เกาะ บูราโน่ Burano
Burano เป็นเกาะเล็กๆที่สวยงามทางตอนเหนือของทะเลสาบเวนิสที่มีชื่อเสียงในด้านการทำลูกไม้และสำหรับบ้านชาวประมงที่มีสีสันสดใส เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่จัดได้ว่าเป็นสวรรสำหรับช่างภาพ
Burano เป็นเกาะใน Venetian Lagoon ทางตอนเหนือของอิตาลี ตั้งอยู่ใกล้กับ Torcello ทางตอนเหนือสุดของ Lagoon เกาะที่สวยงามแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันสำหรับสินค้าและการผลิตงานลูกไม้และบ้านเมืองประมงที่มีสีสันสดใส เศรษฐกิจหลักในปัจจุบันของเกาะคือการท่องเที่ยวด้วยการดูแลต้อนรับนักท่องเที่ยวในการเที่ยวชมยังสถานที่ต่างๆ การให้บริการร้านค้าร้านอาหารและการจำหน่ายสินค้าต่างๆ โดยเฉพาะสินค้าลูกไม้ที่เป็นสินค้าอันขึ้นชื่อของเกาะ
เกาะแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากเวนิสประมาณ 7 กิโลเมตรหรือประมาณ 4 ไมล์ และห่างจากจัตุรัส St.Mark’s Square ไปประมาณ 40 นาทีโดยการเดินทางด้วยเรือประจำแบบ vaporetto เกาะนี้เชื่อมต่อกับสะพาน Mazzorbo และได้รับการแบ่งออกเป็นห้า sestieri ซึ่งมีประวัติศาสตร์เช่นเดียวกับศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของเมืองเวนิส มีความหนาแน่นของประชากรสูงซึ่งคำนวณได้มากกว่า 13000 ตารางกิโลเมตรหรือมากกว่า 20 เท่าของความหนาแน่นของ Mazzorbo ที่อยู่ใกล้เคียง โดยพื้นที่เกือบทั้งหมดของเกาะนั้นเต็มไปด้วยที่อยู่อาศัยและมีพื้นที่สีเขียวอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น มีข้อสันนิษฐานว่าเกาะนี้อาจเป็นที่ตั้งถิ่นฐานโดยชาวโรมันในศตวรรษที่ 16 และถูกยึดครองโดยผู้คนจาก Altino ผู้ซึ่งตั้งชื่อให้เป็นหนึ่งในประตูเมืองเก่าของตน โดยมีเรื่องราวสองเรื่องที่ได้กล่าวถึงการตั้งชื่อเมือง หนึ่งในนั้นคือว่าเมืองนี้ก่อตั้งครั้งแรกโดยครอบครัว Buriana ซึ่งเป็นคนแรกที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานใน Burano ซึ่งมาจากเกาะเล็กๆ ของ Buranello ประมาณ 8 กิโลเมตรไปทางทิศใต้
ในศตวรรษที่ 16 เมื่อผู้หญิงบนเกาะได้เริ่มทำงานลูกไม้ด้วยมือขึ้นและนำไปสู่การค้าขาย ลูกไม้ถูกส่งออกไปทั่วยุโรป แม้ว่าตั้งแต่ในช่วงศตวรรษที่ 18 การส่งออกลูกไม้จะลดลงไปมาก แต่เมื่อมีการเปิดโรงเรียนเชิดหุ่น การแกะสลักบนเกาะก็โผล่ขึ้นมาอีกครั้ง ประกอบกับชื่อเสียงของบ้านเมืองที่มีสีสันสดใสอันเป็นที่นิยมของศิลปินและผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพจึงทำให้การท่องเที่ยวในเกาะ Burano และการค้าขายสินค้าและบริการต่างๆ ภายในเกาะกลับมาคึกคักอีกครั้ง
Burano นอกจากจะเป็นสวรรค์ของนักถ่ายภาพเนื่องมาจากบ้านประมงสีสันสดใสและลูกไม้ที่โด่งดังแล้ว Burano ยังมีร้านอาหารแบบไม่เป็นทางการมากมายที่ให้บริการอาหารทะเลจากทะเลสาบ Museo del Merletto มีการจัดแสดงเกี่ยวกับการพัฒนาลูกไม้ในพื้นที่และร้านค้าขายผลิตภัณฑ์จากลูกไม้เช่น เสื้อผ้า มีคุกกี้เนยที่เรียกว่า Bussolai buranei ให้ได้ชิม รวมไปถึงมีวิหาร Chiesa di San Martini โบราณที่มีเอกลักษณ์ที่หอระฆังในศตวรรษที่ 17 ที่เอนเอียงมห้ได้ชมกันอีกด้วย
ค่าใช้จ่าย
การเข้าชมเกาะนั้นไม่มีค่าธรรมเนียมในการเข้าชม
เวลาทำการ
สามารถเข้าชมเกาะ Burano ได้ทุกวัน และสามารถเลือกเดินทางเข้าชมได้ตลอดเวลาตามเวลาเดินเรือ
วิธีการเดินทาง
สามารถเดินทางด้วยเรือเฟอร์รี่จากบริเวณ Grand Canal เวนิสมาที่ท่าเรือเฟอร์รี่ของ Burano แล้วเดินเท้าเพื่อชมเมืองได้เลย