พระราชวังสนามจันทร์
พระราชวังสนามจันทร์ เป็นพระราชวังเก่าแก่ของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 แห่งราชวงศ์จักรี พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ได้รับการทะนุบำรุงรักษามาเป็นอย่างดี ทำให้กาลเวลาไม่สามารถทำลายความงดงามอย่างสมบูรณ์ลงได้
ที่นี่จัดเป็นพระราชวังเก่าที่ยังดูงดงาม ร่วมสมัย ด้วยสถาปัตยกรรมผสมผสาน ก่อสร้างขึ้นตั้งแต่รัชกาลที่ 6 เมื่อครั้งแปรพระราชฐานมาที่นครปฐม พระปฐมเจดีย์ และประทับพักค้างที่นี่ อาคารแต่ละหลังเด่นสง่า มีหลายรูปแบบ ทั้งทรงไทย ไทยประยุกต์ และสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรป ระหว่างอดีตถึงปัจจุบัน มีการบูรณะซ่อมแซม เพื่อให้คงสภาพเหมือนเดิมให้มากที่สุด ล่าสุดที่ปิดบูรณะคือ ในปีพ.ศ.2560 นี่เอง จึงไม่แปลกที่เรายังคงเห็นความงดงามของพระราชวังสนามจันทร์ ที่มีความสดชื่น ร่มเย็น และเป็นสง่า
ที่พระราชวังสนามจันทร์ แห่งนี้ ผู้ไปชมสามารถเข้าชมรอบบริเวณได้ด้วยรถรางบริการฟรี ไม่เสียค่าเข้าชม หากชมเฉพาะภายนอกโดยรอบ
อาคารหลัก เด่นเป็นสง่า หลังคาสีส้มแดงดังกล่าว คือ พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ ศิลปะ-สถาปัตยกรรมแนวเรอเนซองส์ของฝรั่งเศสเป็นหลัก ตัวอาคารใช้สีไข่ไก่นวลตา อาคารนี้จึงยังคงเห็นความเป็นสากล ไม่ตกสมัยแม้ผ่านมาเป็นร้อยปีแล้ว
ด้านหน้าพระตำหนัก มีอนุสาวรีย์ของ “ย่าเหล” สุนัขที่โปรดปรานของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 ทรงมีความโทมนัสเมื่อย่าเหล ถูกยิงตายจึงโปรดให้สร้างอนุสาวรีย์ไว้ที่นี่เป็นที่ระลึกถึง ด้านหลังพระตำหนักแห่งนี้มีสะพานข้ามแอ่งน้ำที่มุงบังด้วยหลังคากันแดดไปถึงพระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์
กติกาการเข้าชมพระตำหนักด้านในหลักๆ ก็คือ ห้ามถ่ายภาพ เพราะภายในนั้นมีการจัดเป็นห้องแสดงบรรยากาศในสมัยรัชกาลที่ 6 มีเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายในยุคนั้นเป็นต้น นับเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ด้านวัฒนธรรมเหมือนกัน เมื่อชมแล้วจะเดินผ่านสะพานเชื่อมไปที่พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์เลยก็ได้ เมื่อชมจบแล้วค่อยย้อนกลับมารับรองเท้าและสัมภาระที่ฝากไว้ก่อนเข้าตำหนัก
พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ เป็นตำหนักสีน้ำตาลแดงขนาดไม่ได้ใหญ่เท่าตำหนักชาลีมงคลอาสน์ ตั้งอยู่บนสนามหญ้าข้างบ่อน้ำท่ามกลางต้นไม้ใหญ่น้อย
ถัดจากพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ไปทางฝั่งซ้ายจะมีพระที่นั่งพิมานปฐม พระที่นั่งหลังแรของวังสนามจันทร์ก่อสร้างเป็นลักษณะตึกสีขาว สร้างไว้เมื่อปีพ.ศ.2450 เพื่อต้อนรับอาคันตุกะ แขกบ้านแขกเมืองที่มาเยือน นอกจากนั้นยังใช้เป็นที่ทรงพระอักษรคราเสด็จมาประทับที่นี่
นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมด้านในพระที่นั่งพิมานปฐมได้ มีความเป็นส่วนพระองค์มากกว่าตำหนักอื่น เพราะมีห้องต่างๆ เหมือนการใช้ชีวิตประจำวันอย่างห้องบรรทม ห้องเสวย ห้องสรง ห้องภูษา และพิเศษที่นี่มีห้องแสดงภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังทางพระพุทธศาสนา คือ ห้องพระเจ้า
จากชั้นสองของพระที่นั่งพิมานปฐม มีทางเชื่อมโยงเดินไปถึงพระที่นั่งวัชรีรมยาซึ่งดูภายนอกจะเหมือนกับวัด เพราะมีหลังคาประดับด้วยช่อฟ้าและยังใช้สีส้มเป็นหลัก ติดกับพระนั่งแห่งนี้คือพระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์ คล้ายคลึงต่อเนื่องกัน
โรงรถหลังคาสีเขียว มีรถที่สามารถมองผ่านกระจกเข้าไปได้ เป็นรถยุโรปรุ่นเก่าที่อนุรักษ์ให้คนรุ่นหลังได้เห็น
นั่งศาลาท่าน้ำ ชมฝูงเป็ดและให้อาหารปลา หรือนั่งชมทิวทัศน์โดยรอบบริเวณ เย็นสบายมาก
ศาลเทพารักษ์ เป็นศาลเปิดโล่งเหมือนซุ้ม 2 ชั้น ทิวทัศน์บริเวณนี้งดงาม ต้นไม้หนาทึบเขียวชอุ่มเป็นแบล็กกราวน์ ผนวกกับสวนที่ตกแต่งไว้อย่างงดงามสองข้างศาล เป็นที่ประดิษฐานพระพิฆเนศ
พระตำหนักทับขวัญ เหมือนหมู่เรือนไทยคือยกชั้นใต้ถุนต่ำ ต่อจากที่นี่ก็เป็นพระตำหนักทับแก้วที่มีสพานสุนทรถวายอยู่ในระหว่างพระตำหนักทับแก้วมีความต่างกับทับขวัญอย่างสิ้นเชิง เพราะเป็นอาคารสองชั้นสีขาว บันไดทางขึ้นชั้นสองอยู่นอกอาคาร ด้านบนมีระเบียงกว้างขวาง ที่นี่คือตำหนักฤดูหนาวที่มีเตาผิงให้ความอบอุ่น ศูนย์อาหารในพระราชวังสนามจันทร์ เดินชมเพลินๆ ได้ตามเวลาที่สะดวกจนกว่าที่นี่จะปิด และแวะทานอาหารที่ศูนย์อาหารได้
ชื่นชอบศิลปะและความรุ่งเรืองในสมัยรัชกาลที่ 6 และชมของเก่าที่ได้เก็บรักษาเป็นอย่างดี น่าไปชม เพราะเป็นโอกาสดีๆ ที่จะได้เห็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ไทย
หมายเหตุ ภายในพื้นที่กว้างขวางมากถึง 888 ไร่ 3 งาน 4 ตารางวา นั้น นอกจากจะคงความเป็นพิพิธภัณฑ์ มีพระตำหนักต่างๆ แล้ว ที่นี่ยังใช้เป็นที่ทำการของส่วนราชการต่าง ๆ ของจังหวัดนครปฐม และเป็นวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยศิลปากร
ที่ตั้ง
อ.เมือง นครปฐม