ปราสาทสัจธรรม
ปราสาทสัจธรรม (Sanctuary of Truth) เป็นปราสาทไม้ที่มีความวิจิตรตระการตาด้วยรูปแบบการก่อสร้างที่ผสานทั้งศิลปะและสัจธรรมทางพระพุทธศาสนาเข้าด้วย อีกทั้งมีขนาดที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลก จึงทำให้ปราสาทสัจธรรม เป็นแหล่งท่องเที่ยวของผู้นิยมความสุนทรีย์ เสพศิลปะผ่านสถาปัตยกรรมเชิงพุทธแห่งนี้
พื้นที่ตั้งของปราสาทสัจธรรมแห่งนี้ มีถึง 80 ไร่ เมื่อมองภาพจากระยะห่างคือตั้งอยู่กลางทะเล เป็นสถาปัตย์ทรงไทย มีความวิจิตร อ่อนช้อย ขอบเขตชิดกับน้ำช่วยให้ตัวปราสาทโดดเด่น ดูสูงจรดฟ้า เจ้าของที่นี่เป็นคนเดียวกับ “เมืองโบราณ” มีใจรักในสถาปัตย์ ศิลปะไทย และพระพุทธศาสนา และเผื่อแผ่ให้คนทั่วไปที่นิยมชมชอบแบบเดียวกันได้เห็นและชมความงามที่สามารถช่วยยกระดับจิตใจให้สูงขึ้นไปพร้อมๆ กันด้วย สถานที่แห่งนี้เริ่มสร้างเมื่อปีพุทธศักราช 2524 และบำรุงรักษาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
อาคารไม้แกะสลักทรงไทยจตุรมุข มี 4 ด้าน ความสูงถึง 105 เมตร ความกว้างข้างละ 100 เมตร พื้นที่ใช้สอยในปราสาทมีถึง 2,115 ตารางเมตร จึงชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลก การก่อสร้างมีความพิเศษอีกอย่างคือ ใช้ศิลปะการก่อสร้างแบบไทยโบราณ เข้าเดือย ตอกลิ่มสลัก ไม่ใช่ตะปูในการยึดเกาะเกี่ยว ที่นี่จึงนับเป็น unseen Thailand แห่งหนึ่งก็ว่าได้ และไม่แปลกที่ สถานที่แห่งนี้ได้รับรางวัลแหล่งท่องเที่ยวดีเด่นจากกระทรวงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยมาแล้ว
คุณค่าทางศิลปะและธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้ปราสาทไม้ทั้งหลังแห่งนี้ ต้องใช้หัวใจและสายตาในการเสพศิลป์ไปพร้อมๆ กัน ต้องมีเวลาในการเข้าชม แบบไม่เร่งรีบ เพราะต้องเก็บรายละเอียดที่ปรากฏเบื้องหน้า การเข้าชม มีทั้งการชมความวิจิตรด้านนอก ด้วยวิธีการหลายรูปแบบ ทั้งนั่งช้างชม นั่งเรือขุดโบราณชม จากจุดขายบัตร ถ้าไม่อยากเดิน ก็จ่ายค่าขี่ม้าไปถึงปราสาทได้
รอบบริเวณปราสาทสัจธรรม ยังมีความน่าสนใจกับความสวยงามแวดล้อมอีก ทั้งสวนหย่อม โรงแกะสลัก การชมปราสาทแห่งนี้ ช่วงต้นควรฟังคำบรรยายจากมัคคุเทศก์ประจำของที่นี่ เพราะจะได้ซาบซึ้งกับการชม จากนั้นค่อยเดินชมตามอัธยาศัยต่อไป
หรือใครอยากจะขับ ATV ก่อนเสพงานศิลปะก็ได้ ส่วนการชมด้านในนั้น จะมีการแบ่งเป็นห้องโถง หลักคุณธรรม 4 ประการเป็นรากฐานในการจัดสร้างงานในห้องโถงทั้งหมด
ฝั่งทิศเหนือ ห้องโถงด้านนี้แสดงหลักคำสอนตามลัทธิเต๋า ขงจื๊อ เป็นแนวพุทธแบบมหายาน ที่มีการสอนให้ทำความดีเพื่อพ้นจากวัฏฏะ
ฝั่งทิศใต้ โถงในทิศนี้เป็นภาพจำหลักเกี่ยวกับดาวเคราะห์บนฟากฟ้า ประติมากรรมลอยตัวรูปเทพเจ้า ดวงดาว ซึ่งเป็นคติความเชื่อว่าดวงดาวเหล่านี้สามารถจะส่งผลถึงยศศักดิ์ การงาน สมบัติ แก่มนุษย์ได้ ฯลฯ
ฝั่งทิศตะวันออก โถงฝั่งนี้เป็นคติเรื่องความกตัญญูต่อพ่อและแม่ แสดงรูปสลักที่แสดงความรัก ความสัมพันธ์ พ่อแม่ลูก คุณธรรมที่การทำหน้าที่ของพ่อแม่และลูกทำหน้าที่ของตัวเองจะช่วยเชิดชูมนุษย์ให้มีเอกลักษณ์แตกต่างจากสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น
ฝั่งทิศตะวันตก โถงฝั่งนี้เกี่ยวกับเทพที่เป็นใหญ่ในธาตุทั้งสี่ ดิน น้ำ ไฟ ลม (มหาภูตรูป 4) พระพรหม (วาโยธาตุ) พระอิศวร (เตโชธาตุ,ปฐวีธาตุ) พระนารายณ์ (อาโปธาตุ) เทพผู้ให้กำเนิดสรรพสิ่ง เกี่ยวกับธรรมะสำคัญคือ พรหมวิหาร 4 (เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา)
ห้องโถงกลาง มหาบุษบก เป็นโถงที่แสดงถึงจุดสูงสุดแห่งชีวิตมนุษย์ตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา ว่าด้วยอริยสัจ 4 นิพพาน คือ การหลุดพ้น ไม่เวียนวนมาเกิดเป็นมนุษย์อีก และนี่คือสัจธรรมสูงสุดของชีวิตมนุษย์
ยังมีประติมากรรมกลางแจ้งในสวนทีน่าสนใจอีก ประติมากรรมสัตว์หิมพานต์ ฤาษีริมน้ำ
สถานที่แห่งนี้ นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ถูกจริต ต้องอัธยาศัยกับคนที่ชื่นชอบไปในทางทิศเดียวกัน จะเสพด้วยหัวใจ และความรู้สึกมากกว่าสัมผัสด้วยการมองเห็นอย่างเดียว ชมอย่างรู้คุณค่า มีความสุขตลอดระยะเวลาที่อยู่ในปราสาทสัจธรรม เพราะหากไม่รู้ดื่มด่ำหรือชื่นชอบจริงๆ อาจรู้สึกว่าไม่คุ้มกับค่าบัตรเข้าชม และอย่าลืมพกกล้องถ่ายรูปคุณภาพสูง แบตเตอรี่ไปให้พร้อม เก็บภาพงามๆ ไว้ดูทบทวนความวิจิตรที่ยังตราตรึงในใจ
ที่ตั้ง
206/2 หมู่ 5 แหลมราชเวช อ่าววงพระจันทร์ ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี