ปราสาท Heidelberg Castle

Heidelberg Castle เป็นซากปรักหักพังของปราสาทหินทรายสีแดงในไฮเดลเบิร์กที่งดงามของยุคศตวรรษที่ 16 ซึ่งเป็นยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา

ไฮเดลเบิร์กปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์ ปราสาทไฮเดลเบิร์กตั้งอยู่บนเนินเขาสูงประมาณ 90 เมตร จุดเริ่มต้นของที่นี่มีมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1196 ที่สร้างปราสาทหลังไม่ใหญ่สไตล์โกธิค และมีการสร้างต่อเติมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนมีขนาดเท่าที่เห็นในปัจจุบัน จากเป็นปราสาทที่ประทับของกษัตริย์ ที่นี่เคยถูกทำลายลงเป็นระยะทั้งจากภัยธรรมชาติ และภัยสงครามในช่วงสงคราม 30 ปี คือ ในค.ศ.1633 ที่ถูกยึดปราสาท และได้รับการฟื้นฟูขึ้นอีกครั้งในปี ค.ศ.1649  พอปี ค.ศ.1688 ก็ถูกยึดอีกครั้งเพื่อเป็นฐานทัพของกองทัพฝรั่งเศส ในสงคราม 9 ปี การเผาทำลายของฝ่ายศัตรู ทำให้ตัวปราสาทเสียหาย ต้องบูรณะอีกครั้งในปี ค.ศ.1690 และอีก 3 ปีต่อมาก็ถูกเผาอีกชนิดที่เกือบจะราบคาบ

ในช่วงก่อนค.ศ.1800 และหลังจากนั้น ที่นี่เป็นที่รู้จักมากขึ้นจากการที่ศิลปินทั้งหลายได้มาชม และนำไปวาดภาพจนทำให้ใครๆ อยากมาเห็นของจริงมากขึ้น และแม้จะเป็นปราสาทที่เป็นซากปรักหักพัง แต่ก็ได้รับการยกย่องว่า ที่นี่เป็นสัญลักษณ์การต่อต้านนโปเลียน

การซ่อมแซมที่ถูกทิ้งร้างไว้ตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 17 หรือซ่อมบ้าง ไม่ซ่อมบ้าง มาถูกฟื้นฟูขึ้นอีกครั้งในช่วงศตวรรษที่ 19 คือตั้งแต่ปี ค.ศ.1897-1900 จึงเป็นการบูรณะอย่างเต็มรูปแบบ จนที่นี่กลายเป็นปราสาทที่ดูสวยขึ้นอีกครั้ง และนั่นเองที่ทำให้นักท่องเที่ยวเวียนกันมาชมและบอกต่อๆ กันไป จนสุดท้ายได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งหนึ่ง

เนื่องจากที่นี่ตั้งอยู่บนเทือกเขาที่สูง จึงมองเห็นแต่ไกล อีกทั้งอยู่ท่ามกลางป่าไม้ที่ยังคงอุดมสมบูรณ์ ความสวยแบบคลาสสิคด้วยศิลปะดั้งเดิม เด่นเป็นสง่า ทำให้ปรากฏภาพถ่ายหลายมุมออกเผยแพร่ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นภาพแม่น้ำเน็คคาร์และสะพานเก่าอัลเทอบรึคเคอ ณ จุดนี้จะมีฉากหลังเป็นปราสาทแห่งนี้อยู่ท่ามกลางป่าด้านบน ภาพปราสาทในหลายมุมที่ให้ความงามแตกต่างกัน แต่ไม่ว่ามุมไหนก็ทำให้นักท่องเที่ยวอยากไปเห็นกับตาตัวเองทั้งสิ้น

การไปให้ถึงปราสาทแห่งนี้ ทำได้ทั้งเดินขึ้นบันได 313 ขั้นขึ้นไป หรือจะเลือกขึ้นรถรางเพื่อประหยัดเวลาก็ได้ เมื่อขึ้นไปถึง มองลงมายังวิวด้านล่าง เป็นภาพงดงามมาก สำหรับตัวปราสาทนั้น แม้มองไกลๆ จะยังเห็นความสมบูรณ์และสวยงามมาก แต่เมื่อขึ้นไปถึงจะพบว่า ตัวปราสาทนั้นไม่เชิงสมบูรณ์เสียทีเดียว ตัวปราสาทเห็นเป็นก้อนอิฐที่วางเรียงกันก่อเป็นตัวปราสาท มีบางส่วนที่เว้าแหว่งไป มีคราบดำๆ ที่เกิดขึ้นทั้งจากการถูกทำลาย และจากธรรมชาติที่พาปราสาทแห่งนี้ผ่านกาลเวลามานาน หรือตัวหน้าต่างที่เหลือเฉพาะเป็นช่อง ด้านบนปราสาทที่ไร้หลังคา การปกคลุม ถึงกระนั้นก็ยังทรงคุณค่าเหมือนโบราณสถานที่ถูกยกย่อง

ตัวอาคารพระราชวัง Ottheinrich ศิลปะการออกแบบ ก่อสร้าง ลวดลายแต่ละช่องเหนือหน้าต่าง ประติมากรรมประจำแต่ละช่วงระหว่างหน้าต่าง ทำให้ความวิจิตรนี้โดดเด่นมาก ไม่ว่าจะเป็นรูปปั้น David , Hercules หรือ Samson  ซึ่งถ้าโค้สอัพกล้องเข้าไปใกล้ๆ จะพบว่า ลวดลายทั้งเหนือศีรษะของประติมากรรม ริ้วเสาขนาดเล็กข้างๆ มีความวิจิตรอย่างยิ่ง

นอกจากชมตัวปราสาทศิลปะโกธิคในยุคเรอเนอซองส์แห่งนี้ ชมวิวทิวทัศน์รอบตัวที่งดงามแล้ว บนปราสาทแห่งนี้ยังมีถังไวน์ขนาดยักษ์ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดไปชม และอีกที่คือ พิพิธภัณฑ์ยา

ถังไวน์ยักษ์ที่นี่ มีขนาดใหญ่มากจริงๆ คือ กว้าง 8.5 เมตร สูงถึง 7 เมตร สามารถเก็บไวน์ได้ 220,000 ลิตร เป็นการสร้างถังไวน์รูปแบบเก่าตั้งแต่ปี ค.ศ.1715 ทีเดียว นับเป็นเรื่องน่าทึ่งไม่น้อย นักท่องเที่ยวมักนิยมไปถ่ายภาพคู่ด้วยซึ่งจะพบว่าตัวคนเหลือตัวนิดเดียวเมื่อเทียบกับถัง

Apothecary Museum พิพิธภัณฑ์ยา เป็นอีกที่ที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง ที่สำคัญภายในที่จุไว้ด้วยเรื่องเกี่ยวกับยา ประวัติศาสตร์ วัตถุดิบ การผลิต ตำรายา อุปกรณ์เพื่อการรักษาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17-19  ถูกเก็บรักษาไว้ ของดีที่น่าศึกษาเรียนรู้ ดูได้ แต่ห้ามเก็บภาพ เมื่อไปถึงแล้วไม่แวะเข้าไปดูจะเสียโอกาสเป็นอย่างยิ่ง ทั้งการจัดตู้ยาเป็นตู้ลิ้นชัก ตู้วางอุปกรณ์ลักษณะบิ้วอินท์ที่ดูหรู และนี่คือของเก่าที่ถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี

สุดท้าย สำหรับที่นี่ หากไปถึง Heidelberg แล้วไม่ได้แวะไปก็เหมือนไม่ได้ไป Heidelberg

ที่ตั้ง

Schlosshof 1, 69117 Heidelberg, เยอรมนี