จัตุรัส เซนต์ ปีเตอร์ส Saint Peter’s Square

จัตุรัส เซนต์ ปีเตอร์ส(Saint Peter’s Square)เป็นลานวงกลมขนาดใหญ่ที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบโรมันอันงดงามที่ตั้งอยู่ด้านหน้าสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของนครรัฐวาติกัน ในกรุงโรม อย่าง มหาวิหาร St. Peter’s Basilica ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย

จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์เป็นจัตุรัสขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงหน้า มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์หรือมหาวิหารนักบุญเปโตร ในนครรัฐวาติกัน สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นสถานที่ฝังศพของนักบุญเปโตร สมเด็จพระสันตะปาปาองค์แรกแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก ความโดดเด่นของจัตุรัสแห่งนี้อยู่ที่เสาโอเบลิค ขนาดใหญ่สูงชะลูด ที่ตั้งอยู่บริเวณจุดศูนย์กลางของจัตุรัส โดยเสาโอเบลิคนี้เป็นเสาทองสัมฤทธิ์สูง 25.5 เมตร สีบลอนซ์ที่ถูกสร้างขึ้นที่ Heliopolis ประเทศอียิปต์โดยหนึ่งในฟาโรที่ไม่ทราบแน่ชัดว่าใคร  เสานี้เป็นเสาโอเบลิคแห่งเดียวในกรุงโรมที่ไม่ได้ถูกโค่นล้มเลยตั้งแต่ในสมัยโรมันโบราณอีกด้วย นอกจากเสาโอเบลิคที่อยู่ตรงกลางแล้ว บริเวณจัตุรัสลานรูปวงกลมยังถูกโอบล้อมด้วยเสาหินหลายสิบต้นที่บริเวณด้านบนนั้นเป็นหลังคาที่ประดับไปด้วยรูปปั้นเหล่าทวยเทพหลายสิบองค์อย่างสวยงาม และทางเข้าทั้ง 2 ด้านของวิหารนักบุญเปโตรนั้นยังประกอบไปด้วยน้ำพุที่สวยงามอันเป็นออกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมที่เห็นได้ทั่วไปในกรุงโรมอีกด้วย

จัตุรัสแห่งนี้ได้รับการออกแบบใหม่โดน Gain Lorenzo Bernini ในปี 1656 ถึง 1667 ภายใต้ทิศทางของสมเด็จพระสันตะปาปาอเล็กซานเดตามความเหมาะสม โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ประชาชนจำนวนมากนั้นได้เห็นสมเด็จพระสันตะปาปาในการให้ศีลให้พร หรือประกอบกิจอย่างใดอย่างหนึ่งของพระองค์จากบริเวณกลางมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์หรือจากหน้าต่างในพระราชวังวาติกันได้อย่างทั่วถึง

เป็นที่ทราบกันดีว่าในแต่ละวันนั้นมีนักท่องเที่ยวต้องต่อคิวเพื่อเข้าชมภายในมหาวิหารนักบุญเปโตรเป็นจำนวนมากในบริเวณของจัตุรัสแห่งนี้ ซึ่งความสวยงามและยิ่งใหญ่ของบริเวณโดยรอบของจัตุรัสแห่งนี้นั้นเองที่ช่วยให้การต่อคิวเข้าชมภายในมหาวิหารไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ เพราะสามารถเที่ยวชมและถ่ายรูปสวยๆ รอบๆ จัตุรัสรอได้  นอกจากนั้นแล้วเมื่อเข้าไปภายในวิหารแล้วมองลงมาบริเวณจัตุรัสนั้นเป็นภาพที่สวยงามน่าประทับใจมาก และที่สำคัญจัตุรัสแห่งนี้ยังมีสะพานยิ่งใหญ่ที่สามารถข้ามไปยัง Castel Sant’Angelo สถานที่ที่ครั้งหนึ่งสมเด็จพระสันตะปาปาเคยใช้เป็นป้อมปราการในการหลบภัยจึงทำสะพานเชื่อมจากมหาวิหารไปยังปราสาท Castel Sant’Angelo อีกด้วย