อิตาลี(Italy) เป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายแบบที่แตกต่างกันออกไปตามภูมิภาค วัฒนธรรม สถาปัตยกรรม และภูมิหลังของประวัติศาสตร์ ซึ่งนอกจากโรมแล้วยังมีเมืองน่าเที่ยวอื่นๆ ที่สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวแบบ One day trip ได้ง่าย สะดวก และเปี่ยมไปด้วยความสวยงามและเสน่ห์ โดย one day trip ที่อยากแนะนำมีดังนี้
▌1. Tivoli
Photo from pixabay.com/en/villa-d-este-tivoli-italy-europe-2320543/ [CC by 0.0]
เมืองเล็กๆทางตะวันออกของกรุงโรม ห่างไปเพียงประมาณ 30 กิโลเมตรเท่านั้น แต่กลับมีมรดกโลกอยู่ถึง 2 แห่ง เดินทางไปได้ไม่ยากแต่สวยงามแบบพลาดแล้วจะเสียใจ สถานที่เที่ยวสำคัญที่ต้องแวะคือ Villa d’Este และ Villa Adriana ที่รวมกันเป็นทริปสำหรับ 1 วันจากกรุงโรมได้อย่างลงตัว ออกแต่เช้ากลับถึงโรมช่วงเย็น
การเดินทางก็ไม่ยากเพราะมีรถบัสที่วิ่งตรงจากโรมเลย สามารถขึ้นได้ที่สถานี Ponte Mammolo metro station ด้วยรถบัส Cotral ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็ไปถึงเมือง Tivoli
▌2. Florence
Photo by Bruce Stokes from commons.wikimedia.org/wiki/File:View_of_Santa_Maria_del_Fiore_in_Florence.jpg [CC by-sa 3.0]
เมืองหลวงของแคว้นทัสคานีซึ่งเป็นเมืองที่สวยงามทั้งสถาปัตยกรรมและภูมิศาสตร์ เป็นเมืองแห่งต้นกำเนิดของยุคเรอเนสซอง มีแบรนด์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังหลายแบรนด์มีต้นกำเนิดจากที่นี่ และเนื่องจากที่นี่เคยเป็นศูนย์กลางแห่งการค้า เป็นเมืองที่ร่ำรวย จึงมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากมายให้เที่ยวชม เช่น Piazza del Duomo แลนด์มาร์กของเมืองฟลอเรนซ์ที่ประกอบด้วยวิหารอันสวยงามที่มีสมบัติล้ำค่ามากมาย พิพิธภัณฑ์และหอคอยสูงสำหรับชมวิว หรือจะเป็น Ponte Vacchio สะพานรูปทรงสวยงามแปลกตาที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสิ่งก่อสร้างเดียวที่ไม่ถูกทำลายด้วยรเบิดของนาซีเพราะความสวยงาม และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องช้อปปิ้งอย่างมาก มีร้านค้าแบบบูธิคหลายอย่างให้เลือกช้อป มีสินค้าแฟชั่นสวยๆ โดยเฉพาะเครื่องหนังมากมายให้เลือก ที่สำคัญ Outlet ของเมืองฟลอเรนซ์นั้นขึ้นชื่อมาก พลาดไม่ได้อย่างเด็ดขาดเพราะมีสินค้าแบรนด์เนมจำหน่ายในราคาถูกมากมายหลายแบรนด์ ถึงขนาดที่ว่ามีบริการขนส่งเฉพาะสำหรับมาช้อปปิ้งที่ Outlet ในฟลอเรนซ์กันเลยทีเดียว
การเดินทางจากโรมมาฟลอเรนซ์นั้นสะดวกมาก จะเลือกเดินทางด้วย Metro หรือรถไฟก็ได้ ซึ่งสามารถชมวิวสวยๆ ของวิวระหว่างทางได้ด้วย เนื่องจากฟลอเรนซ์อยู่ไม่ไกลจากโรมมากจึงไม่จำเป็นต้องเคร่งครัดในเรื่องเวลามากนัก ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้น และฟลอเรนซ์ก็ยังเป็นเมืองที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก สามารถเดินเที่ยวได้ทั้งเมือง ด้วยสิ่งเหล่านี้จึงทำให้จัดได้ว่าเป็น one day trip ยอดนิยมจากโรมกันเลยทีเดียว
▌3. Leaning Tower of Pisa
Photo from pixabay.com/en/italy-pisa-tower-monument-history-2094987/ [CC by 0.0]
หอเอนปิซ่าซึ่งตั้งอยู่ในเมืองปิซ่า แคว้นทัสคานีเช่นเดียวกันกับฟลอเรนซ์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้จัดให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ด้วยความอัศจรรย์ของหอคอยที่ทำมุมตั้งฉากกับพื้นดิน ไม่ได้ตั้งตรงเหมือนเช่นสิ่งก่อสร้างอื่นๆ แต่ยังคงตั้งอยู่ได้และไม่ล้มพังลงมา ที่สำคัญหอเอนปิซ่ายังมีชื่อเสียงโด่งดังสำหรับแฟนคลับของนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังกาลิเลโอที่ได้ทำการทดลองเรื่องแรงโน้มถ่วงของโลกสำเร็จที่หอคอยแห่งนี้โดยการโยนหิน 2 ก้อนที่มีน้ำหนักไม่เท่ากันลงมาพร้อมกัน และหินทั้ง 2 ก้อนตกถึงพื้นพร้อมกันตามสมมุติฐานนั่นเอง
การเดินทางสายตรงจากโรมไปปิซานั้นมีรถไฟเพียงไม่กี่สายและเพียงไม่กี่เที่ยวเท่านั้น ทางเลือกที่ได้รับความนิยมและสะดวกคือการนั่งรถไฟ Frecciarossa ไปยังฟลอเรนซ์และเปลี่ยนใช้รถไฟในภูมิภาคสำหรับการเดินทางไปปิซ่า
▌4. Pompeii
Photo by Qfl247 from commons.wikimedia.org/wiki/File:Pompeii%26Vesuvius.JPG [CC by-sa 3.0]
เมืองประวัติศาสตร์ Pompeii เป็นเมืองโบราณที่เคยรุ่งเรืองมากในอดีตก่อนจะเจอภัยพิบัติจากภูเขาไฟระเบิดที่ทำให้เมืองที่เคยรุ่งเรืองนี้เหลือเพียงแค่ซากที่จมอยู่ใต้ขี้เถ้ายาวนานประมาณ 1700 ปี เมืองแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจำนวนมากในการเข้าชม ซึ่งนอกจากเศษซากเมืองที่เห็นได้ตามเมืองโบราณอื่นๆ เช่น โรม ในอิตาลีแล้ว สิ่งที่ทำให้ Pompeii แตกต่างออกไปคือการให้เข้าสำคัญกับการศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับกิจวัตรประจำวันของผู้คนในยุคกรีกโบราณ รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อนที่จะเกิดโศกนาฏกรรมกับเมืองนี้ สิ่งที่เราจะได้เห็นนอกจากมนต์ขลังและกลิ่นอายของเสน่ห์แห่งเมืองโบราณเก่าแกนี้แล้ว เรายังสัมผัสได้ถึงความรู้สึกต่างๆ ของผู้คนในยุคนั้นผ่านอิริยาบถต่างๆ ของเค้าก่อนเสียชีวิตอันเป็นภาพที่น่าประทับใจและสะเทือนใจในเวลาเดียวกัน
การเดินทางจากโรมไป Pompeii นั้นใช้เส้นทางรถไฟจากสถานี Roma Termini ไป Napoli centrale ออกเดินทางซักประมาณ 8 โมงเช้า ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นซื้อตั๋วรถไฟไป กลับของ Circumvesoviana ใช้เวลาจาก Napoli ประมาณ 35-40 นาที การเที่ยวชมใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมงก็ครบตาม Rick Steves’s Guide แล้ว app นี้โหลดได้ที่ www.ricksteves.com ควรเตรียมน้ำและกล่องข้าวไปด้วย และควรเผื่อเวลากลับไปแวะทานพิซซ่าที่ Napoli ด้วย ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อย สดใหม่ของวัตถุดิบและขั้นตอนที่พิถีพิถันในการทำพิซซ่ามาก เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องพิซซ่า อาหารอิตาเลียนชื่อดัง
▌4. Cinque Terre
Photo by Luca Casartelli from commons.wikimedia.org/wiki/File:Cinque_Terre_DSC_6954_(14250460371).jpg [CC by-sa 3.0]
หมู่บ้านชาวประมงทั้ง 5 ที่สวยที่สุดในโลกและได้รับการจัดอันดับให้เป็นมรดกโลกโดยองค์กรยูเนสโก Cinque Terre เป็นหมู่บ้านประมงสีสันสดใสที่ตั้งบนเชิงเขาและหน้าผาเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งทั้ง 5 หมู่บ้านก็จะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไปแต่ล้วนสวยงาม มีร้านค้าที่จำหน่ายของที่ระลึกพื้นเมืองเก๋ๆ น่าซื้อกลับไปเป็นของฝาก มีร้านอาหารให้ทานมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาหารอิตาเลียนพื้นเมืองแท้ๆ วัตถุดิบที่ใช้ก็เป็นวัตถุดิบสดใหม่ในหมู่บ้าน อีกทั้งยังมีไวน์รสชาติดีให้บริการอีกด้วย
การเดินทางโดยจากสถานีรถไฟ Termini หรือ Ostiense ของกรุงโรมไปยังสถานีรถไฟ La Spezia Centrale จากนั้นซื้อตั๋ว Cinque Terre ซึ่งเป็นตั๋วสำหรับเดินทางไปเที่ยวชมทั้ง 5 หมู่บ้านของ Cinque Terre แบบไม่จำกัดรอบ
▌5. Naples
Photo by Michele Landi from flickr.com/photos/miclan/21911144575 [CC by-sa 3.0]
เมืองใหญ่ที่อยู่ทางตอนใต้ของกรุงโรม ห่างไปไม่ไกลมากนัก แถมยังเดินทางได้สะดวกมากเพราะมีเส้นทางรถไฟวิ่ด่วนวิ่งตรงไปวันละหลายขบวน อีกทั้ง Naples ยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์มากมายและหลากหลายที่จริงๆเวลา 1 วันนั้นค่อนข้างจะน้อยเกินไป ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณท์ศิลปะชั้นเยี่ยม, พิพิธภัณท์ทางโบราณคดีที่เก็บรวบรวมมาจากปอมเปอี, โบถส์ที่สวยงามอลังการ, อาหารเลิศรสมากมาย และอีกหลากหลายเหตุผลให้หลายๆคนต้องไปเยือน
การเดินทางจากโรมไป Naples นั้นสะดวก และรวดเร็วมากเพราะมีรถไฟด่วน วันละหลายรอบ วิ่งตรงจากโรม สถานี Stazione Termini ไปลงสถานี Napoli Centrale ที่ใจกลางเมือง Naples ใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงนิดๆเท่านั้น
▌6. Orvieto
Photo by fortherock from commons.wikimedia.org/wiki/File:Italy_Duomo_di_Orvieto_Cathedral.jpg [CC by-sa 3.0]
แคว้น Tuscany เป็นพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี ที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นเนินเขาสลับซับซ้อนสวยงาม และยังมีชื่อเสียงด้าน สปา และไวน์ ทำให้เป็นแหล่งตากอากาศของบรรดาเศรษฐีชาวอิตาลี หนึ่งในเมืองที่น่าสนใจ เดินทางไม่ยากและอยู่ไม่ไกลจากโรมก็คือ Orvieto ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆที่มีเสน่ห์ในตัวเองหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทางเดินและถ้ำใต้ดินอายุ 3 พันกว่าปี หรือจะเป็นโบสถ์ใหญ่ที่สวยงาม
การเดินทางจากโรมไป Orvieto โดยรถไฟธรรมดาที่วิ่งตลอดทั้งวัน ใช้เวลาแค่ชั่วโมงนิดๆเท่านั้น
▌7. Venice
Photo by Shaun Dunmall from flickr.com/photos/llamnuds/2231903771 [CC by-sa 3.0]
เริ่มที่เมืองเล็กๆ สุดแสนจะโรแมนติกและมีชื่อเสียงโด่งดังอย่างอีกทั้งยังได้รับรับคัดเลือกให้เป็นเมืองมรดกโลกอย่าง Venice ความสวยงามและเสน่ห์ของเวนิสนั้นคือเป็นเมืองแห่งมนต์เสน่ห์ของสายน้ำ โดยเกาะเล็กๆ จำนวน 118 เกาะของเวนิสนั้นถูกเชื่อมเข้าด้วยกันโดยทะเลสาบเวนิเทีย เวนิสจึงโดดเด่นด้วยความสวยงามทางสถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือนสีสันสดใส และตกแต่งด้วยดอกไม้สวยงามน่ารัก ล้อมรอบด้วยสายน้ำ อันเป็นภาพสุดแสนโรแมนติกสมกับฉายาที่ได้รับ การสัญจรและการคมนาคมในเวนิสนั้นนิยมใช้ขนส่งทางน้ำและการเดินชมเมือง ภายในเมืองมีร้านค้าร้านอาหารน่ารักๆ มากมาย มีโปสการ์ด ร้านขายของฝากจำพวกหน้ากากแฟนซีอันขึ้นชื่อ หรือผลงานศิลปะอันสวยงามตั้งขายเรียงรายทั่วทั้งเมือง กิจกรรมหลักที่พลาดไม่ได้ของเวนิสคือการล่องเรือกอนโดลา ชมความสวยงามของเมืองผ่านคลองสายหลัก Gran Canal และการเที่ยวชมมหาวิหารซานมาร์โคอันเป็นสัญลักษณ์ของเวนิสนั่นเอง
การเดินทางสามารถเดินทางโดยใช้รถไฟใต้ดิน Metro ที่ขึ้นได้ทั้งจาก Roma termini และ Roma Tiburtina ซึ่งมีรอบเช้าสุดประมาณ 5.30 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง 8.30 น. โดยประมาณจะถึงเวนิส เดินขึ้นมาจากสถานีจะเจอ Grand Canal เป็นที่แรกเลย หาร้านอาหารแถวจัตุรัสตรงนั้นซึ่งมีมากมายเป็นมื้อเช้า จากนั้นไปล่องเรือกอนโดลา เรือคลาสสิกโบราณของเวนิส และใช้บริการขนส่งไปลงมหาวิหารซานมาร์โก ชมวิหารเสร็จทานข้าวเที่ยง เดินลัดเลาะชมชมที่เที่ยวอื่นๆ และเมืองโดยรอบ ซึ่งแน่นอนว่าอาจจะไม่สามารถเก็บที่เที่ยวต่างๆ หรือพิพิธภัณฑ์ได้ครบ เดินเที่ยวลัดเลาะเมืองเรื่อยๆ จะสามารถเดินกลับมาขึ้นรถไฟรอบเย็นเพื่อเดินทางกลับกรุงโรมได้ แม้จะเก็บที่เที่ยวได้ไม่ครบและใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน แต่เมื่อเทียบกับการได้มาเยือนเมืองมรดกโลกที่สวยงาม และมีชื่อเสียงโด่งดัง แถมเป็นเมืองโรแมนติกในฝันของใครหลายคนยังไงก็เป็น one day trip ที่คุ้มค่าและประทับใจอย่างแน่นอน