.com/photos/archer10/15905482471/ [CC by-sa 3.0]
แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่ขึ้นชื่อว่าสวยเด็ดที่สุดของฝรั่งเศส ตั้งอยู่ทางตอนใต้บริเวณเขตชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีน้ำทะเลสวยใส หาดทรายสีขาวทอดยาว และมีแดดดีตลอดทั้งปี เหมาะสำหรับการอาบแดดอย่างที่สุด
15. โบสถ์แซงต์ชาแปลล์ (Sainte Chapelle)
Photo by cjuneau. from flickr.com/photos/15558406@N03/15059484557/ [CC by 2.0]
โบสถ์ที่แต่เดิมใช้เป็นสถานที่สำหรับสวดมนต์ของเหล่าราชวงศ์ จุดไฮไลท์อยู่ที่กระจกหลากสีที่ประดับประดาอยู่ภายใน ซึ่งนับเป็นสถานที่ที่รวบรวมกระจกยุคศตวรรษที่ 13ที่หลากหลายและงดงามมากที่สุด
ข้อมูลเที่ยวโบสถ์แซ็งต์-ชาแปล (Sainte-Chapelle)
14. วาเลนโซ (Valensole)
Photo by Nuno Alves from commons.wikimedia.org/wiki/File:Lavender_fileds_in_Valensole.jpg [CC by-sa 3.0]
แถบที่ขึ้นชื่อด้านความงดงามของทุ่งลาเวนเดอร์ ตั้งอยู่ในเขตโพรวองซ์ (Provence) โดยช่วงที่สามารถชมลาเวนเดอร์บานสะพรั่งเต็มทุ่งสุดลูกหูลูกตาเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายนไปจนถึงต้นเดือนกรกฎาคม พร้อมซื้อสินค้าท้องถิ่นที่ทำจากดอกลาเวนเดอร์เป็นของฝากติดไม้ติดมือ
13. เทือกเขามงบล็อง (Mont Blanc)
Photo by Sergey Ashmarin from commons.wikimedia.org/wiki/File:Mont_Blanc_-_Chamonix,_France_-_panoramio_(1).jpg [CC by-sa 3.0]
ภูเขาที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะตลอดทั้งปีอันเป็นที่มาของชื่อ มงบล็อง ที่แปลตรงตัวว่าภูเขาสีขาว เป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการปีเขา รวมไปถึงกิจกรรมที่ท้าทายอีกหลายชนิดและสามารถชมวิวมุมสูงบนเคเบิ้ลคาร์ได้ด้วย
12. สุสานใต้ดิน (Paris Catacombs)
Photo by Dineshraj Goomany from flickr.com/photos/dgoomany/20440282823/ [CC by-sa 2.0]
สุสานใต้ดินกลางกรุงปารีสที่เป็นที่เก็บโครงกระดูกว่า 6,000,000 ศพ นับเป็นบรรยากาศชวนขนหัวลุกที่ดูขัดกับเมืองโรแมนติกอย่างฝรั่งเศส แต่ก็หาชมได้ยากจากประเทศอื่นๆด้วยเช่นกัน
ข้อมูลเที่ยวสุสานใต้ดินปารีส(Paris Catacombs)
11. โรงละครปาเลส์การ์นิเย่ (Palais Garnier)
Photo by Peter Rivera from commons.wikimedia.org/wiki/File:Paris_Opera_full_frontal_architecture,_May_2009.jpg [CC by 2.0]
โรงละครโอเปร่าแห่งชาติที่ถูกออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมแบบฟื้นฟูบาโรก สามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 2,200 ภายในตกแต่งด้วยโคมระย้าที่หรูหราหนักกว่า 6 ตัน ด้วยความงดงามวิจิตรตระการตาจึงได้รับการยกย่องให้เป็นงานสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของยุค และยังเป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงหลากหลายแห่ง
ข้อมูลเที่ยวโรงละคร Palais Garnier
10. ดิสนีย์แลนด์ ปารีส(Disneyland Paris)
Photo by David Jafra from flickr.com/photos/bartworldv6/6032414277/ [CC by 2.0]
หนึ่งในดิสนีย์แลนด์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เดินหนึ่งวันให้ทั่วทั้งพื้นที่ไม่น่าจะพอ เนื่องจากแบ่งออกเป็น2 ฝั่งทั้งดิสนีย์แลนด์ และ วอลต์ ดิสนีย์ สตูดิโอ พร้อมย้อนวันวานไปกับขบวนพาเรดของเหล่าการ์ตูนสุดฮิต ใครที่เป็นสาวกดิสนีย์หรือชื่นชอบดิสนีย์แลนด์ไม่ควรพลาดมาเช็กอิน
ข้อมูลเที่ยวดิสนีย์แลนด์ปารีส (Paris Disneyland)
9. พระราชวังช็องบอร์(Chateau de Chambord)
Photo by Benh LIEU SONG from commons.wikimedia.org/wiki/File:Chambord_Castle_Northwest_facade.jpg [CC by-sa 3.0]
พระราชวังช็องบอร์ เป็นหนึ่งในหลายๆปราสาทและพระราชวังแห่งลุ่มแม่น้ำลัวร์และยังตั้งอยู่ท่ามกลางป่าขนาดใหญ่ ที่แฟนๆการ์ตูนดิสนี่ย์พันธ์แท้โดยเฉพาะเรื่องโฉมงามกับเจ้าชายอสูรต้องอยากมาชมสักครั้งในชีวิต เนื่องจากพระราชวังแห่งนี้นั้นถือเป็นต้นแบบของปราสาทอสูรในการ์ตูนเรื่องนี้เลยทีเดียว
ข้อมูลเที่ยวพระราชวังช็องบอร์(Chateau de Chambord)
8. มหาวิหารซาเคร-เกอร์ (Sacre Coeur)
Photo by Sebastian Bergmann from commons.wikimedia.org/wiki/File:Basilique_du_Sacré-Cœur_de_Montmartre_1.jpg [CC by-sa 2.0]
วิหารสีขาวที่ดูบริสุทธิ์ตั้งอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุดของกรุงปารีส รูปแบบสถาปัตยกรรมการสร้างสถาปัตยกรรมแบบโรมัน-ไบแซนไทน์ที่นับว่ามีเอกลักษณ์แตกต่างจากที่อื่นๆในยุคเดียวกัน รวมทั้งเป็นอีกหนึ่งจุดที่สามารถเก็บภาพเมืองปารีสแบบ 360 องศาได้สวยมากที่สุดแห่งหนึ่ง
ข้อมูลเที่ยวมหาวิหารซาเคร-เกอร์ (Sacred Heart Basilica)
7. พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Louvre Museum)
Photo by Judith Garcia from flickr.com/photos/jugarsan/6072287960/ [CC by-sa 2.0]
พิพิธภัณฑ์ชื่อดังอันดับหนึ่งของโลกที่ทั้งมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยาวนานและด้วยความกว้างใหญ่มากที่สุดของโลก ด้านหน้าโดดเด่นด้วยพีระมิดแก้วที่เป็นหนึ่งในฉากของภาพยนตร์เรื่อง ดาวินชี่โค้ด รวมทั้งยังสามารถชมภาพเขียนชื่อดังก้องโลกอย่าง โมนาลิซา ของ เลโอนาร์โด ดาวินชีและงานศิลปะทรงคุณค่ามากมายได้ที่นี่
ข้อมูลเที่ยวพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Louvre Museum)
6. วิหารมงแซงมิเชล (Mont Saint Michel)
Photo by Nicolas Raymond from flickr.com/photos/82955120@N05/12023482735/ [CC by 2.0]
วิหารกลางเกาะกลางทะเลริมชายฝั่งแคว้นนอร์มังดี ที่แค่ฟังว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่ตั้งอย่างโดดเดี่ยวก็พาให้ร้องว้าว ทีสำคัญยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกตะวันตก แถมด้วยความคลาสสิกของสถาปัตยกรรมที่มีอายุกว่าพันปี
ข้อมูลเที่ยววิหารกลางทะเลมงแซงมิเชล (Mont Saint Michel)
5. ประตูชัยฝรั่งเศส(Arc de Triomphe)
Photo by oatsy40 from flickr.com/photos/oatsy40/15350284057/ [CC by 2.0]
อีกหนึ่งแลนมาร์กและอนุสรณ์สถานที่สำคัญของปารีส ได้รับการยอมรับให้เป็นประตูชัยที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับสองของโลก รวมทั้งยังมีความละเอียดอ่อนในการออกแบบสถาปัตยกรรมสไตล์ศิลปะนีโอคลาสสิก โดยเฉพาะรูปแกะสลักลอยที่นับเป็นผลงานชั้นยอดจากศิลปินชั้นเยี่ยม ที่มีเล่าเหตุการณ์การปฏิวัติและจักรวรรดิฝรั่งเศสผ่านผลงานศิลปะรอบๆประตูรอบ 4 ทิศ
ข้อมูลเที่ยวประตูชัยฝรั่งเศส (Arc de Triomphe)
4. มหาวิหารนอเทรอดาม (Notre Dame Cathedral)
Photo by Suvodeb Banerjee from flickr.com/photos/suvodeb/4105987935/ [CC by 2.0]
วิหารนิกายคอทอลิกที่นอกจากจะมีความสำคัญทางศาสนาของฝรั่งเศสแล้วนั้น ยังโด่งดังด้านสถาปัตยกรรมแบบกอธิก รวมไปถึงงานรูปปั้นและภาพเขียนที่สื่อถึงพระแม่มารีก็ล้วนมีความอ่อนช้อยประณีต อีกทั้งยังสามารถเดินขึ้นบันได 387 ขั้นเพื่อไปชมวิวทิวทัศน์ด้านบนได้อีกด้วย
ข้อมูลเที่ยวมหาวิหารน็อทร์-ดาม (Notre-Dame Cathedral)
3. พระราชวังแวร์ซายส์ (Versailles Palace)
พระราชวังสุดยิ่งใหญ่อลังการที่ได้รับการยอมรับว่างดงามมากที่สุดของโลก ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ที่กว้างใหญ่ ภายในมีห้องทั้งหมดถึง 700 ห้อง ภาพวาด 6,123 ภาพ และงานแกะสลักทั้งสิ้น 15,034 ชิ้น ด้านนอกมีสวยสวยสะกดตาที่สวยงามแตกต่างกันไปทุกฤดูกาล โดยเฉพาะห้องกระจกอันเลื่องชื่อทั้งความงามและทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์
ข้อมูลเที่ยวพระราชวังแวร์ซายส์(Versailles Palace)
2. ล่องเรือชมแม่น้ำแซน (Seine River)
Photo by Joe deSousa from commons.wikimedia.org/wiki/File:Bateaux_Mouches_on_the_Seine,_Paris_July_2013.jpg [CC by 2.0]
เพียงเดินทางด้านหลังหอไอเฟลก็จะพบอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวเด็ดอย่างแม่น้ำเซน ที่สามารถ
ล่องเรือท่องเที่ยวไปตามสายน้ำที่จะผ่านสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง แนะนำให้ชมในช่วงเย็นๆที่จะได้ชมช่วงพระอาทิตย์ตกซึ่งได้ชื่อว่างดงามอย่างที่สุด
1. หอไอเฟล (Eiffel Tower)
Photo: Gadjo_Niglo [CC BY 2.0] from flickr.com/photos/gadjodilo974/32568687484/
สัญลักษณ์อันดับหนึ่งของฝรั่งเศสที่ไม่มาเหมือนมาไม่ถึง อีกทั้งยังสามารถซื้อตั๋วเพื่อขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ปารีสในมุมสูงได้อีกด้วย นับเป็นจุดเช็กอินที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจำนวนมากอยู่ตลอดทั้งวัน ซึ่งช่วงกลางคืนก็มีเสน่ห์ไม่แพ้ช่วงกลางวันโดยเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ปิดเวลาเที่ยงคืนเลยทีเดียว
ข้อมูลเที่ยวหอไอเฟล (Eiffel Tower)