MACAU TALON GUIDE คู่มือเที่ยว∙กิน∙ช้อป มาเก๊า แบบง่ายๆ ครบจบในหน้าเดียว
สำหรับคนที่กำลังสนใจมาเก๊า(Macau) ไม่ว่าจะเป็นเพราะสถานที่ท่องเที่ยวแปลกตา อาหารการกินที่น่าสนใจ หรือจะเป็นเพราะความใกล้และง่ายในการเดินทางจากเมืองไทย ในหน้านี้เราได้รวบรวมข้อมูลทุกอย่างที่ควรรู้เกี่ยวกับการเที่ยวมาเก๊า หนึ่งในสถานที่สุดพิเศษที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวจนทำให้หลายๆคนอยากไปแล้วไปอีก ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยว การเดินทาง ของกิน ของดีของเด็ด สภาพอากาศ ค่าใช้จ่ายต่างๆ ไปจนถึงตัวอย่างโปรแกรมเที่ยวที่เราแนะนำสำหรับคนที่ชอบท่องเที่ยวด้วยตัวเอง ทั้งหมดนี้เรากันอยู่ในหน้าเดียว แบบครบจบกันเลย กับ MACAU TALON GUIDE
ทำไมต้อง มาเก๊า
มาเก๊า(Macau)เป็นแหลมคาบสมุทรเล็กๆทางตอนใต้ของจีนแผ่นดินใหญ่ ในอดีตเคยเป็นเมืองขึ้นของประเทศโปรตุเกส ในปัจจุบันเป็นเขตปกครองพิเศษแห่งหนึ่งของประเทศจีน ทำให้เป็นเมืองที่มีส่วนผสมระหว่างวัฒนธรรมโปรตุเกศและจีน ซึ่งชื่อถนนและสถานที่หลายๆแห่งยังคงใช้ภาษาโปรตุเกสอยู่ มีคาสิโนและห้างขนาดใหญ่หลายแห่ง จนได้รับฉายาว่าเป็น Las Vegas of Asia และอีกหลากหลายเหตุผลที่ทำให้ มาเก๊าเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวฮิตของคนไทย ไม่ว่าจะเป็นความอลังการของคาสิโน เช่น ที่ The Venetian ที่มีการตกแต่งเป็นสไตล์เมืองริมทะเลของอิตาลี หรือเสน่ห์จากเมืองที่มีส่วนผสมของวัฒนธรรมยุโรปและจีน เช่น ซากประตูโบสถ์ เซ็นต์ พอล และเซนนาโด สแควร์ รวมทั้งอาหารจีนเลิศรสที่ถูกปากคนไทย อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับเกาะฮ่องกงที่เป็นอีกสถานที่เที่ยวยอดฮิตของคนไทยเช่นกัน จนสามารถรวมกันเป็นทริปเดียวกันได้ ห่างกันด้วยการเดินทางด้วยเรือเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น นอกจากนี้ยังห่างจากประเทศไทยเพียงประมาณ2-3 ชั่วโมงโดยเครื่องบินเท่านั้น แถมคนไทยยังสามารถเดินทางไปเข้ามาเก๊าได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องใช้วีซ่าให้ยุ่งยากอีกด้วย
เที่ยวมาเก๊าช่วงไหนดี
สภาพอากาศโดยทั่วไปของมาเก๊าจะคล้ายกับบ้านเราคือ ร้อนชื้น มีสภาพอากาศคล้ายกับกรุงเทพในช่วงหน้าร้อนและหน้าฝน แต่จะหนาวเย็นกว่ามากในช่วงฤดูหนาว ช่วงเวลาที่เหมาะกับการไปมาเก๊าจึงเป็นช่วงที่หนาวและแห้ง ประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือนมีนาคม หรือช่วงฤดูใบไม้ร่วงกับฤดูหนาว เพราะอากาศเย็นสบายและไม่ค่อยมีฝนตก แต่อย่างไรก็ตามในเดือนมกราคมอุณภูมิบางวันอาจจะลงไปต่ำได้ถึงเลขตัวเดียวเช่น 8 หรือ 9 องศาเซลเซียสได้ พอผสมกับลมหนาวไซบีเรียที่ค่อนข้างแรงจนทำให้อุณภูมิจะดูหนาวเย็นกว่า 8 องศาของที่อื่นๆ ใครไปช่วงฤดูหนาวจึงควรจะเตรียมเสื้อกันหนาวกันไปให้พร้อม
เดือนกรกฏาคมเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดของมาเก๊า มีอุณภูมิเฉลี่ยทั้งเดือนประมาณ 29 องศา และหนาวที่สุดเดือนมกราคมมีอุณภูมิเฉลี่ยประมาณ 16 องศาเซลเซียสแต่มีท้องฟ้าแจ่มใสมากที่สุดของปีเช่นกัน ส่วนเดือนที่ฝนตกมากที่สุดคือเดือนสิงหาคม
ช่วง high season ของมาเก๊าจะอยู่ที่เดือนเมษายน, เดือนตุลาคม และช่วงปลายเดือนธันวาคม โรงแรมส่วนใหญ่จะถูกจองเต็มล่วงหน้าเป็นเวลานานและคนจะเดินทางมาท่องเที่ยวกันค่อนข้างมากทำให้ราคาห้องพักสูงตามไปด้วย
มาเก๊ากับฮ่องกงมักจะเป็นทริปยอดนิยมที่คนจะไปพร้อมๆกัน เนื่องจากอยู่ไม่ไกลกันมากนัก จึงเดินทางได้ค่อนข้างสะดวก อีกทั้งสภาพอากาศโดยทั่วๆไปของทั้ง 2 แห่งก็เหมือนกันหรือแตกต่างกันไม่เกิน 2 องศาเท่านั้นเอง
ไปเที่ยวมาเก๊า ใช้งบประมาณเท่าไหร่
เพื่อให้เห็นภาพคร่าวๆของการไปเที่ยวมาเก๊าว่าจะมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง แต่ละอย่างประมาณเท่าไหร่บ้าง จะได้เตรียมตัวและแลกเงินกันได้ถูก
สรุปค่าใช้งบประมาณการไปเที่ยวมาเก๊า แบบประหยัด และแบบทั่วๆไป สำหรับต่อคนต่อวัน แบบคร่าวๆ
ค่าตั๋วเครื่องบิน – ช่วงโปร ของ Low Cost 4,000 บาท / บินแบบ Full Service 8,000 บาท (ราคาต่อห้องต่อคืน นอน 2 คน)
ค่าที่พัก – แบบประหยัดสุดๆ 500 บาท / แบบทั่วๆไป 1,500 บาท (ราคาต่อคนต่อคืน)
ค่าเดินทาง – แบบประหยัดสุดๆ 100 บาท / แบบทั่วๆไป 150 บาท
ค่ากิน – แบบประหยัดสุดๆ 400 บาท / แบบทั่วๆไป 1,000 บาท
ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว – แบบประหยัดสุดๆ ฟรี(เที่ยวเฉพาะที่ฟรี) / แบบทั่วๆไป 500 บาท
สรุปรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด
1. ถ้าไปเที่ยวฮ่องกง 3 วัน 2 คืน แบบประหยัดจะตกประมาณ 6,500 บาท / แบบทั่วๆไปจะตกประมาณ 15,950 บาท
2. ถ้าไปเที่ยวฮ่องกง 4 วัน 3 คืน แบบประหยัดจะตกประมาณ 7,500 บาท / แบบทั่วๆไปจะตกประมาณ 19,100 บาท
สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจใน มาเก๊า
เพื่อให้เห็นภาพของมาเก๊า พื้นที่ต่างๆกันก่อนซักนิด มาเก๊าเป็นเขตปกครองตนเองพิเศษของจีน แบ่งออกเป็นเกาะมาเก๊าหรือฝั่งแผ่นดินมาเก๊า และเกาะต่างๆซึ่งมีการถมดินจนเกิดเป็นแผ่นดินใหม่ๆขึ้นมา โดยแบ่งออกเป็น 4 โซนหลักๆดังนี้คือ
1. ฝั่งแผ่นดินมาเก๊าหรือตัวเมืองมาเก๊า(Macau Peninsula) มีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจรวมอยู่มากที่สุด เช่น ซากโบสถ์เซ็นพอล(Saint Paul), จตุรัสเซนาโด(Senado Sqaure), วัดอาม่า(A Ma Temple), ป้อมปราการเกีย(Guia Fortress) และคาสิโนลิสเบา(Lisboa) รวมทั้งท่าเรือเฟอร์รี่ที่เชื่อมต่อกับหลายแห่งเช่น ฮ่องกง ทำให้พื้นที่นี้เป็นโซนท่องเที่ยวหลักของมาเก๊า
2. ย่านไทปา(Taipa) หรือเกาะไทปาที่อยู่ทางใต้ถัดลงมาจากฝั่งมาเก๊า เชื่อมต่อกับมาเก๊าด้วยสะพานยาวข้ามทะเลขนาดใหญ่ มีสนามบินนานาชาติมาเก๊า และท่าเรือเฟอร์รี่ที่เชื่อมต่อกับหลายแห่งเช่น ฮ่องกง มีแหล่งท่องเที่ยวคือถนนอาหารหมู่บ้านไทปา และพิพิธภัณท์บ้านเก่า
3. ย่านโคไท(Cotai)เป็นพื้นที่ที่เกิดขึ้นจากการถมดินขึ้นมาใหม่เพื่อเชื่อมต่อระหว่างเกาะโคโลอานกับเกาะไทปา จนปัจจุบันเป็นเกาะเดียวกัน
4. ย่านโคโลอาน(Coloane)ซึ่งเป็นเกาะหมู่บ้านชาวประมงในสมัยก่อน อยู่ทางตอนใต้ของไทปา ในสมัยก่อนจะเป็นเกาะแยกกันแต่ปัจจุบันได้มีการถมที่จนกลายเป็นเกาะเดียวกันแล้ว มีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่งเช่น หมู่บ้านโคโลอาน และหมู่บ้านวัฒนธรรมและวัดทินหัว (A Ma Cultural Village)
ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล(Ruins of St. Paul’s) เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่หลงเหลือเพียงซากด้านหน้าของอาคาร ซึ่งทางขึ้นไปจะเป็นบันไดหิน และซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลจะอยู่ด้านบนสุด เป็นเหมือนสัญลักษ์ของมาเก๊า ตั้งอยู่ใจกลางเมืองมาเก๊า
เซนาโด สแควร์(Senado Square) เป็นจตุรัสใจกลางเมืองมาเก๊า รายล้อมไปด้วยตึกรามบ้านช่องและโบสถ์สไตล์ยุโรปซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากโปรตุเกส มีร้านค้าเปิดกันอยู่ทั้งสองข้างทาง เป็นทางเดินคดเคี้ยวเลี้ยวไปตามทางที่จะไปยังจุดท่องเที่ยวต่างๆ
ห้างสไตล์เวนิส(The Venetian Macao)เป็นคาสิโนคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่สุดของมาเก๊า และมีโซนคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมทั้งยังเป็นอาคารที่มีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียด้วย แต่สิ่งที่มีชื่อเสียงของเวเนเชี่ยนสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปคือโซนที่เป็นห้าง ซึ่งออกแบบและตกแต่งให้เหมือนกับเมืองเวนิสของประเทศอิตาลี ซึ่งสร้างออกมาได้สวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจจนมีชื่อเสียงไปทั่วโลก อยู่ที่ย่านไทปา(Taipa)
วัดอาม่า(A-Ma Temple) เป็นวัดที่มีอยู่มายาวนาน สร้างขึ้นตั้งแต่ก่อนที่จะมีเมืองมาเก๊าเกิดขึ้น จึงทำให้เป็นวัดที่มีความสำคัญอีกแห่งหนึ่ง เชื่อกันว่าที่มาของชื่อมาเก๊านั้น มาจากบริเวณวัดอาม่าแห่งนี้นี่เอง ในอดีตจะมีอ่าวที่ชื่อว่า A Ma Goa (อาม่าก๊อก) แปลว่า อ่าวของอาม่า จึงเพี้ยนมาเป็นชื่อ มาเก๊า ในปัจจุบัน
อยู่ติดทะเลทางตะวันตกเฉียงใต้ของเขตเมืองมาเก๊า
ป้อมปราการเกีย(Guia Fortress) เป็นป้อมปราการเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในจุดที่สูงที่สุดของมาเก๊า ทำให้มองเห็นวิวได้ทั่วทั้งบริเวณเมือง ทะเล ไปจนถึงประเทศจีน สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1622 โดยชาวโปรตุเกส ที่ด้านบนยังหลงเหลือโบสถ์เล็กๆ Chapel of Our Lady of Guia ที่ยังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อยู่ด้วย และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ด้วย อยู่ตอนกลางของโซนเมืองมาเก๊า
ของกินเด็ด ร้านอร่อยห้ามพลาดใน มาเก๊า
เนื่องจากมาเก๊าเคยอยู่ในอาณานิคมของโปรตุเกสมาก่อน จึงทำให้มีการรวมกันของทั้ง 2 วัฒนธรรมทั้งจีนและโปรตุเกต รวมถึงขนมและอาหารต่างๆ ซึ่งมีหลายอย่างที่ได้รับอิทธิพลมาจากโปรตุเกสเช่น ขนมทาร์ตไข่ และ เบอร์เกอร์หมูทอดที่เป็นเมนูยอดฮิตของมาเก๊า นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารจีนดั้งเดิมต่างๆที่อร่อยอีกด้วย
มีคนเดินทางมาต่อคิวกันซื้อเป็นจำนวนมาก ตั้งอยู่ในตรอกเล็กๆใกล้กับจากย่านท่องเที่ยวที่เซนาโด้สแควร์ ขายทาร์ตไข่สูตร Portuguese คือใช้แป้งคล้ายพายกรอบๆ เป็นร้านดังของมาเก๊าทำให้มักจะมีคนแน่นร้านตลอดทั้งวัน
นมตุ๋นของที่ร้านนี้จะหอมนมสดและนุ่มลิ้นมาก โดยเมนูแนะนำของร้านนี้มีอยู่ด้วยกัน 3 เมนู ก็คือ นมสดตุ๋น (Streamed Milk/ Milk Pudding), นมสดตุ๋นกับน้ำขิง (Streamed Milk with Ginger) และไข่ตุ๋น (Streamed Egg)ราคาประมาณ 12-18 MOP ตัวเด่นสุดของทางร้านที่มาแล้วต้องสั่งก็คือนมสดตุ๋น
เป็นร้านที่ขายข้าว(หรือบะหมี่)หน้าเป็ดย่าง ห่านย่าง หมูแดง หมูกรอบ ที่มีชื่อเสียงทั้งในหมู่นักท่องเที่ยวและชาวมาเก๊า อยู่ไม่ไกลจาก เซนาโด สแควร์(Senado Square) เป็นร้านห้องแถวเล็กๆที่มีคนมากินกันมาก มีเมนูให้เลือกอยู่ไม่กี่อย่าง ซึ่งแทบทุกโต๊ะก็จะสั่งเหมือนๆกันหมด คือ ห่านย่าง หมูแดง หมูกรอบ และเกาเหลาเลือดหมูที่มีแต่เลือดหมูกับผักกาด 2 อย่างเท่านั้น รสชาติถือว่าอร่อยใช้ได้ บรรยากาศภายในร้านก็ให้อารมณ์แบบร้านท้องถิ่นดี
โจ๊กปูหม้อใหญ่ที่เนื้อโจ๊กเคี่ยวจนเข้ากันเป็นอย่างดีไปกับมันปู เวลาเสิร์ฟจะใส่ปูมาในโจ๊กทั้งตัวเลย ชามค่อนข้างใหญ่สั่งมาแบ่งกันทานได้ ที่ร้านจะมีถ้วยแบ่งให้ เรื่องรสชาติไม่ต้องพูดถึง เพราะใครลองชิมก็จะติดใจในความอร่อย
ซื้ออะไรดีที่ มาเก๊า
เนื่องจากมาเก๊าเป็นเมืองที่รวมเอาวัฒนธรรมตะวันจีนและโปรตุเกสเข้าด้วยกัน อาหารและขนมต่างๆจึงได้มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ นิยมซื้อกลับไปเป็นของฝากกันหลายอย่าง ตามมาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง
หากนึกถึงมาเก๊า ของฝากที่นึกถึงอันดับต้นๆก็คงจะเป็น ทาร์ตไข่ ด้วยแป้งที่กรอบฟูกับไส้ที่นุ่นแทบจะละลายในปาก มีกลิ่นหอมของไข่ ทำให้คนนิยมซื้อทานและก็ยังนิยมซื้อกลับไปเป็นของฝากกันอีกด้วย แนะนำให้ซื้อวันกลับ เพราะทาร์ตไข่นั้นเก็บไว้ได้ไม่นาน เมื่อเอากลับมาเป็นของฝากก็ควรจะนำไปให้ทันที ร้านดังที่มาเก๊านั้นมีอยู่ 2 ร้าน ร้านมากาเร็ตและร้าน ลอร์ด สโตว์
ทองม้วนที่มาเก๊าจะไม่เหมือนกับที่บ้านเรา เพราะแป้งจะกรอบและมีกลิ่นหอมของไข่ ไม่เพียงแต่ทองม้วนไข่เท่านั้น แต่ยังมีทองม้วนหมูหยองสาหร่ายอีกด้วย จะขายอยู่ตามร้านขายขนมและของฝาก สามารถลองชิมรสต่างๆก่อนได้ ว่าชอบแบบไหนแล้วจึงค่อยตัดสินใจซื้อ
คุ้กกี้ถั่วผสมอัสมอนต์ เป็นขนมอีกอันที่ต้องชิมเมื่อมามาเก๊า ตัวคุ้กกี้จะกรอบร่วน ไม่หวานจนเกินไปมีกลิ่นหอมของถั่วและอัลมอนต์ ยิ่งทานตอนทำเสร็จใหม่ๆจะยิ่งอร่อย จะขายเป็นกล่องใหญ่ ภายในกล่องก็จะเป็นชิ้นเล็กๆแยกห่อกันอยู่ หากซื้อฝากก็สามารถซื้อกล่องใหญ่และเอาไปแบ่งแจกเป็นชิ้นๆได้ เก็บไว้ได้หลายวัน จะมีขายอยู่ตามร้านขนมของฝากที่เดียวกับขนมทองม้วน
หมูแผ่นชิ้นหนานำไปอบจนหอม มีหลายรสให้เลือก ต้องการแบบมันมากหรือน้อยก็เลือกชิมได้เลย เพราะเวลาขายเขาจะตัดเป็นชิ้นเล็กๆให้เราชิมรสชาติดูก่อนว่าถูกใจแบบไหน จากนั้นก็จะนำหมูแผ่นที่เลือกไปชั่งน้ำหนักขาย ซื้อกลับมาเป็นของฝาก เก็บไว้กินเล่นหรือกินเป็นกับข้าวก็ได้
พักที่ไหนดีใน มาเก๊า
เรารู้จักกับย่านต่างๆกันไปแล้วจะเห็นว่ามีอยู่เพียงแค่ 2 ย่านหลักๆเท่านั้นที่มีที่พักและคนนิยมกันมากๆ คือย่านตัวเมืองหรือฝั่งมาเก๊าและย่านโคไทซึ่งเป็นศูนย์รวมโรงแรมสุดหรูตามคาสิโนต่างๆ
ส่วนประเภทของโรงแรม จะไม่ได้มีให้เลือกมากนัก ประเภท Guesthouse และ Hostel แทบจะไม่มีให้เลือกเลย ส่วนใหญ่โรงแรมราคาถูกมากๆจะเป็นโรงแรมเก่าที่ให้บริการกึ่งม่านรูด คือจะมีผู้หญิงบริการโซนด้านในหลังโรงแรมหรือบริเวณบันไดหนีไฟ ซึ่งนักท่องเที่ยวทั่วไปจะไม่เห็นและไม่ทราบ อย่างไรก็ตามมาเก๊าก็เป็นเมืองที่ปลอดภัยมาก ผู้หญิงสามารถเดินเที่ยวเองตอนกลางคืนได้ สำหรับราคาโรงแรมส่วนใหญ่แบบถูกๆจะเริ่มต้นกันประมาณ 1200 บาทต่อห้องต่อคืน ส่วนโรงแรมฮิตสำหรับคนส่วนใหญ่จะเป็นราคาสูงขึ้นมาอีกนิดประมาณ 2,000-3,000 บาทต่อห้องต่อคืน มักจะเป็นโรงแรมที่โลเคชั่นดี ค่อนข้างใหม่และสะอาดกว่าแบบถูก และอีกปัจจัยที่กระทบกับราคาห้องพักอย่างมากเลยก็คือ ช่วงเวลาวันหยุด ราคาจะพุ่งสูงขึ้นจากเดินค่อนข้างมาก และช่วงเวลาที่บางโรงแรมจะมีโปรโมชั่นลดราคาอยู่เรื่อยๆ
เรามาดูโรงแรมฮิตของคนไทยในตัวเมืองมาเก๊ากันก่อน ส่วนใหญ่จะอยู่ใกล้ๆกับจตุรัสเซนาโด้(Senado Square)ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักของมาเก๊านั่นเอง (ดู 5 ที่พักแนะนำใกล้ย่านเซนาโด้ สแควร์) ส่วนใหญ่จะเป็นโรงแรม 2-4 ดาว ราคาประมาณ 2-3 พันต่อห้องต่อคืน ราคาอาจจะแตกต่างกันแล้วแต่ช่วงไหนมีโปรโมชั่นอะไรด้วย อยู่ห่างจากเซนาโด้ประมาณ 200-500 เมตร คำแนะนำก็คือ ให้เข้าไปเช็คราคาและโปรโมชั่นของแต่ละโรงแรมในช่วงที่จะไปเลย อาจจะมีบางโรงแรมที่ลดราคาช่วงนั้นพอดี ก็จะได้ราคาที่คุ้มค่าที่สุด
ถ้าใครไม่อยากเลือกมากมีเวลาน้อยหรือเอาชัวร์ เราขอแนะนำแค่ 2 โรงแรมนี้ก็แล้วกัน โรงแรมซินทรา (Sintra Hotel) และ โรงแรมเมโทรโพล (Metropole Hotel)
ส่วนสำหรับคนที่มีงบมากหน่อยหรืออยากลองพักโรงแรมหรู 5 ดาวที่เรียกได้ว่าดีระดับโลก ในเมืองคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลก อย่างมาเก๊า เราขอแนะนำ 4 โรงแรมนี้เลย รับรองว่าถูกใจแน่นอน ทั้งบรรยากาศภายในและภายนอกโรงแรม ที่ยิ่งใหญ่และหรูหราสมราคาเลยทีเดียว
โรงแรมเดอะ เวเนเชี่ยน มาเก๊า รีสอร์ต (The Venetian Macao Resort Hotel)
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักอีกแห่งหนึ่งของมาเก๊า เป็นคาสิโน่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เรื่องความหรูหราไม่เป็นรองใคร อีกทั้งยังเดินทางสะดวกมากเพราะมีรถ shuttle bus รับส่งฟรีทั้งที่สนามบิน และท่าเรือทั้ง 2 แห่งของมาเก๊าด้วย อยู่ที่ย่านโคไท
ราคาเริ่มต้นประมาณ 8 พันบาทต่อคืน เช็คราคาและโปรโมชั่น ได้ที่นี่
โรงแรมลิสบัว(Lisboa Hotel)
โรงแรมที่เป็นหนึ่งในสัญญลักษณ์ของมาเก๊า อยู่ที่ฝั่งเมืองมาเก๊า
ราคาเริ่มต้นประมาณ 6 พันบาทต่อคืน เช็คราคาและโปรโมชั่น ได้ที่นี่
แผนที่ต่างๆของ มาเก๊า
มาเก๊า(Macau)มีสถานที่ท่องเที่ยวหลักอยู่บนเกาะหลัก มีระบบการขนส่งสาธารณะหลักๆคือรถบัส ที่วิ่งรับส่งทั่วพื้นที่ ใครอยากรู้ว่ามาเก๊าเป็นยังไง มีอะไรเที่ยวบ้างมาดาวน์โหลดแผนที่สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจไปดูกันเล่นๆในไฟล์แรกกันก่อนได้เลย แต่สำหรับคนที่วางแผนกำลังจะไปเที่ยวสามารถโหลดป้ายรถบัสสายต่างๆ ทั่วพื้นที่ในแผนที่อันที่ 2 ได้เลย
FREE DOWNLOAD: แผนที่สถานที่เที่ยวน่าสนใจในมาเก๊า |
FREE DOWNLOAD: แผนที่แสดงป้ายรถบัสสายต่างๆทั่วมาเก๊า |
วิธีการเดินทางต่างใน มาเก๊า
มาเก๊า(Macau) แม้ว่าจะมีเพียงแค่พื้นที่เล็กๆ แต่ก็มีระบบการขนส่งสาธารณะที่ค่อนข้างดี ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่โดยเฉพาะตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ แต่จะมีให้เลือกอยู่หลักๆเพียงแค่ 2 แบบเท่านั้น คือ รถบัส และรถแท๊กซี่
▌รถบัส
ผู้ให้บริการรถบัสหลักๆในมาเก๊าจะมีอยู่ 2 บริษัทด้วยกันคือ Transmac และ TCM รถบัสส่วนใหญ่จะมีขนาดเหมือนรถเมล์เมืองไทย แต่จะเป็นแบบมีแอร์ สะอาด ใหม่พอสมควร ค่าโดยสารราคาไม่สูง และคิดตามระยะทางที่ไป วิธีการใช้งานรถบัสของมาเก๊าจะคล้ายกับของฮ่องกงคือให้ไปยืนรอให้ถูกกับป้ายรถบัสที่จะจอด ขึ้นรถทางประตูหน้า แล้วออกทางประตูหลัง วิธีการชำระเงินก็เหมือนกัน คือมีทั้งแบบเหรียญและแบบใช้บัตรเติมเงิน ซึ่งถ้าใช้แบบเงินสดจะต้องเตรียมเงินให้พอดีเท่านั้น ไม่มีการทอนเงิน หรือสามารถซื้อบัตรเติมเงินที่คล้ายกับบัตร Octopus Card ของฮ่องกงก็ได้ชื่อว่า Macau Pass ซึ่งจะทำให้การเดินทางในมาเก๊านั้นสะดวกมากยิ่งขึ้น รวมทั้งประหยัดเงินได้ด้วยเพราะในมาเก๊าถ้าขึ้นรถบัสต่อภายใน 45 นาทีหลังจากที่เพิ่งลงจากรถบัสคันก่อนจะไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม ซึ่งสามารถซื้อได้ตามสาขาซุปเปอร์มาร์เก็ตของบริษัท Royal และเค้าเตอร์เซอวิสของบริษัทรถบัสทุกแห่ง ช่วงเวลาในการให้บริการของรถบัสประมาณ 6:00-24:00 ถ้าวิ่งภายในเขตเมืองมาเก๊าจะราคาประมาณ 2.5-3 เหรียญมาเก๊า(MOP) ถ้าวิ่งข้ามเกาะจะประมาณ 4-5 เหรียญ(MOP) ถ้าวิ่งจากสนามบินเข้าเมืองจะประมาณ 6 เหรียญ(MOP)
▌รถแท๊กซี่
การใช้บริการรถแท๊กซี่เป็นอีกหนึ่งวิธีการเดินทางที่ค่อนข้างสะดวกของมาเก๊า เพราะมีจำนวนค่อนข้างมาก และมักจะมีรถจอดรออยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆต่างๆ เช่น คาสิโน โรงแรม สนามบิน และท่าเรือต่างๆ แต่ถ้าอยู่ในเมืองในช่วงเวลาเร่งด่วนก็อาจจะหายากได้เหมือนกัน
แท๊กซี่ในมาเก๊าจะมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบคือ แบบสีดำ ตัวเครื่องสีดำด้านบนสีครีม และแบบสีเหลือง ที่ทั้งคันจะเป็นสีเหลืองเลย คนขับแท๊กซี่ส่วนใหญ่จะพูดภาษาอังกฤษพอได้บ้าง โดยเฉพาะชื่อของสถานที่ท่องเที่ยวและโรงแรมต่างๆ แต่ไม่มาก โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 17 เหรียญมาเก๊า(MOP)ที่ครอบคลุมระยะทาง 1.5 กิโลเมตรแรก จากนั้นจะคิด 2เหรียญทุกๆ 230 เมตร หรือจอดเฉยๆทุกๆ 50 วินาที จะคิดเพิ่ม 2 เหรียญ มีค่าขนกระเป๋าเพิ่มอีก 3 เหรียญ ค่าข้ามเกาะอีก 5 เหรียญ และถ้าเรียกมาจากสนามบินจะต้องเพิ่มอีก 5 เหรียญด้วย(MOP)
▌รถชัตเทิลบัสฟรีของคาสิโน
ที่เวเนเชี่ยนจะมีให้บริการรถบัสฟรี รับส่งคนตามสถานที่สำคัญๆต่างๆเช่น สนามบิน ท่าเรือและย่านท่องเที่ยว สามารถสอบถามได้ที่เวเนเชี่ยนเลย ซึ่งนอกจากของเวเนเชี่ยนแล้วก็ยังมีรถบัสฟรีของโรงแรมและคาสิโนใหญ่ๆอีกหลายแห่งด้วยเช่นกัน
จากสนามบินเข้าเมืองมาเก๊ายังไง
สนามบินนานาชาติมาเก๊า(Macau International Airport)หรือ Aeroporto Internacional de Macau เป็นสนามที่มีรันเวย์เป็นเกาะที่ถมดินสร้างขึ้นมายื่นออกไปในทะเล เป็นสนามบินนานาชาติเพียงแห่งเดียวในมาเก๊าตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะไทปา(Taipa) ติดกับท่าเรือ Taipa Ferry Terminal อยู่ห่างจากตัวเมืองมาเก๊าประมาณ 7 กิโลเมตรเท่านั้น แต่การเดินทางเข้าตัวเมืองอาจจะยุ่งยากอยู่บ้างเพราะไม่มีรถบัสหรือรถไฟที่ให้บริการตรงเข้าเมืองโดยตรง วิธีการเดินทางเข้าตัวเมืองที่ง่ายและสะดวกที่สุดคือการขึ้นแท๊กซี่ ที่มีค่ารถประมาณ 50-60 เหรียญมาเก๊าเท่านั้น รองลงมาจะเป็นการขึ้นรถ Shuttle Bus ฟรีของโรงแรมและคาสิโนต่างๆ จากนั้นก็จะเป็นรถบัสสาธารณะทั่วไปที่จะต้องไปต่อรถอีกครั้งเมื่อเข้าใกล้ตัวเมือง
▌การนั่งรถบัสเข้าเมืองมาเก๊า
ที่ป้ายรถบัสของสนามบินจะมีอยู่ทั้งหมด 7 สายด้วยกัน โดยจะมีอยู่ 4 สายที่จะวิ่งเข้าเมืองฝั่งมาเก๊า คือ AP1, MT1, MT2 และ N2 โดยรถบัสจะวิ่งวนฝั่งไทปาก่อนที่จะข้ามสะพานไปฝั่งมาเก๊า ค่ารถประมาณ 4.2 เหรียญมาเก๊า(MOP) แต่สถานป้ายที่จอดรถอาจจะไกลจากโรงแรมที่เราพัก จึงอาจจะต้องต่อรถอีกทีเพื่อให้ใกล้มากขึ้น สามารถตรวจสอบการวิ่งของสายรถบัสได้ที่ http://www.macau-airport.com/en/bus-route-map
สาย AP1 จะวิ่งตั้งแต่เวลา 06:30-00:20 วิ่งฝั่งไทปาแล้วอ้อมขึ้นไปทางขวาของฝั่งมาเก๊าไปจนสุดเขตแดน
สาย MT1 และ MT2 จะวิ่งตั้งแต่เวลา 07:00-21:32 มีเส้นทางการวิ่งคล้ายกันมาก คือจะวนที่ฝั่งไทปาก่อนแล้วจึงข้ามสะพานจะจอดบริเวณท่าจอดรถบัสใหญ่ใกล้ๆกับคาสิโนลิสบัว(Lisboa)
สาย N2 จะเป็นรถบัสกลางคืนที่วิ่งตั้งแต่ เที่ยงคืนจนถึง 6 โมงเช้า ที่วิ่งคล้ายกับ MT1 และ MT2 ต่อจะวิ่งไปจนสุดชายแดน
▌การนั่งรถ Shuttle Bus ฟรี
เป็นอีกหนึ่งวิธีที่คนนิยมกัน เพราะมีหลายคาสิโนและโรงแรมที่มีบริการรถ Shuttle Bus รับส่งฟรี ถ้าเป็นรถบัสของคาสิโนจะสามารถขึ้นได้เลย ไม่มีค่าใช้จ่ายหรือเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น แต่รถบัสก็จะไปส่งที่หน้าคาสิโนนั้นๆ โดยที่นิยมกันก็จะมีที่ เวเนเชี่ยน(Venetian)ที่อยู่ฝั่งไทปา ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังแห่งหนึ่งของมาเก๊าด้วย และลิสบัว(Lisboa)ที่เป็นคาสิโนใหญ่อยู่ฝั่งเมืองมาเก๊า ถ้าโรงแรมที่เราพักอยู่ใกล้กับคาสิโนเหล่านี้ก็สามารถขึ้นรถของคาสิโนจากนั้นก็เดินไปโรงแรมเราได้เลย หรือจะเป็นการแวะเที่ยวที่คาสิโนนั้นๆก่อนเลยก็ได้โดยทุกคาสิโนจะมีจุดฝากกระเป๋าให้บริการฟรีด้วย ตัวอย่างเช่นนั่งรถฟรีมาลงที่เวเนเชี่ยน ฝากกระเป๋า เที่ยวเวเนเชี่ยนก่อน แล้วค่อยต่อรถบัสจากเวเนเชี่ยนเข้าเมือง เป็นต้น
แต่มีอยู่หลายโรงแรมที่จะบริการรถรับส่งฟรีจากสนามบินด้วยเหมือนกันโดยการ join กับโรงแรมอื่นๆที่อยู่กันเคียงกัน เช่น โรงแรม ซินทรา(Sintra Hotel)ที่เราแนะนำก็มีเช่นกัน ดูข้อมูลโรงแรมแนะนำและย่านต่างๆของมาเก๊าได้ที่นี่ โดยขาเข้าโรงแรมจะไม่ต้องแสดงหลักฐานอะไร แต่ขาออกจากโรงแรมส่วนใหญ่จะต้องไปขอคูปองจากเจ้าหน้าที่ของโรงแรมนั้นๆไว้ก่อน
บัตรและพาสต่างๆใน มาเก๊า
บัตรมาเก๊าพาส(Macau Pass)เป็นบัตรเดินทางแบบเติมเงินของมาเก๊าที่คล้ายกับบัตร Octopus ของฮ่องกง คือสามารถนำมาใช้จ่ายค่ารถบัสได้ทุกประเภท, ร้านสะดวกซื้อ และซุปเปอร์มาเก็ตแทนเงินสดได้ เป็นแบบ Pre-paid คือต้องเติมเงินก่อนจึงจะสามารถใช้ได้ โดยมีการเติมขั้นต่ำอยู่ที่ 50 เหรียญมาเก๊า(MOP) ในตอนที่ซื้อครั้งแรกจะต้องจ่าย 130 เหรียญ ใช้ได้ 100 เหรียญ เป็นค่ามัดจำ 25 เหรียญ และค่าธรรมเนียมใช้บัตร 5 เหรียญ ซึ่งเงินในบัตรจะต้องใช้ให้หมดเพราะเวลาคืนจะได้คืนเฉพาะค่ามัดจำบัตร 25 เหรียญเท่านั้น ซึ่งต้องไปคืนที่สำนักงานใหญ่อยู่ที่จตุรัสเซนาโด้(Senado Sqaure) หลายคนจึงเลือกที่จะเก็บกลับมาเป็นของที่ระลึกแทน บัตรมาเก๊าพาสสามารถซื้อและเติมเงินได้ที่ร้านสะดวกซื้อเช่น 7-11 , ร้าน Royal หรือ ร้าน Circle K
ถ้าอยู่มาเก๊าหลายวัน หรือเดินทางด้วยรถบัสเยอะ การซื้อมาเก๊าพาส(Macau Pass)ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีเพราะนอกจากจะใช้จ่ายค่าโดยสารได้อย่างสะดวกโดยที่ไม่ต้องเตรียมเหรียญให้พอดีเพราะรถบัสไม่มีระบบการทอนเงินแล้ว ก็ยังมีส่วนลดให้ด้วย เช่น ส่วนลด 2 เหรียญ(MOP)บนรถบัสที่วิ่งอยู่ภายในฝั่งเมืองมาเก๊า, ส่วนลด 2.5 เหรียญสำหรับรถที่วิ่งระหว่างฝั่งมาเก๊ากับไทปา(Taipa) และส่วนลด 3 เหรียญสำหรับรถบัสที่วิ่งระหว่างมาเก๊า ไทปา(Taipa) และโคโลอาน(Coloane) อีกทั้งถ้าขึ้นรถบัสที่วิ่งอยู่ในเส้นทางเดียวกันกับที่เราเพิ่งจะลง ภายในเวลา 45 นาทีก็จะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มด้วย คือพอแตะไปแล้วจะขึ้นเป็น 0.00 แปลว่าไม่เสียตัง
วิธีการใช้เงินมาเก๊าพาส(Macau Pass)ก็ไม่มีอะไรมาก แค่แตะบัตรที่แป้นเหมือนกับบัตรรถไฟฟ้าบ้านเราเท่านั้นเอง โดยเวลาขึ้นรถบัสให้ต่อแถวขึ้นที่ประตูหน้าจากนั้นจะเห็นแป้นสีเขียวๆข้างคนขับก็แตะไป 1 ที จากนั้นเวลาจะลงให้ลงที่ประตูหลัง แล้วแตะบัตรที่แป้นบริเวณประตูหลังอีก 1 ทีก็เป็นอันว่าเรียบร้อย
แพลนเที่ยวมาเก๊าที่แนะนำ
ทริปแนะนำสำหรับใครที่วางแผนเดินทางไปเที่ยวมาเก๊า 3 วัน 2 คืน นี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นโปรแกรมเที่ยวมาเก๊ายอดฮิต พิมพ์นิยม ที่ไปได้ง่ายๆ แค่มีวันหยุดศุกร์หรือจันทร์ก็ไม่ต้องลางาน หรือหากไม่ตรงกับวันหยุดก็ลาแค่ 1 วันก็เที่ยวได้เกือบครบทั่วมาเก๊าแล้ว โดยโปรแกรมนี้เหมาะสำหรับคนที่ไปเที่ยวครั้งแรกเพราะจะพาไปตะลอนที่เที่ยวยอดฮิต ชิมขนมทาร์ตไข่เจ้าอร่อยและของกินร้านดัง นอกจากนี้ยังมีเวลาสำหรับช้อปปิ้งของฝากอีกด้วย
หลังจากลงเครื่องที่สนามบินมาเก๊า ให้ขึ้นรถ Shuttle bus ฟรีไปลงที่เวเนเชี่ยนแล้วต่อรถเข้าตัวเมืองมาเก๊า ซึ่งรถ Shuttle bus นี้จะวิ่งไปยังโรงแรมต่างๆ หากใครเป็นโรงแรมที่พักอยู่แล้วก็จอดหน้าโรงแรมเลย หรือถ้าไม่ต้องการรอรถฟรีก็สามารถขึ้นรถบัสจากสนามบินเข้าเมืองได้ จากนั้นให้เอากระเป๋าไปเก็บที่โรงแรม แล้วไปเที่ยวที่แรกก็คือ จตุรัสเซนาโด้ Senado Square เป็นย่านยอดฮิตของมาเก๊า มีทั้งสถาปัตยกรรมสไตล์โปรตุเกสผสมผสานกันวัฒนธรรมจีนให้เที่ยวชม นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารชื่อดังและร้านขนมทาร์ตไข่เจ้าอร่อยอยู่ไม่ไกลอีกด้วย บริเวณย่านนี้จะมีจุดท่องเที่ยวหลายแห่งให้แวะชมได้
วิธีการเดินทางไป จตุรัสเซนาโด้ ถ้าโรงแรมอยู่ใกล้ก็สามารถเดินไปได้เลย หรือถ้าพักไกลให้นั่งรถบัสไป ขึ้นรถบัสสาย 3, 3A, 4, 8A, 10, 10A, 11, 18, 19, 21A, 26A, 33 ไปลงที่ป้าย Av. De Almeida Ribeiro (San Ma Lo) อยู่ฝั่งเดียวกับเซนาโด้ สแควร์ หรือขึ้นรถบัสสาย 3, 4, 6, 8A, 18A, 19, 26A, 33, N1A ไปลงที่ป้าย Almeida Ribeiro อยู่ฝั่งตรงข้างกันเซนาโด้ สแควร์
จากนั้นจะเดินไปยัง ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล Ruins of St. Paul’s จากเซนาโด้จะมีป้ายบอกทางตลอด สามารถเดินตามป้ายไปได้เลย เซนต์ปอลเป็นโบสถ์ที่หลงเหลือเพียงซากด้านหน้าของอาคาร ซึ่งทางเดินขึ้นไปจะเป็นบันไดหิน และซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลจะอยู่ด้านบนสุด เป็นเหมือนสัญลักษ์ของมาเก๊า
เดินกลับทางเดิมมาทานมื้อเที่ยวที่ร้าน Macau Wong Chi Kei บะหมี่ไข่เกี๊ยวกุ้ง สุดอร่อยแห่งเซนาโด้ สแคว์ บะหมี่ไข่เส้นนุ่มกำลังดีกับเกี๊ยวกุ้งยักษ์ที่ลวกมาได้อย่างพอดี ไม่สุกเกินและไม่เละเกินไป น้ำซุปก็กลมกล่อม ร้านเป็นห้องคูหาเล็กๆไม่ใหญ่มากแต่มีถึง 3 ชั้น แต่หากเดินผ่านก็จะเห็นคนต่อคิวทานกันเกือบตลอดทั้งวัน
มาเที่ยวกันต่อที่ พิพิธภัณฑ์มาเก๊า – Macao Museum และ ป้อมปราการมองเต Macau Monte Fort สองที่นี้จะอยู่ที่ตึกเดียวกัน ให้เดินตามทางเดิมที่จะประตูโบสถ์เซนต์พอล ทางเข้าพิพิธภัณฑ์และป้อมปราการจะอยู่ทางขวามือ
ส่วนตอนเย็นนั้นให้มาเดินเล่นและกินมื้อเย็นที่ ถนนสายแห่งความสุข Happy Street เป็นเส้นที่เต็มไปด้วยตึกและอาคารสมัยก่อน ที่ตกแต่งบานประตูและหน้าต่างเป็นสีแดงตลอดทาง บางคนจะเรียกว่า “ย่านโคมแดง” จึงทำให้ดูแปลกตา นักท่องเที่ยวนิยมมาเดินเล่นกันในช่วงเย็นถึงค่ำ เพราะจะมีร้านค้าร้านอาหารเปิดกันอย่างคึกคัก
ทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ก็มุ่งตรงไปไหว้พระที่ วัดอาม่า A-Ma Temple ก่อนเลย โดยนั่งรถบัสสาย 1, 2, 5, 6B, 7, 10, 10A, 11, 18, 21A, 26, 28B, 55, MT4, N3 มาลงที่ป้าย A-Ma Temple ด้านหน้าวัดอาม่า วัดอาม่าเป็นวัดดังที่มีอยู่มายาวนาน สร้างขึ้นตั้งแต่ก่อนที่จะมีเมืองมาเก๊าเกิดขึ้น จึงทำให้เป็นวัดที่มีความสำคัญอีกแห่งหนึ่ง เชื่อกันว่าที่มาของชื่อมาเก๊านั้น มาจากบริเวณวัดอาม่าแห่งนี้นี่เอง ในอดีตจะมีอ่าวที่ชื่อว่า A Ma Goa (อาม่าก๊อก) แปลว่า อ่าวของอาม่า จึงเพี้ยนมาเป็นชื่อ มาเก๊า ในปัจจุบัน ที่วัดนั้นจะมีธูปวง รูปทรงแปลกตา 1 วงสามารถจุดได้นานเป็นอาทิตย์และเชื่อกันว่าหากจุดธูปวงแล้วจะทำให้อายุยืนยาวขึ้น
ถัดจากวัดอาม่า จะมีพิพิธภัณฑ์ทางทะเลมาเก๊า Macau Maritime Museum ตั้งอยู่ติดกัน เมื่อไหว้พระขอพรเสร็จแล้วคนส่วนใหญ่ก็มันจะเดินมาเที่ยวที่นี่ต่อ อาคารภายนอกของพิพิธภัณฑ์นั้นสร้างเป็นรูปเรือ เพื่อสื่อถึงการเดินทางทางทะเล ด้านมีจะมีเรือโบราณหลายแบบจัดแสดงโชว์อยู่ มีค่าเข้า 10 MOP
หลังจากชมพิพิธภัณฑ์เสร้จแล้วให้เดินลัดเลาะไปตามถนน Calcada da Barra เส้นด้านในไปทาง เซนาโด้ สแควร์ เพราะระหว่างทางจะมีที่เที่ยวให้แวะมากมาย
เมื่อเดินมาไม่ไกลก็จะพบกับ ค่ายทหารชาวมัวร์ Moorish Barracks อยู่ทางขวามือ สร้างขึ้นในปี 1874 เพื่อใช้เป็นค่ายทหารของตำรวจอินเดียวที่ถูกส่งมาเสริมกำลังในมาเก๊า ออกมาแบบโดยชาวอิตาลีในสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิค
จากนั้นเดินมาอีกหน่อยก็จะถึง บ้านแมนดารินมาเก๊า Mandarin House in Macau บ้านสไตล์จีนโบราณ ก่อสร้างขึ้นในปี 1869 เป็นอาคารหลายหลังประกอบกัน มีลานตรงกลางที่ใช้ร่วมกัน โดยผสมผสานรายละเอียดต่างๆในแบบจีนดั้งเดิมและตะวันตก อยู่ทางซ้ายมือ
และเดินต่อมาเรื่อยๆก็จะมี โบสถ์เซนต์ลอเรนซ์มาเก๊า – Macau St. Lawrence’s Church เป็น 1 ใน 3 โบสถ์ที่มีความเก่าแก่ที่สุดในมาเก๊า อยู่ทางขวามือ
จุดสุดท้ายที่จะแวะก่อนถึงเซนาโด้ก็คือ จตุรัสเซนต์ออกัสติน ในบริเวณนี้จะมีทั้ง โบสถ์เซนต์ออกัสติน, โรงละครดอมเปโดร และ โบสถ์เซนต์โยเซฟ ตั้งอยู่ติดกัน
ทานมื้อเที่ยงที่ร้าน ร้านเป็ดย่างชื่อดัง ชางคองเก Chan Kuong Kei จากเซนาโด้ สแควร์ให้เดินทางตรงมาตามถนน Avenida de Almeida Ribeiro ซึ่งอยู่ทางหน้าน้ำพุ ตรงไปเรื่อยๆประมาณ 150 เมตร จะเจอแยกก็ให้ข้ามถนนไป จากนั้นก็ให้เลี้ยวซ้ายที่ซอยแรก จะเห็นร้านอยู่ทางซ้ายมือช่วงกลางๆซอย
ต่อด้วยขนมทาร์ตไข่เจ้าดังแห่งมาเก๊า ทาร์ตไข่มากาเร็ต Cafe e Nata Margaret’s เพียงแค่เดินทะลุซอยตรงข้ามกับร้านเป็ดมาก็จะเห็นร้านทาร์ตไข่อยู่ทางซ้ายมือ
ร้านทาร์ตไข่มากาเร็ต(Cafe e Nata Margaret’s)เป็นร้านขายทาร์ตไข่ชื่อดังที่สุดร้านหนึ่งของมาเก๊าที่มีคนเดินทางมาต่อคิวกันซื้อเป็นจำนวนมาก ขายทาร์ตไข่สูตร Portuguese คือใช้แป้งคล้ายพายกรอบๆ เป็นร้านดังของมาเก๊าทำให้มักจะมีคนแน่นร้านตลอดทั้งวัน
ช่วงบ่ายเราจะไปเที่ยวกันต่อที่ ป้อมปราการเกีย(Guia Fortress) ให้เดินย้อนกลับมาทางเซนาโด้ แต่พอถึงสี่แยกให้เลี้ยวขวา แล้วมาขึ้นรถบัสที่หน้าตึก Si Toi Commercial Building ขึ้นรถสาย 2 ไปลงที่ป้าย Flora Garden จากนั้นเดินย้อนกลับมานิดนึงจะเห็นทางขึ้นกระเช้าเพื่อไปเที่ยวป้อมปราการอยู่ทางซ้ายมือ แนะนำให้นั่งกระเช้าขาขึ้น ส่วนขากลับให้เดินลงอีกทางนึง
ป้อมปราการเกีย เป็นป้อมปราการเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในจุดที่สูงที่สุดของมาเก๊า ทำให้มองเห็นวิวได้ทั่วทั้งบริเวณเมือง ทะเล ไปจนถึงประเทศจีน สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1622 โดยชาวโปรตุเกส ที่ด้านบนยังหลงเหลือโบสถ์เล็กๆ Chapel of Our Lady of Guia ที่ยังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อยู่ด้วย
พอเดินเที่ยวด้านบนเสร็จแล้ว ให้เดินลงซึ่งทางลงนั้นจะอยู่ใกล้กับป้อมปราการ ไม่ต้องเดินย้อนกลับไปลงกระเช้า พอถึงด้านล่างให้เดินเลี้ยวขวาไปตามถนน Calcada da Vitoria พอถึงแยกให้เลี้ยวขวา ขึ้นรถบัสสาย 17 ที่ป้าย Royal Hotel จากนั้นนั่งเที่ยว รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมกลางทะเลมาเก๊า Kun Iam Statue โดยลงที่ป้าย The Statue of Kun Iam/Centro Ecumenico Kun Iam ก็จะเห็นเจ้าแม่กวนอิมอยู่ที่ด้านหน้า ตั้งอยู่กลางทะเลบริเวณ Outer Harbour ทางใต้ของฝั่งมาเก๊า เป็นรูปปั้นยืนสูง 20 เมตรบนฐานดอกบัวอีก 4 เมตร ยื่นออกไปทางทะเลเป็นระยะทาง 60 เมตร เป็นรูปปั้นทองสำริดมีรูปแบบที่ผสมกันระหว่างจีนและยุโรป จนเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวหลักของมาเก๊า ซึ่งโดดเด่นมากจนกลายเป็นหนึ่งในสัญญลักษณ์ของมาเก๊า
จากนั้นให้นั่งรถบัสสาย 12 ที่ป้าย Nape/ Rua De Madrid กลับมายังเซนาโด้ สแควร์ แล้วก็หาของกินแล้วเดินช้อปปิ้งของฝากจากมาเก๊าตามร้านต่างๆที่ตั้งอยู่เต็ม 2 ข้างทางที่จะเดินไปยังประตูโบสถ์ได้เลย
หรือใครทานข้าวเสร็จแล้วแนะนำให้ไปลองชิม นมตุ๋น ชื่อดังที่ร้าน Leitaria I Son นมตุ๋นของที่ร้านนี้จะหอมนมสดและนุ่มลิ้นมาก โดยเมนูแนะนำของร้านนี้มีอยู่ด้วยกัน 3 เมนู ก็คือ นมสดตุ๋น (Streamed Milk/ Milk Pudding), นมสดตุ๋นกับน้ำขิง (Streamed Milk with Ginger) และไข่ตุ๋น (Streamed Egg)ราคาประมาณ 12-18 MOP ตัวเด่นสุดของทางร้านที่มาแล้วต้องสั่งก็คือนมสดตุ๋น
วันสุดท้ายของทริปนี้ จะไปเที่ยวกันที่ย่านไทปาและโคโลอาน โดยเริ่มโปรแกรมช่วงเช้ากันที่ เวเนเชี่ยน The Venetian Macao เป็นคาสิโนคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่สุดของมาเก๊าที่มีโซนคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมทั้งยังเป็นอาคารที่มีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียด้วย แต่สิ่งที่มีชื่อเสียงของเวเนเชี่ยนสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปคือโซนที่เป็นห้าง ซึ่งออกแบบและตกแต่งให้เหมือนกับสไตล์เมืองเวนิสของประเทศอิตาลี วิธีการเดินทางไปนั้นจะเลือกขึ้นรถบัสฟรีของเวเนเชี่ยนก็ได้ แต่จะมีเป็นรอบๆและจะรับตามจุดต่างๆ หรือใครไม่อยากรอนานก็ให้ขึ้นรถบัสไปก็ได้เหมือนกัน สายที่ผ่านคือ 25, 25x, 26A, 35, MT1, MT2, MT3, และ MT4 เมื่อไปถึงแล้วก็ให้นำกระเป๋าเดินทางไปฝากไว้ที่เคาท์เตอร์ จากนั้นจึงค่อยไปเดินเล่นถ่ายรูป
จากนั้นจะไปเที่ยวกันต่อที่หมู่บ้านไทปา โดยให้เดินออกจากเวเนเชี่ยนประตูฝั่งตะวันตกตรงจุดจอดรถบัสต่างๆ เดินออกมาที่ถนนแล้วเลี้ยวขวาเพื่อเดินไปขึ้นสะพานลอยข้ามไปยัง หมู่บ้านไทปา Taipa Village เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่มีการอนุรักษ์บ้านเรือนเอาไว้ โดยบ้านเรือนส่วนใหญ่จะถูกสร้างขึ้นในระหว่างการปกครองของโปรตุเกส มีสถาปัตยกรรมสไตล์โคโครเนียล ทาสีอาคารด้วยสีพาสเทล ตั้งอยู่บริเวณใจของกลางเกาะไทปา เหมาะกับการเดินเล่นถ่ายรูป และแวะทานอาหารและขนมที่ถนนสายอาหารไทปา ซึ่งเป็นถนนเล็กๆภายในหมู่บ้านไทปา
ที่ถนนสายอาหารนี้จะมีร้าน Seng Cheong โจ๊กปูมาเก๊าชื่อดัง โจ๊กหม้อใหญ่ที่เนื้อโจ๊กเคี่ยวจนเข้ากันเป็นอย่างดีไปกับมันปู เวลาเสิร์ฟจะใส่ปูมาในโจ๊กทั้งตัวเลย ชามค่อนข้างใหญ่สั่งมาแบ่งกันทานได้ ที่ร้านจะมีถ้วยแบ่งให้ เรื่องรสชาติไม่ต้องพูดถึง เพราะใครลองชิมก็จะติดใจในความอร่อย
หรืออีกหนึ่งของอร่อยที่ต้องลองเมื่อมายังไทปาก็คือ ขนมปังหมูทอดโปรตุเกส Tai Lei Loi Kei เจ้าดังแห่งไทปา เป็นสูตรดั้งเดิมมีชื่อเสียงมากกว่า 50 ปีมาแล้ว เปิดร้านมาตั้งแต่ปี 1968 เนื้อหมูของที่นี่จะไม่เหมือนที่อื่น จะฉ่ำไม่แห้ง รสชาติกลมกล่อมกำลังดีเมื่อทานคู่กับขนมปังสูตรของทางร้าน
นั่งรถบัสสาย 25 ที่ป้าย Estrada Da Baia De Nossa Senhora Da Esperanca อยู่ตรงข้างกับคาสิโน Galaxy ไปยังหมู่บ้านริมทะเลโคโลอาน หมู่บ้านเล็กๆน่ารักริมทะเล มีพื้นที่ประมาณ 8 ตร.กม. เท่านั้น อยู่ทางตอนใต้สุดของมาเก๊า บ้านเรือนต่างๆเป็นบ้านเก่าสไตล์โปรตุเกสสีพาสเทลอ่อนๆ มีตรอกซอกซอยเล็กๆเต็มไปหมด บ้านแต่ละหลังก็ยังคงอนุรักษ์อาคารดั้งเดิมเอาไว้
หลังเดินเที่ยวชมหมู่บ้านจนทั่วแล้ว พอขากลับให้แวะทานทาร์ตไข่เจ้าดังแห่งโคโลอาน ร้านทาร์ตไข่ลอร์ด สโตว์ Lord Stow’s Bakery ร้านขายทาร์ตไข่ชื่อดังแห่งมาเก๊า ด้วยการที่ทำสดๆใหม่ๆ แป้งบางกรอบและมีไส้ทาร์ตที่นุ่มและหวานกำลังดี จึงทำให้มีชื่อเสียงโด่งดัง มีร้านดั้งเดิมอยู่ที่โคโลอาน หมู่บ้านเล็กๆริมทะเล ถึงแม้ว่าจะตั้งอยู่ห่างไกลจากในเมือง แต่เมื่อไปถึงร้านแล้วก็ยังต้องต่อคิวเพื่อรอทาน
ขากลับให้นั่งรถสายเดิม ไปลงที่เวเนเชี่ยน จากนั้นก็ไปเอากระเป๋า แล้วเดินไปขึ้นรถ Shuttle Bus ของเวเนเชี่ยน (ฟรี) เพื่อไปขึ้นเครื่องกลับที่สนามบิน
จบแล้วกับทริป 3 วัน 2 คืนในมาเก๊า ที่เน้นเที่ยวที่ฮิต ชิมอาหารและขนมเจ้าดัง กันแบบครบๆ แต่สำหรับคนที่มีเวลามากกว่านี้ หรือไม่ชอบโปรแกรมเที่ยวของวันไหนสามารถลองเปลี่ยนบรรยากาศ ข้ามเกาะไปเที่ยวฝั่งฮ่องกงซัก 1-2 วันดูก็ไม่เลวนะ
เรื่องอื่นๆที่ควรรู้เกี่ยวกับการเที่ยว มาเก๊า
- การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ท สามารถใช้บริการ SIM การ์ดที่มีเฉพาะเน็ทอย่างเดียว หรือจะใช้แบบ Pocket WIFI ใช้ได้ทีละหลายๆคนก็ได้ ตกวันละประมาณ 100-300 บาท
- ประกันการเดินทาง มีให้เลือกมากมายหลายเจ้า ส่วนใหญ่จะแตกต่างกันที่ราคา การคุ้มครอง การเบิกจ่าย ส่วนการซื้อมีทั้งซื้อออนไลน์ ซื้อผ่านเอเจ้น หรือซื้อตามสาขาของประกันภัยเจ้านั้นๆ ที่ฮิตๆกันก็มี MSIG, ไทยประกันชีวิต, AIG, ทิพภยประกันภัย และอื่นๆอีกมากมาย มีราคาให้เลือกตั้งแต่วันละไม่กี่สิบบาทขึ้นไป
- เที่ยวมาเก๊าได้ สูงสุดกี่วัน คนไทยสามารถไปเที่ยวญี่ปุ่นแบบไม่ต้องขอวีซ่าได้นานสุด 30 วัน