TAIWAN TALON GUIDE คู่มือเที่ยว∙กิน∙ช้อป ไต้หวัน ไทเป แบบง่ายๆ ครบจบในหน้าเดียว
สำหรับคนที่กำลังสนใจอยากรู้เกี่ยวกับไต้หวัน(Taiwan) ประเทศท่องเที่ยวฮอตฮิตน้องใหม่มาแรงของนักท่องเที่ยวชาวไทย เพราะเพิ่งเปิดฟรีวีซ่าได้ไม่นานนี้ว่า เป็นยังไง อยู่ที่ไหน มีอะไรน่าสนใจบ้าง สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ของกิน ของช้อป ค่าใช้จ่าย การเดินทาง และอื่นๆอีกมากมาย หน้านี้มีทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เราได้รวบรวมมาอยู่ในหน้านี้หน้าเดียวแบบครบจบ กับ TAIWAN TALON GUIDE
ทำไมต้อง ไต้หวัน
ไต้หวัน(Taiwan) ประเทศที่นักท่องเที่ยวไทยหลายคนถึงกับบอกว่าดีงามใกล้เคียงกับญี่ปุ่นแต่ค่าครองชีพถูกกว่า 3 เท่า! เป็นเกาะที่มีรูปร่างคล้ายวงรี ห่างจากประเทศไทยไม่ไกลนัก ประมาณ 3-4 ชั่วโมงโดยเครื่องบิน มีขนาดประมาณ 6 จังหวัดของไทยรวมกัน มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายซึ่งผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ทั้งความทันสมัย ศาสนา ศิลปะวัฒนธรรม ป่าไม้และภูเขาที่ยิ่งใหญ่และสวยงาม รวมทั้งอาหารที่ถูกปากนักท่องเที่ยวไปทั่วโลก อีกทั้งคนไต้หวันเองก็เรียกว่าเป็นมิตรต่อนักท่องเที่ยวค่อนข้างมาก มีถนนหนทาง สะอาด ปลอดภัย มีการเดินทางที่สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย แต่ค่าครองชีพกลับไม่ได้ต่างจากเมืองไทยซักเท่าไหร่ จึงประหยัดงบกันได้ค่อนข้างมาก หรือสามารถเที่ยวได้อย่างสบายใจหรือนานขึ้นกว่าหลายๆประเทศที่เจริญแล้ว เรียกว่า ไม่ไป ไม่ได้แล้ว
เที่ยวไต้หวันช่วงไหนดี แต่ละฤดูเป็นยังไง
ไต้หวัน(Taiwan)มีลักษณะเป็นเกาะรูปวงรียาวจากเหนือมาใต้และมีภูเขาขั้นกลางระหว่างฝั่งซ้ายและฝั่งขวา มีเมืองใหญ่ๆอยู่ 2 เมืองทางตอนเหนือของเกาะคือเมืองหลวงไทเป(Taipei) และทางตอนใต้ของเกาะคือเมืองเกาสง(Kaohsiung) ซึ่งมีลักษณะของภูมิอากาศที่ต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยทางเหนือจะหนาวเย็นกว่าทางตอนใต้ของเกาะประมาณ 1-2 องศา มีสภาพอากาศโดยทั่วไปกึ่งร้อนชื้น คล้ายกับเมืองไทยแต่จะเย็นกว่าเล็กน้อย ยกเว้นบริเวณยอดเขาสูงซึ่งจะหนาวเย็นกว่ามาก บางยอดเขาของไต้หวันนั้นสูงมากเกือบ 4 พันเมตรจากระดับน้ำทะเล (ดอยอินทนนท์ ที่สูงที่สุดของไทย สูงเพียง 2,330 เมตร) ในช่วงฤดูหนาวถึงกับมีหิมะตกและน้ำแข็งปกคลุมบนยาวเขาด้วย เช่นที่ ยอดเขาอาลีซัน(Alishan)
อุณภูมิโดยเฉลี่ยตลอดทั้งปีของไต้หวันอยู่ที่ 22 องศา อุณภูมิเฉลี่ยสูงสุด 25 องศาในตอนกลางวัน และอุณภูมิเฉลี่ยต่ำสุด 14 องศาในตอนกลางคืน มีพายุไต้ฝุ่นปีหนึ่งประมาณ 3-4 ครั้ง ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนช่วงเดือนกรกฏาคมถึงเดือนกันยายน บางครั้งก็ทำให้เกิดความเสียหายด้วย เช่น น้ำท่วมและแผ่นดินสไลด์ ใครเลือกเดินทางช่วงนี้อาจจะต้องติดตามข่าวกันอย่างต่อเนื่อง
ไต้หวันมีฤดูกาลที่แตกต่างกันอยู่ 4 ฤดูกาล คือ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว
– เดือนที่ร้อนที่สุดคือ เดือนสิงหาคม มีอุณภูมิเฉลี่ยที่ 31 องศา
– เดือนที่หนาวที่สุดคือ เดือนมกราคม มีอุณภูมิเฉลี่ยที่ 15 องศา
– เดือนที่มีปริมาณน้ำฝนมากที่สุดคือ เดือนมิถุนายน
โดยสรุปช่วงที่อากาศดีที่สุดคือฤดูใบไม้ร่วงถึงฤดูหนาว ประมาณเดือนตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเดือนอื่นๆจะแย่กว่ามาก แม้แต่ในช่วงที่พายุเข้าก็ยังสามารถเดินเที่ยวเล่นในเมืองใหญ่ๆอย่างไทเปได้ เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวในร่มอยู่หลากหลายเช่นกัน
ไปเที่ยวไต้หวัน ใช้งบประมาณเท่าไหร่
ค่าเงินไต้หวันเรียกว่า New Taiwan Dollar หรือ NTD หรือที่ส่วนใหญ่จะนิยมเรียกเป็นหน่วย “เหรียญ” เมื่อเทียบกับเงินไทยจะใกล้เคียงกันมาก ต่างอาจจะแพงกว่าประมาณ 10% เช่น 1 เหรียญไต้หวันเท่ากับ 1.1 บาทไทย ค่าครองชีพโดยทั่วไปในกรุงไทเปจะพอๆกับในกรุงเทพโดยแพงกว่าซัก 10-20% ทำให้การไปเที่ยวไต้หวันนั้นใช้เงินไม่มากเหมือนหลายๆประเทศที่เจริญแล้ว แต่กลับได้ความสะดวกสบายที่ไม่แพ้กันเลย
มาดูสรุปค่าใช้จ่ายคร่าวๆทั้งหมดที่เกียวข้องกับการไปเที่ยว ไต้หวัน ไทเปกัน โดยจะแบ่งออกเป็นสองแบบคือ สำหรับ สายประหยัดสุดชีวิต กับ สายทั่วๆไปประหยัดบ้างสบายบ้าง จะออกมาเป็นหน้าตาแบบนี้
ค่าตั๋วเครื่องบิน 5,000 บาท / 10,000 บาท – ราคาไปกลับ
ค่าช้อปปิ้ง 0 บาท / 5,000 บาท
ค่าที่พัก คืนละ 600 บาท / 1,300 บาท – ราคาต่อคนต่อคืน
ค่ากิน วันละ 300 บาท / 700 บาท
ค่าเดินทาง 150 บาท / 300 บาท
ค่าเที่ยว 100 บาท / 300 บาท
รวมค่าใช้จ่ายต่อวัน 550 บาท / 1,300 บาท
สรุปรวมค่าใช้จ่ายสำหรับทริปไทเป ไต้หวัน
ทริปไทเป ไต้หวัน 4 วัน 3 คืน แบบประหนัดสุด ประมาณ 8,100 บาท หรือแบบทั่วๆไป ประมาณ 19,100 บาท
ทริปไทเป ไต้หวัน 6 วัน 5 คืน แบบประหนัดสุด ประมาณ 11,300 บาท หรือแบบทั่วๆไป ประมาณ 24,300 บาท
การคิดงบประมาณในการไปเที่ยวด้วยตัวเองนั้นไม่แพงเลย แถมมีความยืดหยุ่นได้มากจึงขึ้นอยู่กับแพลนการท่องเที่ยวของตัวเอง ว่าอยากเที่ยวแบบไหนเอาแบบสบายๆพักหรูนิดนึง บินด้วยสายการบิน Full service ในระยะเวลาเที่ยว 6 วัน 5 คืน น่าจะประมาณ 25,000บาทต่อคน (ไม่รวมช็อปปิ้ง) ส่วนถ้าอยากประหยัดก็บินน Low Cost จิ้มโปรโมชั่นถูกๆให้ทัน พักแบบโฮสเทล อย่างงี้ก็สบาย มีแค่ประมาณ 12,000 บาทต่อคน ก็น่าจะเอาอยู่ หรือถ้ามีงบไม่ถึงหมื่นก็อาจจะเลือกไปเที่ยวไต้หวันแค่ 4-5 วันก็ได้เช่นกัน
สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจใน ไต้หวัน
อย่างที่เกริ่นนำไปแล้วว่า ไต้หวัน มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายซึ่งผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ทั้งความทันสมัย ศาสนา ศิลปะวัฒนธรรม ป่าไม้และภูเขาที่ยิ่งใหญ่และสวยงาม โดยมีเมืองหลวงคือ กรุงไทเป ที่อยู่ทางตอนเหนือของเกาะ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของไต้หวัน และ เมืองเกาสงที่เป็นเมืองใหญ่ทางตอนใต้
เป็นหนึ่งใน Landmark หลักของเมืองไทเป เป็นตึกที่สูงที่สุดในไต้หวัน และสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก(ปี 2004 เคยสูงที่สุดในโลก) มีควาสูงมากถึง 508 เมตร เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตเมื่อมาเยือนไทเป
เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตของประเทศไต้หวัน อยู่ที่เมืองหนานโถวบริเวณตอนกลางของเกาะ เป็นทะเลสาบที่มีเกาะเล็กๆอยู่ตรงกลางที่แบ่งทะเลสาบออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งตะวันออกมีรูปร่างกลมเหมือนพระอาทิตย์และฝั่งตะวันตกที่มีรูปร่างคล้ายพระจันทร์เสี้ยว เป็นแหล่งท่องเที่ยวพักตากอากาศของทั้งชาวไต้หวันและชาวต่างชาติ
เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ร่ำรวยที่ตั้งอยู่บนเนินเขา หันหน้าเข้าหาทะเล เคยเป็นแหล่งของการทำเหมืองแร่ทองคำมาก่อน โดยมีสถาปัตยกรรมของบ้านเรือนที่สวยงามแปลกตา จนเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจกลายเป็นฉากหลักของภาพยนตร์แอนนิเมชั่นเรื่องดังของญี่ปุ่นเรื่อง Spirited Away ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง ทำให้ในปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างเต็มตัว มีร้านอาหารและร้านน้ำชาต่างๆมากมายคอยให้บริการ
พิพิธภัณท์กู้กงเป็นอาคารขนาดใหญ่ที่มีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมที่งดงามตามแบบพระราชวังจีนโบราณ เป็นพิพิธภัณท์ที่มีการจัดแสดงโบราณวัตถุจากจีนที่มากที่สุดในโลก มีการจัดแสดงสมบัติโบราณวัตถุและศิลปะต่างๆของชาวจีนอยู่มากกว่า 700,000 ชิ้นงาน
เป็นหนึ่งในอุทยานแห่งชาติชื่อดังที่สุดของไต้หวัน ที่มีธรรมชาติป่าเขาที่ยิ่งใหญ่สวยงาม โดยมีไฮไลท์เป็นน้ำตกหน้าผาที่มีการสร้างศาลเจ้าอยู่ด้านบนน้ำตกด้วย ชื่อว่าน้ำตก Changchun และศาลเจ้า Changchun อยู่ที่เมืองฮัวเลียนทางตะวันออกของเกาะไต้หวัน
▌ตลาดกลางคืนในไต้หวัน
ในประเทศไต้หวัน จะมี ตลาดกลางคืนหรือไนท์มาร์เก็ตอยู่มากมายแทบทุกเมือง ทุกย่าน เป็นเรื่องทางด้านวัฒนธรรมของคนไต้หวันที่คุ้นชินกับการไปเดินเล่นหรือทานข้าว ทานขนมกันที่ตลาดกลางคืน ที่อารมณ์ส่วนใหญ่จะคล้ายๆกับบ้านเราแต่จะ สะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยกว่า มีอาหารและขนมท้องถิ่นให้เลือกกินมากมาย ทั้งรสชาติดีและราคาไม่แพง จนเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่นักท่องเที่ยวทุกคนไม่ควรพลาด
ของกินเด็ด ร้านอร่อยห้ามพลาดใน ไต้หวัน
ไต้หวันมีชื่อเสียงด้านอาหารไม่แพ้แหล่งท่องเที่ยว มีอิทธิพลของอาหารมาจากจีนเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีหลายอย่างที่พัฒนาขึ้นมาจากความเป็นไต้หวันเอง นักท่องเที่ยวไทยส่วนใหญ่ที่ไปเที่ยวคุ้นเคยและถูกปากกับอาหารไต้หวัน เพราะหลายๆอย่างนั้นจะคล้ายกับบ้านเราเลย รวมถึงราคาก็ไม่ได้แตกต่างกันมากด้วย
▌ชาบูหม่าล่า
ไต้หวันนับเป็นเมืองที่นิยมซุปแบบหม่าล่ามากๆ หม่าล่าเป็นน้ำซุปที่มีส่วนผสมของเครื่องเทศหลายชนิด จะมีความรู้สึกเผ็ดที่ปลายลิ้นๆนิดๆ ร้านชาบูเกือบทุกร้านจะต้องมีน้ำซุปหม่าล่าเป็นตัวชูโรง แนะนำที่ Mala Yuanyang Hotpot ร้านชาบูยอดนิยมมีสาขาอยู่ทั่วไต้หวัน นอกจากซุปหม่าล่าที่เด็ดจนเลื่องชื่อ ก็ยังมีซุปอื่นๆเลือกอีกมากมาย
▌ไข่ต้มใบชา
ไข่ต้มที่เอาไปต้มทั้งเปลือก(มีทุบให้เปลือกแตกเล็กน้อย)กับใบชาและสมุนไพรบางชนิด ทำให้ได้เป็นไข่ต้มที่มีความหอมมากๆ ไม่มีกลิ่นคาวของไข่ไก่เลยแม้แต่น้อย โดยรสชาติจะแตกต่างกันไปตามสมุนไพรที่ใช้ต้ม แค่กินเปล่าๆจะต้องใส่เครื่องปรุงก็ฟินแล้ว โดยเฉพาะหากินได้ง่ายๆเพราะมีขายตามร้านสะดวกซื้อทั่วไต้หวัน แต่ที่นิยมกันจะเป็นตามเมืองชนบทอย่างที่ จิ่วเฟิ่น(Jiufen) หรือ อูไหล(Wulai)
▌บัวลอยเผือก
บัวลอยสไตล์ไต้หวัน(Taro Ball) จะใช้วัตถุหลักเป็นเผือก มันหวาน ชาเขียว หรือแป้งบัวลอยธรรมดา นำมาผสมกับแป้งแล้วนำมาต้มราดน้ำถั่วเขียวหวานน้อยๆ มีทั้งแบบรอนและเย็น บัวลอยจะชิ้นโต เคี้ยวแล้วหนึบๆต่างจากบัวลอยในไทยที่จะเม็ดเล็กและราดกะทิ โดยแต่ละร้านจะมีสูตรเฉพาะตัวทำให้อร่อยแตกต่างกันไป แนะนำที่ ตลาดกลางคืนตงฮัว (Tong Hua Night Market) จะมีร้านบัวลอยเผือกเจ้าดังหาได้ไม่ยาก โดยเผือกและมันเป็นสูตรผสมน้ำผึ้งทำให้รสชาติกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถใส่ถั่วเขียวต้ม ถั่งแดง ฟักทอง วุ้น และอื่นๆอีกมายมายลงในบัวลอยได้อีกด้วย
▌ชานมไข่มุก
เมนูที่คนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่จะให้เด็ดต้องลองต้นตำหรับอย่างไต้หวัน ที่ชาจะหอมใบชามากๆ แบบชาเป็นชา รสชาติกลมกล่อมไม่หวานมาก ไข่มุกหนึบหนับเคี้ยวเพลิน แถมน้ำแข็งไม่มากได้น้ำได้เนื้อ (ไข่มุก)แบบเต็มๆ จริงๆชาไข่มุกรสชาติดีเกือบทุกร้าน ที่แนะนำที่ ร้านลุง (เฉิน ขัด) ตั้งอยู่ที่ ตลาดกลางคืนกงกวน (Gongguan Night Market ) เมนูห้ามพลาดคือ ชานมไข่มุกแบบดั้งเดิม ที่ชาหอมมากๆ รสชาติหวานนิดๆ ไข่มุกต้มน้ำตาลทรายแดงเนื้อนุ่มหนึบๆกำลังดี
▌เต้าหู้เหม็น
เต้าหู้เหม็นเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับคนท้องถิ่น เป็นเต้าหู้หมักชนิดหนึ่งซึ่งมีกลิ่นที่มีเอกลักษณ์ถ้าฟังแค่ชื่ออาจให้ความรู้สึกไม่น่ากินเท่าไหร่ ยิ่งได้กลิ่นยิ่งไม่แน่ใจว่าจะลองดีรึเปล่า เมนูนี้ถ้าไม่ชอบก็เกลียดไปเลย แต่อย่างไรซะไปแล้วก็ต้องลองกันซักตั้ง เต้าหู้เหม็นจะมีทั้งแบบย่างและแบบทอด ยิ่งราดน้ำจิ้มยิ่งทำให้กลมกล่อมมากขึ้น แกล้มกับเครื่องเคียงอีกนิดอร่อยลืมไปเลย ร้านขายเต้าหู้เหม็นเห็นได้ทั่วไปในไต้หวัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถเข็น แต่ละเจ้าก็จะมีทีเด็ดแตกต่างกันไป แนะนำที่ ถนนโบราณเชงเคิง (Shenkeng Old Street) เนื่องจากถนนแห่งนี้เต็มไปด้วยร้านขายเต้าหู้นานาชนิด และมีเต้าหู้เหม็นย่างขึ้นชื่อ
▌หมี่นโถวไส้หมูตุ๋น Gua Bao pork buns
อีกหนึ่งเมนูอาหารข้างถนนของไต้หวัน ที่เป็นขนมปังนิ่งนิ่มๆแบบหมั่นโถวแล้วใส่ไส้เนื้อต่างๆย่าง โดยเฉพาะ หมู 3 ชั้นย่างหรือตุ๋น บางทีเรียกว่า ไต้หวันแฮมเบอร์เกอร์(Taiwanese hamburgers) กินกับผักต่างๆ หมูนิ่มๆ หอมๆ รสชาติดี
ซื้ออะไรดีที่ ไต้หวัน
ที่ไต้หวันแม้จะเป็นเกาะไม่ใหญ่แต่ก็มีหลายอย่างที่เป็นของดีของเด่น ห้ามพลาด ทั้งที่ราคาถูก หรือเป็นของเฉพาะหาจากที่อื่นไม่ได้
▌พายสัปปะรด
หรือที่คนไต้หวันเขาเรียกกันว่า “เจียเต๋อ” ฟังชื่อดูแล้วอาจจะรู้สึกธรรมดา เพราะที่เมืองไทยเราก็มีพายสัปปะรดขายกันอยู่ทั่วไป แต่พายสัปปะรดที่ไต้หวัน โดยเฉพาะแบรนด์ดังอย่าง Chia Te ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยและเป็นพายสัปปะรถสูตรดั้งเดิมของที่ไต้หวัน เนื้อแป้งพายจะเมื่อกัดแล้วจะไม่ร่วน แป้งไม่แข็งและไม่กรอบจนเกินไป ไส้ก็ไม่หวานมากนัก ทานคู่กับน้ำชายิ่งอร่อย นอกจากพายสัปปะรดแล้วก็ยังมีไส้อื่นๆอีกเช่น เชอร์รี่, สตรอเบอรี่, ลิ้นจี่
สถานที่ซื้อ: 7-11 (มีขายเฉพาะพายสัปปะรด), พายไส้อื่นๆต้องซื้อที่ร้าน Chia Te
ราคาโดยประมาณ: ชิ้นละ 27 บาท
▌รองเท้าผ้าใบ
หนึ่งในของขึ้นชื่ออีกอย่างของไต้หวันก็คือรองเท้าผ้าใบ ใครได้มาเที่ยวก็มักจะซื้อกลับไปกันเกือบทุกคน หรือบางคนตั้งใจมาซื้อที่ไต้หวัดโดยเฉพาะก็ที เพราะรองเท้าแบรนด์ดังต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Onitsuka tiger, Nike, Adidas, Reebok ล้วนแต่มีราคาที่ถูกกว่าบ้านเรามาก ยิ่งถ้าแบบไหนตกรุ่นไปแล้วก็จะนำไปลดราคาเพิ่มอีก แนะนำให้ไปซื้อที่ Carrefour เป็นห้าง Outlet ขนาดใหญ่ของไต้หวัน แต่ถ้าใครอยากได้รองเท้ารุ่นใหม่ๆลองไปดูที่ย่านช้อปปิ้งซีเหมินติง ได้
สถานที่ซื้อ: ห้าง Carrefour Outlet, ย่านช้อปปิ้งซีเหมินติง
▌ชานมไต้หวัน
แพคเกจดูดีมีชาติตระกูลแถมรสชาติยังอร่อยกลมกล่อมอีกด้วย หาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อต่างๆ มีหลายรสด้วยกัน แต่รสยอดฮิตก็คือขวดสีส้มเป็นรสชานม ขวดสีแดงคือกาแฟมอคค่า ส่วนสีขาวคือกาแฟลาเต้ สีเขียวคือรสชาเขียว และก็ยังมีรสอื่นๆให้เลือกอีกหลายรสด้วยกัน ถ้าใครชอบกินชานมแบบไม่หวานมากแนะนำว่าให้ลองชิม รสชาจะหอมและเข้มกว่าขานมที่บ้านเรา และหวานกำลังดี
สถานที่ซื้อ: 7-11 และ ร้านสะดวกซื้ออื่นๆ
ราคาโดยประมาณ: ขวดละประมาณ 30 บาท
▌ขนมเปี๊ยะเผือก Crystal Taro Cake
“Crystal Taro Cake” เป็นขนมเปี๊ยสีอมม่วง ด้านในเป็นไส้เผือก ดังมากที่ไต้หวัน เพราะเนื้อแป้งค่อนข้างละเอียดแล้วบาง ไส้เผือกเต็มๆคำ รสชาติกำลังดีไม่หวานหรือจืดเกินไป สำหรับใครที่ไม่ชอบทานเผือกพอได้ลองทานแล้วก็ยังติดใจ
สถานที่ซื้อ: หาซื้อได้ทั่วไปหรือที่ดิวตี้ฟรีที่สนามบินเถาหยวน
▌เครื่องสำอางค์แบรนด์ OGUMA
เครื่องสำอางค์ยี่ห้อนี้ดังมากที่ไต้หวัน หรือที่ไทยก็ฮิตไม่แพ้กัน โดยเฉพาะสเปรย์น้ำแร่ที่มียอดขายถึง 25 ล้านขวดเลยทีเดียว ใช้แล้วจะช่วยให้ผิวชุ่มชื่นสดใส ไม่แห้งตึง ใช้ได้เกือบทุกสภาพผิว ทางแบรนด์เขาเคลมว่าหากใช้ติดต่อกัน 7 วันก็จะเห็นผลได้ทันทีว่าผิวดีขึ้น เหมือนเป็นการเติมน้ำให้กับผิว
พักที่ไหนดีใน ไทเป ไต้หวัน
คนมาเที่ยวไต้หวันส่วนใหญ่คงหนีไม่พ้นมาที่เมืองไทเป(Taipei)ก่อน จีงจะขอแนะนำที่พักในเมืองไทเปกันซักหน่อย
ไทเปเป็นเมืองที่ค่อนข้างปลอดภัย เดินทางสะดวกสะบาย มีโรงแรมที่พักให้เลือกเยอะเหมือนๆกับหลายๆเมืองใหญ่ทั่วโลก ทั้งโรงแรมหรู 5 ดาว ไปจนถึงโฮสเทลราคาประหยัด มีย่านต่างๆให้เลือกพักมากมาย แต่ละย่านก็จะมีจุดเด่นแตกต่างกันออกไป มีทั้งใกล้กับแหล่งท่องเที่ยว ใกล้กับที่ช้อปปิ้ง หรือจะเป็นแหล่งหาของกินก็มี ขึ้นอยู่กับความต้องการของนักท่องเที่ยว ก่อนตัดสินใจจองที่พักลองดูข้อมูลของแต่ละย่านกันก่อนว่ามีย่านไหนน่าพักบ้าง
ย่านจงซาน Zhongshan
เป็นย่านที่เดินทางสะดวกมากเพราะมีสถานีรถใต้ดินจงซาน Zhongshan ซึ่งอยู่ถัดจากสถานีหลักอย่าง Taipei Main Station เพียงแค่ป้ายเดียว ที่ย่านนี้ยังเป็นแหล่งรวมร้านอาหารและร้านคาเฟ่มากมาย ส่วนจุดท่องเที่ยวที่สำคัญก็จะมี ตลาดกลางคืนซื่อหลิน Tamsui Fisherman’s Wharf, พิพิธภัณท์พระราชวังกู้กง, กระเช้าชมวิวเมาคง
ย่านว่านหัว Wanhua
ว่านหัวเป็นหนึ่งในย่านเก่าแก่ที่สุดของไทเป มีเรื่องราวประวัติศาสตร์อันยาวนานอย่างเช่นที่ วัดหลงซาน Longshan Temple และหากใครชอบช้อปปิ้งก็คงจะถูกใจเพราะมีแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ ซีเหมินติง อยู่ในย่านนี้ด้วย นอกจากนี้ยังเป็นย่านที่มีโรงแรมหรูระดับต้นๆอยู่หลายแห่งด้วยกัน สามารถเลือกพักได้ตามความชอบเลย
ย่านจงเซิง Zhongzheng
ย่านใจกลางเมืองไทเป แหล่งรวมสถานีราชการต่างๆ และมีที่เที่ยวชื่อดังอย่าง อนุสรณ์สถานเจียงไคเชก อยู่ด้วย นอกจากนี้ยังมีที่ช้อปปิ้งและตลาดพื้นเมืองให้เลือกเดินเล่นได้ แต่จะไม่ค่อยมีร้านอาหารและที่เที่ยวกลางคืนพวกผับหรือบาร์มากนัก แต่ที่พักต่างๆส่วนใหญ่จะมีวิวจากห้องพักที่สวยงาม มองเห็นเมืองไทเปในมุมกว้าง
ย่านซินยี่ Xinyi
ย่านนี้เต็มไปด้วยแหล่งช้อปปิ้ง ห้างสรรพสินค้าต่างๆ รวมถึงไนท์คลับและโรงแรมที่ส่วนใหญ่จะตกแต่งอย่างแปลกตาอีกด้วย และยังเป็นที่ตั้งของตึกไทเป 101 ซึ่งเป็นตึกที่สูงที่สุดของไต้หวัน สำหรับขาช้อปก็แนะนำให้พักที่ย่านนี้เพราะหลังจากเที่ยวในช่วงกลางวันแล้ว พอตกกลางคืนก็สามารถเดินช้อปปิ้งได้ตามสบาย สามารถเดินเอาของไปเก็บโรงแรมได้แล้วค่อยไปช้อปปิ้งต่อ
แผนที่ต่างๆของไต้หวัน และเมืองไทเป
แผนที่ต่างๆจะช่วยเห็นภาพของสถานที่ต่างๆและวางแผนเที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองนั้นง่ายขึ้นอีกเยอะทีเดียว
วิธีการเดินทางต่างใน ไต้หวัน
ไต้หวัน มีวิธีการเดินทางต่างๆที่ทันสมัย สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และที่สำคัญราคาไม่แพง เช่น ค่าโดยสารรถไฟใต้ดิน MRT มีราคาแพงกว่าของเมืองไทยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ในเขตตัวเมืองทั้งไทเป และเกาสง เกือบทั้งหมด รวมไปจนถึงเขตชานเมืองด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีรถไฟความเร็วสูง THSR ที่สามารถนั่งข้ามเมืองจากเหนือลงใต้ไปได้อย่างรวดเร็วมากๆด้วยเช่นกัน
▌ระบบรถไฟ MRT ของเมืองไทเป
รถไฟใต้ดินของไทเป หรือที่เรียกว่า MRT ปัจจุบันมีทั้งหมด 5 สาย บางช่วงอยู่บนดิน แต่ส่วนใหญ่ในเขตตัวเมืองจะวิ่งอยู่ใต้ดิน เริ่มให้บริการตั้งแต่เวลาประมาณ 06:00-24:00 บรรยากาศในตู้รถไฟโดยทั่วไปจะคล้ายกับที่ประเทศญี่ปุ่น ราคาค่าบริการจะเสียตามระยะทางที่เราไป เริ่มต้นตั้งแต่ 20 เหรียญไต้หวัน(NT$)จนถึง 60 เหรียญ ส่วนการใช้งานก็เหมือนกับรถไฟฟ้าบ้านเราเช่นกัน คือแตะไปที่แท่นตอนออกแล้วตอนเข้าเครื่องกั้น
การซื้อตั๋วจะมีอยู่หลักๆ 2 แบบเหมือนบ้านเรา คือแบบที่ซื้อเป็นเที่ยวๆเอาจากตู้ขายตั๋วอัตโนมัติหรือเค้าเตอร์ขายตั๋ว กับอีกแบบคือการใช้บัตรเติมเงินที่่เรียกว่า EasyCard ที่เป็นบัตรใบเดียวใช้ได้กับการเดินทางทุกประเภทในไทเป นอกจากนี้ก็จะเป็นประเภทตั๋วแบบเหมาจ่ายแบบรายวันอื่นๆ
▌รถบัส
รถประจำทางในไทเปเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีของการเดินทางไปยังที่ต่างๆ เพราะมีราคาที่ถูกกว่ารถไฟใต้ดิน MRT เล็กน้อย แต่สามารถไปถึงยังจุดหมายที่อยู่ห่างจากสถานีรถไฟได้เลยโดยแทบจะไม่ต้องเดิน อีกทั้งเครือข่ายรถบัสในไทเปนั้นครอบคลุมไปทุกที่อีกด้วย โดยรถบัสในไทเปจะมีเลข 1-3 หลัก และแบบที่มีตัวอักษรนำหน้า เช่น R30 ถ้าเป็นรถบัสตัวเลข 4 หลักคือพวกรถบัสวิ่งข้ามเมือง ส่วนป้ายที่จอกจะมีบอกเป็นภาษาจีนเป็นหลักแต่จะบอกพร้อมกับภาษาอังกฤษด้วย
ราคารถบัสจะคิดตามโซนที่เรานั่งซึ่งจะมีทั้งหมด 3 โซน เริ่มต้นที่โซนละ 15 เหรียญไต้หวัน(NT$) ถ้าเรานั่งข้ามโซนจะเสียเงินเพิ่มเป็น 30 เหรียญไต้หวัน(NT$) และนั่งผ่านไปอีกโซนจะเสียเพิ่มเป็น 45 เหรียญไต้หวัน(NT$)
▌เช่าจักรยาน YouBike
ไทเปได้รับฉายาว่าเป็นเมืองแห่งจักรยาน เพราะมีบริการเช่าจักรยานที่ชื่อว่า YouBike คล้ายๆกับที่ทำกันในกรุงเทพขณะนี้ คือจะมีสถานีให้เช่าจักรยานตามสถานนีรถไฟใต้ดินหรือสถานที่ท่องเที่ยว หรือตามสวนสาธารณะ แต่ที่ไทเปมีสถานีอยู่มากกว่า 150 จุด ีจักรยานให้บริการมากกว่า 5000 คัน เรียกว่าไปเที่ยวเมืองไทเป ยังไงก็ต้องเจอแน่ๆ อีกทั้งยังเป็นบริการแบบอัตโนมัติสามารถใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยที่เราสามารถยืมจากจุดหนึ่งแล้วปั่นไปคืนยังอีกจุดหนึ่งเลยก็ได้ สะดวกมากๆ ส่วนจักรยานที่นำมาให้เรายืมนั้นก็ไม่ใช่จักรยานคุณป้าทั่วไป แต่เป็นจักรยานคุณภาพดีจากบริษัท Giant ผู้ผลิตจักรยานชื่อดังของไต้หวันที่มีเกียร์ 3 สปีด ไฟหน้าและหลัง ตะกร้าใส่ของ และล็อกสำหรับติดจักรยานมาให้ด้วย
▌รถไฟความเร็วสูงข้ามเมือง THSR
รถไฟความเร็วสูงไต้หวัน THSR (TAIWAN HIGH SPEED RAIL) คือบริการรถไฟฟ้าความเร็วสูงระหว่างเมืองของประเทศไต้หวัน ปัจจุบันมีให้บริการแล้ว 12 สถานีตามหัวเมืองใหญ่ฝั่งตะวันออกของเกาะจากเมืองไทเปลงไปถึงเมืองเกาสงซึ่งเป็นสองเมืองใหญ่ที่สุดและถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ทั้งนี้ยังมีการเชื่อมเส้นทางเดินรถไฟเข้ากับสถานีรถไฟใต้ดินของทั้ง 2 เมืองซึ่งจะยิ่งสามารถอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวได้มากขึ้นด้วย
รถไฟฟ้า THSR วิ่งด้วยอัตราความเร็ว 300-315 กิโลเมตร/ชั่วโมง หากใครที่เคยนั่งรถไฟชิคันเซ็นของประเทศญี่ปุ่นมาก่อนก็คงจะคุ้นเคยกับความเร็วของรถกันเป็นอย่างดีเพราะรถไฟความเร็วสูงของไต้หวันเองก็ใช้รถที่นำเข้ามาจากญี่ปุ่นนั่นเองและนั่นก็สามารถมั่นใจได้เลยว่าคุณจะได้สัมผัสกับความเร็วติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกอย่างแน่นอน โดยเส้นทางจากสถานีต้นทาง Nangang ไปจนถึงสถานีสุดท้าย Zuoying ของเมืองทางตอนใต้ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงเท่านั้น
▌จากสนามบินเถาหยวนเข้าเมืองไทเปยังไง
สนามบินนานาชาติเถาหยวน(Taoyuan International Airport)เป็นสนามบินหลักที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของเกาะไต้หวัน อยู่ห่างจากตัวเมืองไทเปออกไปทางตะวันตกประมาณ 40 กิโลเมตร เป็นสนามบินที่เที่ยวบินส่วนใหญ่จากเมืองไทยจะมาลงจอดที่ Terminal 1 ของสนามบินนี้ วิธีการเดินทางเข้าเมืองที่คนนิยมกันมากที่สุดคือโดยรถไฟด่วน Airport Express Train ที่วิ่งยาวๆไปลงสถานีไทเปเลย มีรถวิ่งตั้งแต่ 6 โมงเช้าจนถึงเกือบๆเที่ยงคืน ทุกๆ 15 นาที ใช้เวลาประมาณ 35 นาที ราคา 160 เหรียญไต้หวัน นอกจากนี้ก็ยังมี รถไฟสายธรรมดา, รถบัส และแท๊กซี่
บัตรและพาสต่างๆใน ไทเป
กรุงไทเปนอกจากจะมีวิธีการเดินทางที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยให้เลือกหลากหลายแบบแล้ว ยังมีบัตรและพาสที่ยิ่งอำนวยความสะดวกและประหยัดได้มากขึ้นไปอีก โดยมีบัตรเติมเงินแบบ Prepaid เรียกว่า EasyCard ที่สามารถใช้ชำระค่าบริการได้ทุกระบบในเมืองไทเป ด้วยการแตะที่เครื่อง รวมทั้งหาซื้อได้ง่ายๆตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป หรือถ้าใครคิดว่าจะขึ้นลงเปลี่ยนรถกันบ่อยๆ ก็ยังมีบัตรพาสแบบเหมาจ่ายรายวันที่เรียกว่า Taipei Pass ซึ่งสามารถขึ้นได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งทั้งรถไฟ รถบัส มีให้เลือกตั้งแต่ 1-5 วันเลยทีเดียว
– บัตรเติมเงินแบบ EasyCard (悠遊卡 หรือ โยโย่ข่า) คือ บัตรที่สามารถซื้อได้จากระบบจำหน่ายตั๋วแบบอัตโนมัติ โดยครอบคลุมการใช้งานหลากหลายแบบโดยเฉพาะการเดินทางต่างๆ เช่น รถไฟใต้ดิน, รถบัส รถประจำทาง, ที่จอดรถ รวมไปถึงการใช้บริการร้านค้าสะดวกซื้อต่างๆ และการใช้บริการต่างๆของหน่วยงานภาครัฐด้วย เรียกได้ว่ามีบัตรเดียวเที่ยวได้ทั่วทั้งไต้หวัน การใช้งานได้ง่ายเพียงแตะบัตรบริเวณเซ็นเซอร์เพื่อทำธุรกรรม สามารถเพิ่มเงินลงในการ์ดได้ทุกเมื่อโดยไม่ต้องซื้อบัตรใหม่ คล้ายๆกับบัตรเดินทางต่างๆในเมืองไทยเช่น บัตรแรบบิทของ BTS และบัตรเดินทางของ MRT
– บัตร Taipei Pass เป็นบัตรเดินทางแบบเหมาจ่ายไม่จำกัดจำนวนครั้ง ตามระยะเวลาที่เราเลือกซื้อ ทำให้เป็นอีกหนึ่งความสะดวกสบายในการท่องเที่ยวในไทเปและเขตปริมลฑล(นิวไทเป) อย่างเช่น รถไฟใต้ดิน และรถประจำทาง ทำให้สะดวกและประหยัดกว่าการซื้อทีละครั้ง เที่ยวไทเปทั้งทีไม่มีไม่ได้แล้ว ราคาบัตรแบบ 1 วัน 180 เหรียญไต้หวัน 2 วัน 340 เหรียญ และ 5 วัน 700 เหรียญ หาซื้อได้ที่สถานีรถไฟใหญ่ Taipei Station
แพลนเที่ยวไต้หวันที่แนะนำ
เราขอแนะนำตัวอย่างโปรแกรมเที่ยวไต้หวันที่จะพาคุณไปพบเจอกับหลายๆมุมมองของไต้หวันไม่ใช่แค่อยู่แต่ในเมืองไทเป แพลนนี้อาจจะไม่ใช่แพลนที่ประหยัดที่สุดเพราะมีการเดินทางออกนอกเมืองไทเปรวมทั้งเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวที่เสียใช้จ่ายเพิ่ม อีกทั้งยังค่อนข้างจะอัดแน่นเรียกว่าเที่ยวกันตั้งแต่เช้าจรดดึกดื่นเลยทีเดียว แต่รับรองว่าคุณจะได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างหลากหลายเพื่อให้รู้จักไต้หวันได้ในหลายมุมมองมากขึ้น
โปรแกรมท่องเที่ยว ไต้หวัน แนะนำ 5 วัน 4 คืน
โปรแกรมวันแรกเพื่อให้คุณได้ปรับตัวกับการเดินทางและเรียนรู้วัฒนธรรมความเป็นอยู่ของชาวไต้หวันแท้ๆ การท่องเที่ยววันแรกจึงจะอยู่ในไทเปเป็นหลัก แม้ว่าจะเป็นเมืองเล็กแต่รับรองว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวให้คุณได้แวะชมไม่รู้เบื่อเลยทีเดียว
เริ่มต้นมื้อเช้าของวันที่ร้าน Fu Hang Dou Jiang ร้านอาหารเช้าแบบไต้หวันแท้ๆ เมนูอาหาร อาทิ โจ๊ก, ปาท่องโก๋, ซาลาเปาและยังมีน้ำเต้าหู้ขึ้นชื่อที่ดังที่สุดในไทเปอีกด้วย ร้านนี้ควรมาตั้งแต่เช้าเนื่องจากยิ่งสายคิวจะยิ่งยาว ใช้เวลาสัก 2 -3 ชั่วโมงเผื่อไว้หากต้องต่อคิวยาว
เวลาเปิดปิด: ตั้งแต่ 6.00 น. เป็นต้นไป
การเดินทาง: MRT สถานี Shandao Temple ทางออก 4 หรือ 5
จากนั้นไปเที่ยวต่อกันที่ อนุสรณ์สถานซุน ยัด เซ็น (Sun Yat-Sen Memorial Hall) อนุสรณ์สถานที่ตั้งขึ้นเพื่อรำลึกถึง ดร. ซุน ยัดเซ็น ผู้เป็นบิดาแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนก่อตั้งขึ้นในปี 1972 และยังเป็นอีกหนึ่งจุดชมดอกซากุระที่ได้รับความนิยมของไต้หวันอีกด้วย ใช้เวลาในการเดินชมและถ่ายรูปประมาณ 2 ชั่วโมง
เวลาเปิดปิด: 9.00 – 18.00 น.
การเดินทาง: MRT สถานี Sun Yat Sen Memorial Hall ทางออก 3
ตลาดปลาไทเป (Taipei Fish Market) แหล่งรวมอาหารทะเลใหญ่ที่สุดของไต้หวันมีการแบ่งโซนตลาดออกเป็นหลายๆ ส่วน อาทิ บ่อปลา อาหารญี่ปุ่น หม้อไฟ ปิ้งย่างและอื่นๆ โดยคุณสามารถเลือกอาหารทะเลจากแต่ละโซนแล้วให้ทางตลาดปรุงอาหารให้คุณได้เลยสดๆ ตามต้องการ ใช้เวลาเดินเล่นและแวะทานมื้อเที่ยงที่นี่สัก 2 ชั่วโมงกำลังดีเพื่อจะไปยังจุดท่องเที่ยวต่อไป
เวลาเปิดปิด: 6.00-24.00 น.
การเดินทาง:
– โดย MRT สถานี Zhongshan Junior High School ต่อรถแท็กซี่ไปยัง “ไถเป่ยหวี่ซื่อ” หรือสามารถเดินไปได้ในระยะทางประมาณ 1.2 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง
– โดยสารรถบัสสาย 49 จากสถานี Taipei Main Station ไปลงที่ 2nd Fruit and Vegetable Market และเดินต่อไปอีก 350 เมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 29 นาที
– โดยสารรถบัสสาย Red50 (R50) จาก MRT สถานี Yuanshan ทางออก 1 ไปลงป้ายที่ 3 The Second Wholesale Fruit and Vegetable Market ใช้เวลาเดินทางประมาณ 16 นาที
เดินเล่นชิลๆ ที่ Si Si Nan Cun Village in The City หมู่บ้านเล็กๆ แสนฮิป ด้วยความเก่าของอาคารบ้านเรือนสไตล์ตึกแถวโบราณ ในอดีตเคยเป็นหมู่บ้านข้าราชการทหารก๊กมินตั๋งมาก่อน โดยในหมู่บ้านนี้จะมีทั้งตึกสวยๆ และร้านขายของที่ระลึกแนวอาร์ทๆ เหมาะแก่การไปถ่ายรูปเดินเล่นสบายๆ ไม่ต้องเร่งรีบมากนัก ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงเพื่อเดินเล่นชมศิลปะและถ่ายรูป
เวลาเปิดปิด: อังคาร-อาทิตย์ เวลา 09.00 -16.00 น. ปิดทุกวันจันทร์แรกของเดือน
การเดินทาง: MRT สถานี Taipei 101 ทางออก 2
ชมวิว 360 องศา ที่ตึก Taipei 101 เคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกด้วยความสูงในขณะนั้น (มีความสูงประมาณ 500 เมตร) ตึก Taipei 101 มีการเปิดจุดชมวิวไว้ 2 ชั้นคือจากชั้น 89 และชั้น 91
- ชั้น 89 มีลักษณะเป็นห้องกระจกใสทรงกลม คุณสามารถเลือกถ่ายรูปจากชั้นนี้ได้แบบ 360 องศาทั่วทุกมุมของไทเป
- ชั้น 91 เป็นส่วนของการจัดแสดงนิทรรศการของตึก Taipei 101 ให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติและการสร้างตึกและยังมีลานกว้างที่คุณสามารถเดินออกไปรับลมชมวิวได้
หลังจากเดินถ่ายรูปชมวิวจนทั่วแล้วก็สามารถลงมาทานอาหารจากร้านภายในตึกได้ซึ่งมีร้านเสี่ยวหลงเปาเลื่องชื่อ Din Tai Fung Restaurant (เวลาเปิดปิด 11.00-21.30 น.) เปิดให้บริการอยู่ด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอีกหนึ่งร้านที่คุณไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด คุณสามารถใช้เวลาอยู่ในตัวตึกถ่ายรูปและทำกิจกรรมต่างๆ ประมาณ 3 ชั่วโมงเพื่อไปยังจุดท่องเที่ยวต่อไป
ค่าใช้จ่าย: NT$ 400 โดยขึ้นบันไดเลื่อนไปยังชั้น 5F เพื่อซื้อบัตรและขึ้นลิฟท์ความเร็วสูงไปยังชั้น 88 เพื่อเดินขึ้นต่อไปยังชั้น 89 และ 91
เวลาเปิดปิด: ศุกร์ – เสาร์ เวลา 11.00 -22.00 น. อาทิตย์-พฤหัสบดี เวลา 11.00 -21.30 น.
การเดินทาง: MRT สถานี Taipei 101
ตกเย็นชิมช้อปที่ ถนนคนเดินซือต้า (Shi-Da Night Market) ตลาดกลางคืนใจกลางเมือง ตั้งอยู่ในย่านมหาวิทยาลัยดังนั้นแน่นอนว่าทั้งตลาดจะเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร นอกจากอาหารแล้วยังมีร้านเสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่นราคาย่อมเยาขายอีกด้วย แวะเดินเล่นหรือซื้อของฝากและรับประทานอาหารก่อนกลับเข้าที่พักก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย
อุทยานแห่งชาติไท่ลู่เก๋อ (Taroko National Park)ตั้งอยู่ในเมืองฮัวเหลียนสุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ขึ้นชื่อยอดฮิตติด 1 ใน 3 ของไต้หวัน ชมทัศนียภาพของหุบเขาและเทือกเขาสลับซับซ้อนสวยงามของภูเขาหินอ่อนอันสูงใหญ่ โดยคุณสามารถใช้เวลาทั้งวันเพื่อเดินเที่ยวยังจุดต่างๆ
การเดินทาง: แนะนำโดยวิธีรถไฟธรรมดา TRA จาก Taipei ไปยังสถานี Hualien ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง เวลาเที่ยวแรก 6.00 น. และเที่ยวสุดท้ายเวลา 21.45 น. จากนั้นเลือกใช้บริการแท็กซี่หรือรถบัสนำเที่ยวอุทยานได้ตามต้องการ
คำแนะนำ: เลือกออกเดินทางด้วยรถไฟเที่ยวแรกจากนั้นจากเมืองฮัวเหลียนให้เลือกใช้บริการรถบัสท่องเที่ยวแบบ 1 วันจะประหยัดและสามารถจัดการเวลาท่องเที่ยวได้ภายใน 1 วันเพื่อเดินทางกลับไปยังไทเป
ค่าใช้จ่าย: รวมค่าเดินทางประมาณ NT$ 690
ถนนคนเดิน Tamsui old street หลังจากกลับมาจากอุทยานแห่งชาติไท่ลู่เก๋อ ซึ่งกว่าจะกลับเข้าไทเปก็คงเป็นเวลาค่ำแล้วหากว่าคุณยังไหวก็สามารถมาเดินเล่นรับลมชมวิวริมแม่น้ำยามค่ำคืนได้ที่ Tamsui old street ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่พักผ่อนยอดฮิตของคนท้องถิ่นและคู่รักชาวไต้หวันพร้อมทั้งสามารถฝากท้องมื้อค่ำกันที่นี่เลยก็ได้เช่นกัน ใช้เวลาเดินเล่นประมาณ 2 ชั่วโมง
การเดินทาง: MRT สถานี Tumsui ทางออก 1
ทะเลสาบสุริยันจันทรา (Sun Moon Lake) ตั้งอยู่ในเขตหนานเถาทางตอนกลางของไต้หวัน ทะเลสาบที่มีความสวยงามและถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม คุณสามารถเลือกทำกิจกรรมได้อย่างหลากหลายเมื่อมาถึงที่นี่ อาทิ นั่งเรือชมทิวทัศน์รอบทะเลสาบ ปั่นจักรยาน ชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก ขึ้นกระเช้าลอยฟ้าเพื่อชมวิวแบบ 360 องศาหรือการเดินเล่นรอบทะเลสาบเพื่อเพลิดเพลินกับบรรยากาศโดยรอบ โดยที่คุณจะเลือกเที่ยวแบบ 1 วันแล้วกลับไปไทเปหรือแบบ 2 วัน 1 คืนเพื่อเข้าพักที่ทะเลสาบแล้วรอชมพระอาทิตย์ขึ้นก็ได้เช่นกัน
การเดินทาง: วิธีการเดินทางที่เร็วที่สุดคือรถไฟความเร็วสูง HSR จาก Taipei ไปยังสถานี Taichung จากนั้นให้ต่อรถบัส Nantou เพื่อเดินทางไปยังทะเลสาบสุริยันจันทรา ระยะเวลาการเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง
ค่าเดินทาง: ประมาณ NT$ 350-1000 และรถบัส Nantou NT$ 190
ช้อปปิ้งก่อนกลับที่พักที่ ซีเหมินติง (Ximending) ตลาดกลางคืนชื่อดังย่านการค้าของไต้หวันแหล่งรวมสินค้าของฝากและอาหารขึ้นชื่อเอาไว้อย่างครบครันคุณสามารถซื้อของทานเล่นและชอปปิ้งที่นี่ก่อนกลับเข้าที่พักได้ หรืออีกหนึ่งกิจกรรมแนะนำคือแวะเที่ยวศูนย์การแสดงศิลปะร่วมสมัย The Red Houes ที่สร้างขึ้นในปี 1908 โดยภายในตึกจะมีการจัดแสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์และศิลปะและร้านค้าจำหน่ายสินค้าแฮนเมดสวยๆ ไว้ให้คุณเดินชมและสามารถหาซื้อเป็นของฝากที่ระลึกกลับบ้านได้จากที่นี่
การเดินทาง: MRT สถานี Ximen ทางออก 6
เริ่มต้นการท่องเที่ยวในวันนี้ด้วยการไหว้พระที่วัดหลงซาน (Longshan Temple) วัดชื่อดังเก่าแก่ของไต้หวันสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1783 หนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของไทเปที่ต้องไปเยือนและกราบไหว้ขอพร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
เวลาเปิดปิด: 06.00 – 22.00 น.
การเดินทาง: MRT สถานี Longshan ทางออก 1
อนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ค (National Chiang Kai-shek Memorial Hall) อนุสรณ์สถานที่สร้างเพื่อรำลึกถึงเจียงไคเช็ค ประธานาธิบดีผู้เป็นที่รักและศรัทธาของชาวไต้หวัน ไฮไลท์สำคัญคือช่วงทหารที่มาผลัดเปลี่ยนเวรยามกันทุกชั่วโมงและซุ้มประตูหินยิ่งใหญ่อลังการ ใช้เวลาเที่ยวชมและถ่ายรูปประมาณ 3 ชั่วโมง
เวลาเปิดปิด: 09.00-18.00 น.
การเดินทาง: MRT สถานี Chiang Kai – shek Memorial Hall ทางออก 5
เที่ยวหมู่บ้านโบราณจิ่วเฟิ่น (Jiufen Old Street) เมืองโบราณที่ตั้งอยู่บนภูเขา จุดเด่นคืออาคารและสิ่งปลูกสร้างโบราณที่ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง คุณสามารถฝากท้องไว้กับร้านอาหารที่นี่ได้ รวมทั้งกิจกรรมการชมวิวจากยอดภูเขาและชมพระอาทิตย์ตกดิน ใช้เวลาเดินเล่นและเดินทางรวมประมาณ 4-5 ชั่วโมง
การเดินทาง: MRT สถานี Zhongxiao Fuxing ทางออก 1 ต่อรถบัสสาย 1062 ไทเป – จิ่วเฟิ่น ค่าโดยสาร NT$ 102 หรือโดยสารแท็กซี่ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีค่าใช้จ่ายประมาณ NT$ 200 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง
ศึกษาประวัติศาสตร์ที่พิพิธภัณฑ์กู้กง (National Palace Museum) พิพิธภัณฑ์แห่งชาติของไต้หวัน แหล่งรวมสิ่งของสำคัญทางประวัติศาสตร์ ชิ้นงานศิลปะและโบราณวัตถุล้ำค่า 6 แสนกว่าชิ้นจากประเทศจีน โดยจะมีการจัดแสดงหมุนเวียนกันไปทุกๆ 3-4 เดือน ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ NT$ 250 แบบกลุ่ม NT$ 230 เด็กนักเรียนแสดงบัตร NT$ 150
เวลาเปิดปิด: เดือนเมษายน-ตุลาคม เวลา 08.30-18.30 น. เดือนพฤศจิกายน-มีนาคมเวลา 08.30-17.30 น.
การเดินทาง: MRT สถานี Shilin จากนั้นต่อรถบัสหมายเลข 255, 304
อุทยานแห่งชาติหยางหมิงซาน (Yangmingshan National Park) สถานที่ทางธรรมชาติที่สวยงามพร้อมความหลากหลายทางธรณีวิทยาและภูมิประเทศที่เป็นภูเขาไฟที่มอดดับแล้วรวมถึงจุดชมซากุระขึ้นชื่อของไต้หวันซึ่งจะบานก่อนที่ประเทศญี่ปุ่นเสียอีก ตลอดเส้นทางเดินระยะไกลปูด้วยหินและบันไดหินเพื่อความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ดังนั้นคุณจะสามารถพบเห็นชาวไต้หวันทั้งเด็กและผู้ใหญ่มาออกกำลังกายกันที่นี่เป็นจำนวนมาก เนื่องจากอยู่ห่างจากไทเปออกไปไม่ไกลการเดินทางสะดวก คุณสามารถใช้เวลาทำกิจกรรมและเที่ยวชมเส้นทางธรรมชาติโดยรอบได้จนถึงเย็นโดยไม่รู้เบื่อ
เวลาเปิดปิด: 07.00-17.30 น. (เฉพาะส่วนที่ทำการหลัก)
ค่าเข้าชม: ไม่มี
การเดินทาง: MRT สถานี Taipei Main ทางออก Y6 ต่อรถบัสหมายเลข 260 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที และสามารถใช้บริการมินิบัสของอุทยานเพื่อไปยังจุดชมวิวต่างๆ ได้ในราคา NT$ 15
ตกเย็นแวะชอปปิ้งที่ Gongguan ย่านการค้าใจกลางเมืองเนื่องจากตั้งอยู่ตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน (National Taiwan University) จึงกลายเป็นแหล่งรวมสินค้าแบรนด์เนมราคาถูกมากมายทั้งเสื้อผ้า รองเท้า น้ำหอม รวมถึงร้านอาหาร street food อร่อยๆ มากมาย
เวลาเปิดปิด: ตลาดเปิด 24 ชั่วโมง
การเดินทาง: MRT สถานี Gongguan ทางออก 4
ปิดท้ายทริปไต้หวันที่ซื่อหลินไนท์มาร์เก็ต (Shilin Night Market) จบการเที่ยวไต้หวันของคุณด้วยการเดินชอปปิ้งกันอีกรอบที่ซื่อหลิน ตลาดกลางคืนขนาดใหญ่ที่คนไต้หวันนิยมเดินมากที่สุดในไทเป มีทุกสิ่งให้เลือกสรรทั้งของกินและของใช้ราคาไม่แพง
การเดินทาง: MRT สถานี Jiantan ทางออก 1
โปรแกรมเที่ยวไต้หวันอื่นๆ
เรื่องอื่นๆที่ควรรู้เกี่ยวกับการเที่ยว ไต้หวัน
- การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ท สามารถใช้บริการ SIM การ์ดที่มีเฉพาะเน็ทอย่างเดียว หรือจะใช้แบบ Pocket WIFI ใช้ได้ทีละหลายๆคนก็ได้ ตกวันละประมาณ 100-300 บาท
- ประกันการเดินทาง มีให้เลือกมากมายหลายเจ้า ส่วนใหญ่จะแตกต่างกันที่ราคา การคุ้มครอง การเบิกจ่าย ส่วนการซื้อมีทั้งซื้อออนไลน์ ซื้อผ่านเอเจ้น หรือซื้อตามสาขาของประกันภัยเจ้านั้นๆ ที่ฮิตๆกันก็มี MSIG, ไทยประกันชีวิต, AIG, ทิพภยประกันภัย และอื่นๆอีกมากมาย มีราคาให้เลือกตั้งแต่วันละไม่กี่สิบบาทขึ้นไป
- เที่ยวไต้หวันได้ สูงสุดกี่วัน คนไทยสามารถไปเที่ยวญี่ปุ่นแบบไม่ต้องขอวีซ่าได้นานสุด 30 วัน