แนะนำ 45 ที่เที่ยวกาญจนบุรี สวย เยอะ ชิล ใกล้กรุงเทพ 2567
” ไปเที่ยวกาญจนบุรีกันเถอะ “
กาญจนบุรีเป็นหนึ่งในจังหวัดใกล้กรุงเทพที่เที่ยวได้ตลอดทั้งปี ไปได้บ่อยๆ เพราะมีเที่ยวมากมายไม่ต้องไปซ้ำ ทั้งอุทยานแห่งชาติ น้ำตก เขื่อน ที่ปีนเขา ชายแดนพม่า และยังอัดแน่นไปด้วยประวัติศาสตร์ตั้งแต่โบราณจนถึงการเป็นจุดยุทศาสตร์สำคัญในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เฉพาะแค่ในตัวอำเภอเมืองกาญฯก็มีที่เที่ยวมากมายให้เราไปพักผ่อนแล้ว
กาญจนบุรี ที่เที่ยวสวย คาเฟ่เยอะ ที่พักสุดชิล ไปง่ายใกล้กรุงเทพ
1. Tomi Edo park
Tomi Edo park จุดเช็คอินแห่งใหม่ พิกัดหลังวัดถ้ำเสือ กาญจนบุรี ที่นี่เป็นทั้งร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ มีสวนสวยฟิลญี่ปุ่นยุคเอโดะ ที่มีทั้งสถานีรถไฟโทมิฮาชิ สะพานแดง และสวนสไตล์ Zen สัมผัสบรรยากาศความเป็นญี่ปุ่น และชมวิวสวยของวัดถ้ำเสือได้แบบเต็ม ๆ พร้อมบริการให้เช่าชุดสไตล์ญี่ปุ่นใส่ถ่ายรูปสวย ๆ ค่าเช่าชุดราคา 200 บาท มัดจำ 100 บาท เท่านั้น เหนื่อยจากถ่ายรูปก็สามารถมาเติมพลังกันที่คาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นที่แบ่งเป็นหลายโซนให้เลือกนั่ง ทั้งห้องแอร์ สวนญี่ปุ่น นาข้าว สะพานแดง บ่อปลาคราฟ ศาลาญี่ปุ่นกลางทุ่งนา ให้บริการทั้งอาหารไทย อาหารญี่ปุ่น พิซซ่าญี่ปุ่น กาแฟ อิตาเลี่ยนโซดา ไอศกรีม และยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ให้เลือกทำ เช่น ให้อาหารปลาคราฟ เดินชมสวย และถ่ายรูปกันอย่างจุใจ
วันเวลาเปิดบริการ : เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 09.00 – 19.00 วันเสาร์ อาทิตย์ เปิดเวลา 09.00 – 20.00 น.
ค่าเข้าชม : ค่าเข้าชม 100 บาท สามารถนำมาแลกเครื่องดื่มฟรี 1 แก้ว หรือแลกพิซซ่าญี่ปุ่นได้ฟรี 1 ชิ้น หรือ🥮 ไอศกรีมซอฟเสริฟฟรี 1 แท่ง หรือใช้เป็นส่วนลดอาหารเครื่องดื่ม เด็ก ๆ ที่ ส่วนสูงต่ำกว่า 100 ซม. สามารถเข้าฟรี
Official Facebook Page – www.facebook.com/p/Tomi-Edo-Park-登美江戸公園-100090948514563/
2. วัดถ้ำเขาชะอางค์
วัดถ้ำเขาชะอางค์ ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองไผ่ อำเภอด่านมะขามเตี้ย กาญจนบุรี เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนยอดเขา มองเห็นวิวด้านล่างและบริเวณโดยรอบได้อย่างสวยงาม มีบรรยากาศร่มรื่น สงบ ต้นไม้เยอะ ไฮไลน์อยู่ที่รูปปั้นอากงเทพเจ้าเห้งเจีย ที่ตั้งอยู่บริเวณปากทางเข้าถ้ำ สมารถมากราบไหว้ขอพรกันได้ ซึ่งเชื่อกันว่าอากงเทพเจ้าเห้งเจียนั้น เป็นเทพที่มีอิทธิฤทธิ์ในการปราบศัตรู มีสติปัญญาปราดเปรื่อง และมีความคล่องแคล่ว ว่องไว หากผู้ใดกราบไหว้บูชาจะมีสติปัญญาดี มีไหวพริบ กล้าหาญ และจะปราศจากภัยร้าย นอกจากนี้ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดให้กราบไหว้ขอพร อีกหลายจุด เช่น หลวงปู่เพชร พญาเต่าเรือน และปู่สิงห์ดำ เป็นต้น หลังอิ่มบุญกันแล้วยังสามารถเดินชอปปิงซื้อข้าวของจากผลิตภัณฑ์ที่ชาวบ้านในพื้นที่นำมาจำหน่าย ซึ่งมีทั้งร้านค้าชุมชน ร้านอาหาร เครื่องดื่ม และของฝาก พร้อมลานจอดรถกว้างขวาง มีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกให้เสร็จสรรพ
วันเวลาเปิดบริการ : เปิดทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น.
ค่าเข้าชม : ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย อาจร่วมทำบุญกับวัดตามกำลังศรัทธา
Facebook – www.facebook.com/p/อุทยานพระใหญ่ถ้ำเขาชะอางค์-100083141810557/
3. Sunflower camp
Sunflower camp เป็นทุ่งทานตะวันขนาดใหญ่ มีพื้นที่กว่า 40 ไร่ ตั้งอยู่ที่ถนนสาย 323 เส้นไทรโยค-กาญจนบุรี ห่างจากสี่แยกแก่งเสี้ยนไปประมาณ 6 กิโลเมตร โดยทุ่งทานตะวัน Sunflower camp มีวิวด้านหลังเป็นภูเขาสลับซับซ้อนสวยงาม ถ่ายรูปได้แบบจุใจ สวยทุกมุม โดยเฉพาะไฮไลท์ตรงชิงช้าสวรรค์สีขาวตัดกับสีเหลืองของท้องทุ่งกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา รับรองว่ากดชัตเตอร์แบบรัว ๆ เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีร้านขายของที่ระลึกน่ารัก ๆ ให้ซื้อกลับบ้าน โดยเฉพาะไอติมดอกทานตะวัน น่ารักจนไม่กล้ากิน ส่วนคนรักสัตว์นั้นก็สามารถนำน้อง ๆ สัตว์เลี้ยงเข้าไปเที่ยว ถ่ายรูปด้วยได้ แต่ต้องมีสายจูง หรือรถเข็น และดูแลอย่างใกล้ชิด
วันเวลาเปิดบริการ : เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.30 น.
ค่าเข้าชม : คนละ 50 บาท เด็กสูงไม่เกิน 100 ซ.ม. เข้าชมฟรี
Official Facebook Page – http://Sunflower-camp-1.jpg
4. พิพิธภัณฑ์บ้านเก่า
พิพิธภัณฑ์บ้านเก่า ตั้งอยู่ที่ ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมืองกาญจนบุรี เป็นสถานที่เก็บรวบรวม รักษา และจัดแสดงโบราณวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ที่ขุดได้จากแหล่งโบราณคดีบ้านเก่า และแหล่งโบราณคดีอื่น ๆ ในจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยยุคหิน มีความล้ำค่า หาชมยาก และมีคุณค่าสำหรับคนรุ่นหลัง ภายในอาคารมีการจัดแต่งสถาปัตยกรรมอย่างสวยงาม และมีความทันสมัย มีทั้งวิดีทัศน์ แสง สี เสียง ประกอบการจัดโชว์อย่างสวยงาม ซึ่งนอกจากจะได้รับความรู้แล้ว ยังได้ความเพลิดเพลินใจกลับบ้านอีกด้วย จัดเป็นอีกหนึ่งสถานที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนเมืองกาญจนบุรี
วันเวลาเปิดบริการ : เปิดวันพุธถึงอาทิตย์ เวลา 09.00 – 16.00 น.
ค่าเข้าชม : ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท
5. Maple Gardens – สวนเมเปิ้ล
สวนดอกไม้สุดยิ่งใหญ่ที่เปิดให้เข้าชมแค่ปีละครั้งในช่วงฤดูหนาว ภายในแบ่งเป็น 3 โซน คือ โซนแปลงดอกไม้เมืองหนาว ที่มีไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวมากมายหลากสีสัน ถือเป็นไฮไลท์ของสวน เพราะมีจุดให้ถ่ายรูปมากมาย และสวยงามแบบไม่ซ้ำมุมเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีสวนลำไยและสวนเกษตร โดยเราสามารถซื้อบัตรบุฟเฟ่ต์เพื่อทานลำไยที่ทางสวนได้เตรียมไว้ได้แบบไม่อั้น แถมยังมีซุ้มให้นั่ง สามารถมาปิคนิครับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มกันได้แบบชิล ๆ ท่ามกลางบรรยากาศใต้ต้นลำใย และยังมีแปลงพืชผักสวนครัวปลูกไว้หลายแปลง ซึ่งผลผลิตที่ได้ทางสวนก็นำมาขายกันสด ๆ เราสามารถซื้อกลับบ้านได้ด้วยนะครับ และโซนสุดท้ายคือโซนคาเฟ่ ที่มีอาหาร ขนมและเครื่องดื่ม ให้บริการ
วัน – เวลา เปิด ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 น. – 18.00 น.
บัตรเข้าชม : ราคา 120 ต่อคน เด็กอายุต่ำกว่า 7 ปี เข้าชมฟรี
6. The Village Farm to Café
กลิ่นอายความฟาร์มมาเต็มสำหรับคาเฟ่นี้ ดีไซน์ของตึกนี่สะดุดตาสะดุดใจแบบสุดๆ มันมีความฟาร์มแต่ก็ออกอาร์ตๆโมเดิร์นๆเก๋ดีไม่หยอก แต่ละโซนก็จะมีการออกแบบที่แตกต่างกันไป แต่มีอะไรที่เหมาะสำหรับทุกๆคน
7. น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น
“น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น” ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ถ้าพูดถึงในแถบนี้เชื่อว่าน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นนี่ยืนหนึ่งเรื่องความงดงามที่ไม่เป็นสองรองใครเลยล่ะค่ะ ด้วยทั้งความสมบูรณ์ของตัวป่าไม้และแหล่งน้ำ รวมไปถึงตัวน้ำตกเองที่มีจุดกำเนิดน้ำจากเทือกเขากะลาในแถบทิศตะวันตกของอุทยานแห่งนี้
8. สะพานมอญ
สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่ที่อำเภอสังขละบุรี เป็นสะพานไม้ที่สร้างข้ามแม่น้ำซองกาเรีย เพื่อเชื่อมสองชนชาติคือชาวกระเหรี่ยงและชาวมอญที่อยู่กันคนละฝั่งแม่น้ำ ได้ใช้สัญจรไปมาหาสู่กัน จึงทำให้สะพานแห่งนี้เป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมของผู้คนในท้องถิ่นให้มีความรักและผูกพัน แม้ต่างชนชาติและภาษา
นอกจากความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมแล้ว บริเวณสะพานมอญยังมีทิวทัศน์ที่สวยงามมาก ทั้งทิวเขาที่โอบล้อมรอบเมือง บ้านเรือนสองฝั่งแม่น้ำ และวิวของเขื่อนเขาแหลม โดยในตอนเช้าของทุกวันจะมีการตักบาตรแบบวิถีมอญที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เราสามารถร่วมตักบาตรกับชาวมอญได้ด้วยนะครับ หรือจะเดินเล่น ชมวิว ซื้อข้าวของและถ่ายรูปคู่กับเด็ก ๆ ชาวมอญก็ได้เช่นกัน
วัน-เวลา เปิด ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
9. เขาสันหนอกวัว
“เขาสันหนอกวัว” ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติเขาแหลม อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี โดยถือว่าเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งมีความสูงประมาณ 1,767 เมตร จากระดับน้ำทะเล สายลุยนี่ห้ามพลาดเลยค่ะเพราะระยะทางเดินก็ไม่ไกลมากประมาณ 9 กิโลเมตร ระยะทางไปกลับเกือบยี่สิบกิโลก็พอไหวเนอะวัยรุ่น วัยรุ่นนี่อยู่ที่ใจและร่างกายใช่อายุน้า แต่เชื่อเถอะค่ะว่าทุกความเหนื่อยและความชันที่เราได้ก้าวผ่านพ้นไป มันมีวิวดีๆแบบพาโนราม่าแบบที่สวยสุดจิตสุดใจ
10. THE KeeRee
THE KeeRee คาเฟ่ริมภูเขาเน้นตกแต่งด้วยโทนสีขาวและสีดำ มีความมินิมอลที่ผสมผสานกับสไตล์นอร์ดิกได้อย่างลงตัว ตัวร้าน แบ่งเป็น 2 โซนคือ โซนคาเฟ่ และโซนร้านอาหาร จุดเด่นของร้านอีกจุดคือมีหน้าต่างวงกลมขนาดใหญ่เหมาะที่จะเป็นมุมถ่ายรูปมาก ๆ อาหารภายในร้านมีทั้งคาว หวาน เครื่องดื่มครบ ภายในร้านตกแต่งแบบเรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความน่ารัก ที่นั่งของร้านด้านนอกมีหลายมุมให้เลือก สายถ่ายรูปต้องไม่พลาดร้านนี้เพราะมีมุมสวย ๆ ให้เลือกได้อย่างจุใจ
วันและเวลาเปิดปิด จันทร์ พุธ และศุกร์ 10.00 – 19.00 น. / เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 09.00 – 19.00 น.
ที่ตั้ง 205 ต.พังตรุ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
11. น้ำตกผาสวรรค์
“น้ำตกผาสวรรค์” ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี นับว่าเป็นน้ำตกที่ว่ากันว่างดงามมากที่สุดของทองผาภูมิ ธรรมชาติยังคงอุดมสมบูรณ์อย่างเนืองแน่น น้ำตกแห่งนี้มีทั้งหมด 7 ชั้นด้วยกัน ความเก๋มีอยู่ที่ชื่อนี่เองไม่ว่าจะเป็น ธารสวรรค์ อ่างหินกินรี อ่างถ้ำแก้ว ผาคนธรรม์ ผาเทพบุตร ผาพิรุณ และผาสวรรค์ ซึ่งน้ำตกผาสวรรค์นั้นนับว่ามีทั้งความสูงที่สุดกว่า 80 เมตร และยังได้รับตำแหน่งน้ำตกที่งามปังสุดอีกด้วย
12. วัดถ้ำเสือ
วัดถ้ำเสือ เป็นวัดที่โดดเด่นด้วยองค์พระองค์ใหญ่บนภูเขาที่เห็นแต่ไกล มีเจดีย์ที่เด่นไม่แพ้กัน ผู้คนที่มีแรงศรัทธาเมื่อได้มาจังหวัดกาญจนบุรี จะไม่พลาดที่จะขึ้นไปกราบพระพุทธรูปองค์ใหญ่ และสักการะพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานอยู่ในพระเจดีย์เกศแก้วปราสาท
13. The Covent Cafe Kanchanaburi
The Covent Cafe Kanchanaburi คาเฟ่สไตล์โมเดิร์นลอฟท์ดีไซน์ตัวร้านเป็นวงกลม แปลกตา สวยงามโดดเด่นไม่เหมือนใคร ภายในมีสวนตรงกลางและน้ำตก มีบันไดสามารถขึ้นไปชมวิวบนดาดฟ้าได้ ในโซนห้องแอร์ก็มีให้เลือกนั่งหลายมุม กระจกใสรอบร้านเวลาแสงส่องคือสวยมาก ส่วนด้านนอกก็จะเป็นโซนสนามหญ้าพร้อมกับมุมชิงช้า มีห้องไพรเวทสำหรับจองจัดปาร์ตี้ส่วนตัวได้ด้วย ร้านเป็นแนวคาเฟ่มีทั้งกาแฟ เบเกอรี่ และอาหารให้ทาน กาแฟของที่นี่ดีมากเหมาะกับคนรักกาแฟ
ที่ตั้ง 99/8 ม.1 ถ.แสงชูโตเก่า ต.วังขนาย อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
14. Lake Heaven Resort & Park
เลคเฮฟเว่น รีสอร์ตแอนด์พาร์ค รีสอร์ตกลางน้ำจังหวัดกาญจนบุรี เป็นบ้านพักกลางน้ำ ติดแอร์ สไตล์มัลดีฟส์ ที่ใครไปเที่ยวกาญจนบุรีแล้วต้องไม่พลาดที่จะเข้าพักที่นี่เป็นอันขาด เพราะบรรยากาศเหมือนได้ไปเที่ยวมัลดีฟส์เลยก็ว่าได้ ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือสไลเดอร์ขนาดใหญ่ สูงประมาณตึกเกือบ 3 ชั้น ใครที่ชอบความท้าทายบอกเลยว่าต้องได้ลองเท่านั้นยังไม่พอยังมีกิจกรรมล่องแพเปียก ที่สนุกสุดเหวี่ยง และกิจกรรมทางน้ำอีกมากมาย คุณจะสนุกสนานและเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมที่ทางรีสอร์ตได้เตรียมไว้ให้ ที่สำคัญยังมีอาหาร 3 มื้อเตรียมรับรองไว้ให้อีกด้วย ราคาเริ่มต้นที่ 3,500 บาท พักได้ 2 ท่าน สามารถเสริมได้ 1 ท่าน เลือกพักได้ทั้งโซนบกและโซนน้ำ
15. At Wild Cafe & Restaurant
At Wild Cafe & Restaurant คาเฟ่กาญจนบุรีที่อยู่ไม่ไกลจากน้ำตกไทรโยคน้อย ตัวร้านซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางหุบเขามีดีไซน์ที่โดดเด่นสะดุดตา ตัวร้านออกแบบเป็นสไตล์ลอฟท์มีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นวิวด้านนอกได้อย่างเต็มที่ ภายในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์โทนสีน้ำตาลและดำ ทางร้านมีที่พักชื่อ At Wild Camping ที่พักติดภูเขาที่ให้ความรู้สึกเหมือนมาตั้งแคมป์เปิดให้บริการอยู่ด้วย แนวโทน Dark & Wood ตรงบริเวณเคาน์เตอร์มีลูกเล่นด้วยการโรยกรวด ร้านกว้าง นั่งสบาย รอบตัวร้านเป็นสนามหญ้ากว้าง มีไก่เดินเล่นข้างนอกด้วย ร้านนี้มีครบทั้งอาหาร ของหวานและเครื่องดื่ม รสชาติอร่อยราคาไม่แพง แถมมีมุมถ่ายรูปเยอะมาก ๆ ใครที่ชอบถ่ายรูปพลาดไม่ได้
ที่ตั้ง ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
17. อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เขาช้างเผือก
18. เหมืองปิล็อก
บ้านอีต่อง เหมืองปิล็อก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชมธรรมชาติ ที่นัดพบของคนชื่นชอบการเที่ยวป่าเขา และพักแบบได้สัมผัสใกล้ชิดกับความเป็นอยู่ และคนในพื้นที่สไตล์โฮมสเตย์ มีอากาศบริสุทธิ์และทะเลหมอกสวยงาม จึงมีนักท่องเที่ยวมากมายไปเยือนพร้อมทิ้งหลักฐานแผ่นป้ายชื่อแขวนไว้ กลายเป็นแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวยิ่งขึ้นไปอีก
19. พิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด
“ช่องเขาขาด” นั้นตั้งอยู่บริเวณกองส่งเสริมการเกษตรและสหกรณ์ หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี โดยในอดีตที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟสายมรณะจากไทยไปยังประเทศพม่าที่ดูแลโดยกองทัพญี่ปุ่น จากความโหดร้ายและความยากลำบากของเชลยศึกจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ต่างก็ต้องทำงานที่ทั้งยาวนานในแต่ละวัน ไร้ซึ่งอุปกรณ์ช่วยในการสร้างทุกอย่างแทบต้องทำด้วยมือแม้แต่การสกัดหิน รวมทั้งการดูแลทางการแพทย์ที่ไม่เพียงพอ ทำให้ที่นี่ได้ถูกขนานนามว่าเป็น “ช่องไฟนรก”
20. ต้นจามจุรียักษ์
“ต้นจามจุรียักษ์” หนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองกาญจนบุรีที่สายชิลไม่ควรพลาด ต้นจามจุรี หรือที่หลายๆคนรู้จักกันในชื่อ “ต้นก้ามปู” แห่งนี้นั้นยักษ์จริงจังสมชื่อด้วยความสูงมากถึง 30 เมตร ทั้งด้านอายุที่มีมากถึง 100 ปี ซึ่งแตกกิ่งก้านสาขาเป็นวงกว้างใหญ่โตอย่างไม่น่าเชื่อทำให้หลายๆคนต้องเดินทางไปชมและถ่ายรูปเช็คอินความงามและอลังการของต้นไม้ต้นนี้กัน
21. CHAN nature cafe
CHAN nature cafe คาเฟ่แสนอบอุ่นสไตล์นอร์ดิก โดดเด่นด้วยกังหันลมขนาดใหญ่และชานที่ยื่นออกไปชมวิวธรรมชาติที่สวยงาม มีสวนดอกมาเร็ตสีม่วงแสนสวยซึ่งจะมีให้ชมในช่วงฤดูหนาวถึงต้นฤดูร้อน มีแคคตัสหลากหลายสายพันธุ์ในโรงเรือนให้ได้ถ่ายรูปสวย ๆ อีกด้วย ให้อารมณ์เหมือนนั่งคาเฟ่ที่ประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งมีเมนูจากมัทฉะที่พลิกแพลงมาทำเป็นเครื่องดื่มอีกหลากหลายเมนู เป็นคาเฟ่ที่อยู่ในเครือเดียวกับ The Village Farm to Cafe แต่เป็นโซนด้านหลังที่สามารถเดินเชื่อมถึงกันได้ ร้านนี้มีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้าซึ่งเป็นพื้นที่ของ Village Farm และยังมีวิวภูเขาที่แสนร่มรื่นให้ได้นั่งดูวิวกันได้อีกด้วย ที่สำคัญมีชิงช้าที่เข้ากับการตกแต่งของร้านให้นั่งเล่นชมวิวภูเขาได้ด้วย
วันและเวลาเปิดปิด 9.00 -20.00 น.
ที่ตั้ง 73/1 ซอย เทศบาล ตำบลแก่งเสี้ยน อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี
22อุทยานแห่งชาติไทรโยค
เป็นพื้นที่ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของที่นี่ คือ น้ำตกไทรโยคน้อย น้ำตกไทรโยคใหญ่ และถ้ำละว้า ภายในอุทยานยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ มีสะพานแขวนที่สามารถชมวิวแม่น้ำน้อยและน้ำตก มีบ้านพักและลานกางเต้นท์ให้บริการ และยังมีแพพาล่องชมน้ำตกอย่างใกล้ชิด โดยเราสามารถลงเล่นน้ำตกได้อีกด้วยครับ
วัน – เวลา เปิด ปิด : เปิดให้เที่ยวชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.
อัตราค่าเข้าอุทยาน : ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท บุคคลชาวต่างประเทศ ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 200 บาท และอัตราค่าบริการสำหรับยานพาหนะ รถยนต์ 30 บาท รถจักรยานยนต์ 20 บาท
23. RAVI RIVA CAFE
ราวี รีวา คาเฟ่ชิคๆอินสไตล์วินเทจบรรยากาศริมน้ำมองวิวไปจิบกาแฟไปอย่างเพลิน การตกแต่งเน้นแนวอิฐเปลือยๆท่ามกลางสวนสวยๆสไตล์อังกฤษน่านั่งไม่เบา มุมถ่ายรูปนี่เยอะมากๆ แต่ละจุดเค้ามีความใส่ใจในรายละเอียดทั้งเครื่องเรือน องค์ประกอบต่างๆ และแสงที่ถ่ายรูปขึ้นเว่อร์ ถ้าช่วงพีคๆมานั่งโซนระเบียงริมน้ำท่ามกลางพระอาทิตย์ที่ค่อยๆลาลับขอบฟ้า บอกเลยว่าสวยสะท้านใจ
เวลาเปิด-ปิด – เปิดทุกวัน 10.00-22.00
24. The Sense Resort Kanchanaburi
เดอะเซ็นส์รีสอร์ต กาญจนบุรี เป็นรีสอร์ตดังที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ โดยการออกแบบที่พักสไตล์บูติค ที่แบ่งออกเป็น 2 โซน คือแบบ The Jungle Room วิวล่าในป่า และ The Lake Jacuzzi Room ห้องฟรีมิมิบาร์ ซึ่งทั้งสองโซนนั้นจะกลมกลืนกับธรรมชาติ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและสร้างความประทับใจให้กับแขกที่มาพักตั้งแต่ก้าวเข้ามา อีกทั้งยังมีสระว่ายน้ำ สปาและห้องอาหารในตัวให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวเป็นอย่างมาก ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 8,000 บาท
25. ฺฺBanana Farm
Banana Farm เริ่มจากการแปรสภาพไร่กล้วยมาเป็นคาเฟ่สุดแนว ชมวิวไร่กล้วยและต้นกล้วยแบบมุมสูง พร้อมเมนูหลากหลายจากกล้วย ทั้งอาหาร เครื่องดื่มและขนมต่าง รวมทั้งการเดินเล่นชมวิวไร่กล้วย ที่สวยไม่ใช่เล่นๆ
เวลาเปิด-ปิด – หยุดทุกวันจันทร์ เปิด 09.00-20.00
26. Meena Cafe
มีนา cafe’ คาเฟ่สุดชิลกลางทุ่งนา ไฮไลท์อยู่ที่สะพานไม้ที่ทอดยาวโค้งไปตามท้องนา ฉากหลังเป็นวัดถ้ำเสื้อที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขา ขอบอกว่าที่คาเฟ่นี้มุมถ่ายรูปเพียบ ไม่ว่าจะเป็นตัวคาเฟ่ที่มีทั้งโซน Indoor และ Outdoor ที่นั่งเล่นตาข่ายไว้สำหรับนอนชมวิวสูดอากาศธรรมชาติ หรือจะเป็นกระท่อมกลางนามุมถ่ายรูปยอดฮิต เรียกได้ว่าสามารถเดินเล่นถ่ายรูปได้แบบไม่มีเบื่อ ถ้าหากใครมาเจอช่วงที่ข้าวออกรวงก็จะเป็นสีทองไปทั้งท้องทุ่ง มันสวย มันดีย์ มันใช่ ไปเถอะ ไม่ผิดหวังแน่นอน
เวลาเปิด-ปิด – เปิดทุกวัน 8.30-18.30
27. TARA VILLA
ธารา วิลล่า เรียกได้ว่าความเรียบหรูดูดีนี่ยืนหนึ่งไปซะทุกมุมมอง ทั้งดีไซน์ที่เน้นเรียบง่ายก็จริงแต่ด้วยการการออกแบบสไตล์โมเดิร์น เฟอร์นิเจอร์เน้นไม้ และสีเอิร์ธโทนมันทำให้มองแล้วสบายตาไปหมดทุกสิ่งอย่าง บวกกับทัศนียภาพอันเขียวขจีรายล้อมรอบด้าน รวมทั้งยังติดริมแม่น้ำแควที่พาให้ได้รับความสดชื่นแค่เพียงนั่งชมชิลๆเท่านั้นเอง แล้วถ้าอยากออกกำลังกายเบาๆเค้าก็มีบริการโยคะริมน้ำฟรีให้ได้ยืดเส้นยืดสายกันเพลินๆ
ราคาเริ่มต้นประมาณ 5,000 บาท
ข้อมูลเพิ่มเติม
https://www.facebook.com/taravillariverkwairesort/
28. Lakeview Cafe
เวลาเปิด-ปิด – ปิดทุกวันพุธ เปิด 9.00-19.00
29. สะพานข้ามแม่น้ำแคว
“สะพานข้ามแม่น้ำแคว” หนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญของอำเภอเมืองกาญจนบุรีที่เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จักกันอย่างแน่นอน โดยจะเป็นสะพานข้ามแม่น้ำแควใหญ่สำหรับรถไฟ มีโครงสร้างเหล็กครึ่งวงกลม สลับโครงสร้างถักสไตล์โบราณๆ ทั้งยังเป็นหนึ่งในเส้นทางประวัติศาสตร์ที่สร้างขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย ที่สำคัญในปัจจุบันก็ยังคงเป็นเส้นทางที่ยังคงมีการสัญจรของรถไฟตามปกติด้วย
30. TongKan Café
TongKan Cafe คาเฟ่สไตล์มินิมอล ติดริมน้ำ ให้อารมณ์เหมือนนั่งร้านคาเฟ่ที่ชายหาดชิล ๆ ร้านตกแต่งสไตล์บาหลี มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมาก ๆ เหมาะสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปและต้องการวิวสวย ๆ ที่นั่งมีให้เลือกทั้งแบบโซนอินดอร์แอร์เย็นๆ โซนเอาท์ดอร์ที่สามารถชื่นชมธรรมชาติรอบตัวได้อย่างจุใจ โดยแบ่งเป็นโซนใต้ร่มไม้ โซนบีนแบควิวแม่น้ำ ที่พลาดไม่ได้คือมีแพห้อยขาริมแม่น้ำด้วย ร้านนี้มีทั้งอาหารคาว อาหารหวาน เครื่องดื่มรสเลิศครบแบบไม่ต้องไปหาที่ไหนอีกแล้วด้วย
วันและเวลาเปิดปิด 10.00 น. – 22.00 น.
ที่ตั้ง 10 ถ.ลาว ต.ท่ามะขาม อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี
31. Villa la Flora
Villa la Flora เป็นที่พักน่ารักสไตล์บ้านดินสีขาวสะอาด + ความอิงลิงคันทรี่ ซึ่งร้านคาเฟ่จะอยู่ด้านหน้าของโรงแรมที่ใครก็สามารถแวะเข้ามาชิมเครื่องดื่ม อาหารและขนม และนั่งชิลถ่ายรูปก็ได้
32. Z9 resort
โรงแรมกลางแม่น้ำ เปิดใหม่ของจังหวัดกาญจนบุรี ที่ทั้งสวย ทั้งแปลก อลังการสุดๆ การันตีด้วยรางวัลออกแบบระดับโลกมากมาย ตั้งแอบอยู่อย่างสงบริมแม่น้ำแคว พร้อมด้วยไฮไลท์บ้านพักดีไซน์แปลก ลอยอยู่กลางแม่น้ำ เป็นมิติใหม่ของการนอนแพที่ต้องไปโดนมากๆ
ราคาเริ่มต้นประมาณ บาท
33. BARME Tea&Taste บารมี ทีแอนด์เทสต์
BARME Tea&Taste เป็นคาเฟ่บนเนินเขา ที่มีโซนให้ถ่ายรูปมากมายทั้ง indoor และ outdoor แบบสวยทุกมุม อัพ social ได้แบบรัวๆ ชมวิว มุมสูง กว้างไกล ทั้งสายน้ำและทิวเขาแบบ 180 องศา
34. สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก
35. โรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี
“โรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี” นั้นตั้งอยู่บริเวณริมถนนแสงชูโต ในแถบตัวเมืองกาญจนบุรี ปัจจุบันเปิดทำการแล้ว แซึ่งเคยรุ่งเรืองจนเป็นโรงงานการกระดาษแห่งที่ 2 ของประเทศไทย บนพื้นที่กว่า 70ไร่ และยังเป็นอาคารในยุคแรกที่มีรูปแบบความโมเดิร์นที่ได้รับจากแถบตะวันตก เราสามารถเดินเข้าไปดูได้เลยโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ตัวอาคารอาจจะทรุดโทรมได้ตามกาลเวลาอยู่บ้าง แต่ก็สามารถมองเห็นถึงความรุ่งเรืองในอดีตผ่านสถาปัตยกรรมได้ไม่น้อยเชียวค่ะ ก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแหล่งน่าเช็คอินสำหรับสายประวัติศาสตร์หรือคนที่มองหามุมน่าถ่ายรูป หรือจริงๆน่าจะเรียกว่าสไตล์โรงงานร้างเท่ๆน่าจะถูกกว่า
36. Mulberry Mellow
Mulberry Mellow เป็นคาเฟ่สไตล์ปิคนิค โล่งๆกว้างๆ บรรยากาศร่มรื่นสบายๆ ติดแม่น้ำแควน้อยในจังหวัดกาญจนบุรี เหมือนสวนให้เลือกนั่งปิคนิคท่ามกลางธรรมชาติ ชมวิวทิวเขา ชมนกชมไม้ ฟังเสียงน้ำไหล หรือเม้ามอยกับเพื่อนก็ได้ ซึ่งที่นี่มีพร้อพให้พร้อมในการนั่งปิคนิค ทั้งเก้าอี้ผ้าใบ เสื่อหมอน ต่างๆ
37. ครอสทู ริเวอร์แคว รีสอร์ต (X2 River Kwai Resort)
ครอสทู ริเวอร์แคว รีสอร์ต ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สุดคูลด้วยรูปแบบการออกแบบตกแต่งที่ความมันสมัย หากก็กลมกลืนไปกับธรรมชาติรอบๆด้านแบบไม่ขัดตา ยิ่งที่พักแบบที่เน้นความเรียบหรูทั้งดีไซน์พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน สามารถนอนชิลริมแม่น้ำรับลมเบาๆ หรือจะขึ้นดาดฟ้าไปชมวิวมุมกว้างก็เก๋ไม่หยอก รวมทั้งยังมีกิจกรรมทางน้ำหลากหลายให้ได้มันส์กันไม่มีเบื่ออีกต่างหาก
ราคาเริ่มต้นประมาณ 5,800 บาท
ข้อมูลเพิ่มเติม
https://crosshotelsandresorts.com/x2/resorts/x2-river-kwai-resort
38. หินเทพช้าง วัดทัพศิลา
หินเทพช้าง นั้นตั้งอยู่ภายในวัดทัพศิลา อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์เด็ดประจำวัดที่แขกไปใครมาต้องไม่พลาดมาขอพรเลยก็ว่าได้ค่ะ โดยหินเทพช้างนั้นถูกค้นพบเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว มีลักษณะเป็นรูปช้างหลายเชือกกำลังหมอบคลาน อยู่ลึกลงไปในดินประมาณ 2 เมตร ที่ชาวบ้านละแวกนั้นให้ความเคารพศรัทธา
39. ปางช้างไทรโยค
เป็นศูนย์บริบาลและอนุรักษ์ช้าง มีกิจกรรมให้เราได้มีส่วนร่วมและอยู่กับช้างอย่างใกล้ชิด เช่น กิจกรรมอาบน้ำช้าง ทำอาหารให้ช้าง ดูช้างเล่นบ่อโคลน และปลูกป่าให้ช้าง ซึ่งช้างที่นี่จะเชื่องและน่ารักมาก นอกจากนี้ยังมีตลาดเล็ก ๆ เพื่อให้ชาวบ้านในพื้นที่นำข้าวของมาจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวด้วยครับ
วัน – เวลา เปิด ปิด : เปิดให้เที่ยวชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น.
ราคาค่าเข้า : ราคา 500 บาท พร้อมกิจกรรมคือ ทำข้าวปั้นให้ช้าง+ป้อนอาหารช้าง+อาบน้ำช้าง ( ต้องทำการจองมาก่อนล่วงหน้า )
40. Kan Machi Cafe
41. เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124
เมืองมัลลิการ์ รศ 124 เป็นเมืองจำลองย้อนยุคไปในสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถานที่ที่ชวนคุณไปสัมผัสบรรยากาศในยุคนั้น
เสน่ห์วิถีไทยในอดีตที่มักได้รับการถ่ายทอดผ่านบทละครย้อนยุค มีความคลาสสิค ทำให้หลายๆ คนมีความสุขเมื่อได้ชมละครเหล่านั้น การเกิดขึ้นของเมืองมัลลิการ์ รศ 124 เมืองจำลองที่ชวนทุกคนไปย้อนยุคกันแบบตัวเป็นๆ ได้เข้าไปอยู่ในฉาก ไปทดลองมีวิถีชีวิตบางส่วนแบบผู้คนในสมัยรัชกาลที่ 5 จึงตอบโจทย์เหล่านี้
42. น้ำตกเอราวัณ
น้ำตกเอราวัณนั้นเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวอันดับท๊อป ๆ ของกาญจนบุรีเลยก็ว่าได้นะคะ โดยที่ตั้งอยู่ภายในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ทำให้ความอุดมสมบูรณ์ยังคงมีอยู่อย่ามาก ที่ดังปังสุดก็คือการที่ตัวน้ำตกนั้นมีมากถึง 7 ชั้น แต่ละชั้นก็จะมีความงดงามที่แตกต่างกันไป นับรวมๆแล้วจากชั้นล่างสุดขึ้นไปชั้นบนสุดมีระยะทางมากถึง 1,500 เมตรเชียวนะคะ ถือว่าเป็นระยะทางที่กว้างใหญ่มากจนเรียกได้ว่าเป็นตัวท๊อปของน้ำตกในไทยเรื่องความอลังการ อีกทั้งความงดงามนี่ก็แทบจะไมเป็นสองรองใครนะเออ
43. ย่านเมืองเก่า ถนนปากแพรก
“ถนนบ้านแพรก” นั้นตั้งอยู่บริเวณแถบริมกำแพงเมืองกาญจนบุรี เป็นหนึ่งในย่านชุมชุมเมืองเก่าแก่มากที่สุดในเขตตัวเมืองกาญจรบุรี ที่ยังคงอนุรักษ์สถานที่ต่างๆทั้งอาคารบ้านเรือน ร้านค้า และโรงแรมที่ยังคงมีความวินเทจและแฝงไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่าร้อยปี ยังคงเสน่ห์เมืองเก่าที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายสถาปัตยกรรมโบราณสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์เป็นอย่างดี แถมมีคาเฟ่ชิคๆอินๆให้ได้เดินเล่นเก๋ๆ รวมทั้งวันเสาร์ – วันอาทิตย์ เย็นๆค่ำๆก็ยังมีตลาดกลางคืนให้เดินเพลินกันด้วย
44. พระพุทธบาท ลิ่นถิ่น
ตั้งอยู่ที่ ตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ เป็นรอยพระพุทธบาทที่ปรากฏขึ้นเองตามธรรมชาติ ค้นพบเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 สืบเนื่องจากชาวบ้านเห็นแสงไฟส่องสว่างอยู่บนภูเขาจึงชวนกันขึ้นไปดู และพบรอยเว้าคล้ายรอบพระบาทของพระพุทธเจ้า ประทับรอยเท้าอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่ ชาวบ้านจึงสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นรอยพระบาทของพระพุทธเจ้า จึงกราบไหว้สัการะและนับถือกันมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งในทุกปีจะมีการจัดงานบุญที่รอยพระพุทธบาทอยู่เป็นประจำ
วัน – เวลา เปิด ปิด : เปิดให้เที่ยวชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-18.00 น. โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
45. อนุสรณ์แดนยุทธหัตถีดอนเจดีย์ ( พนมทวน )
เป็นอนุสรณ์สถานที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ยุทธหัตถี ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่เป็นผู้นำทัพทหารไทยสู้รบกับพระมหาอุปราชาของพม่า ณ บริเวณท้องทุ่งแห่งนี้ บริเวณอนุสรณ์สถานมีรูปปั้นและเจดีย์ของสมเด็จพระนเรศวร นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงบอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และสงคราม ข้าวของเครื่องใช้ในอดีต เช่น เครื่องประดับโบราณ อาวุธ ยอดธง ตรีศูล หม้อดินเผาและกระดูกช้างจำนวนมาก โดยกรมศิลปากรได้ทำการขึ้นทะเบียนเจดีย์ยุทธหัตถีดอนเจดีย์เป็นโบราณสถานของชาติตามประกาศในราชกิจจานุเบกษาด้วยครับ
วัน-เวลา เปิด ปิด : เปิดให้เที่ยวชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย