20 ที่เที่ยว เซี่ยงไฮ้ สวย ฮิต ห้ามพลาด Top hit Shanghai 2567

top-places-shanghai-china

อัพเดตล่าสุดเมื่อ 4 กันยายน 2567

 

เซี่ยงไฮ้(Shanghai) ถึงแม้จะไม่ใช่เมืองหลวงของประเทศจีน แต่ก็เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุด และยังเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญของจีนและของโลกอีกด้วย ภายในเมืองมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม มีสถาปัตยกรรมที่งดงามหลายแห่ง ที่เป็นการผสมผสานระหว่างตะวันตกและตะวันออกเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว ที่สำคัญภายในเมืองมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกหลายแห่ง จึงเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยว อย่างเช่น 20 สถานที่ต่อไปนี้ เป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด

 

 

 

เที่ยวเซี่ยงไฮ้ นอนย่านไหนดี?

ย่านยอดฮิตที่คนไทยนิยมพักในเซี่ยงไฮ้ก็มี People’s Square, The Bund, และ Xintiandi ย่าน People’s Square อยู่ใจกลางเมือง ใกล้สถานที่สำคัญอย่าง Shanghai Museum และ Nanjing Road สะดวกทั้งช้อปปิ้งและเที่ยว พร้อมการเดินทางที่ง่ายจาก People’s Square Station (สาย 1, 2, 8) อีกย่านหนึ่งคือ The Bund มีวิวสวยของตึกระฟ้าและอยู่ใกล้แลนด์มาร์คอย่าง Oriental Pearl Tower สามารถเดินทางได้จาก East Nanjing Road Station (สาย 2, 10) ส่วนถ้าใครชอบร้านอาหารเก๋ ๆ หรือแหล่งท่องเที่ยวกลางคืนก็ต้อง Xintiandi ที่มีบรรยากาศผสมผสานระหว่างความทันสมัยและความเก่าแก่ เดินทางสะดวกจาก Xintiandi Station (สาย 10, 13)

 

 

 

1. หอไข่มุกตะวันออก (Oriental Pearl Tower)

dzystudio/shutterstock.com

ziyou/shutterstock.com

mihaiulia/shutterstock.com

หอไข่มุกตะวันออก (Oriental Pearl Tower) เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก หอแห่งนี้มีความสูง 468 เมตร ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในอาคารที่สูงที่สุดในประเทศจีน หอไข่มุกตะวันออก ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชาวจีนนามว่า ชาง ยี่หลิน และ หาง เทียนเหยียน การออกแบบได้แรงบันดาลใจมาจากบทกวีโบราณจีนที่กล่าวถึง “ไข่มุกที่ตกลงมาจากท้องฟ้า” ซึ่งสะท้อนให้เห็นได้จากการใช้ลูกกลมๆ จำนวน 11 ลูกที่เชื่อมต่อกันด้วยเสากลางที่เป็นตัวแทนของไข่มุก ลูกกลมที่ใหญ่ที่สุดมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 50 เมตร ทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนกับไข่มุกที่ถูกเรียงร้อยกันอย่างประณีต ที่สำคัญ หอไข่มุกตะวันออก ไม่ได้เป็นเพียงแค่หอคอยที่สูงสง่างามเท่านั้น แต่ยังมีสิ่งที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวหลากหลาย เช่น จุดชมวิวที่อยู่สูงถึง 263 เมตร และสามารถชมวิวเมืองเซี่ยงไฮ้และแม่น้ำหวงผู่ได้แบบ 360 องศา นอกจากนี้ยังมีชั้นที่เป็นกระจกใส ให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินบนกระจกเพื่อมองทะลุลงไปด้านล่าง ซึ่งจัดเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและท้าทาย รวมทั้งบนหอแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของ ภัตตาคารหมุน และ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เมืองเซี่ยงไฮ้ อีกด้วย

– การเดินทาง ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย 2 มาลงสถานี Lujiazui จากนั้นเดินออกที่ทางออกหมายเลข 1

– ที่ตั้ง 1 Shiji Blvd, Lujiazui, Pudong, Shanghai, China 200120

– พิกัด https://maps.app.goo.gl/wAGmvBzjCrzsc2Ef8

 

 

 

 

2. เซี่ยงไฮ้ ดิสนีย์แลนด์ (Shanghai Disneyland)

QingQing12/shutterstock.com

Yingna Cai/shutterstock.com

Air Elegant/shutterstock.com

เซี่ยงไฮ้ ดิสนีย์แลนด์ (Shanghai Disneyland) ตั้งอยู่ในเขตผู่ตง ของเมืองเซี่ยงไฮ้ เป็นสวนสนุกแห่งแรกของบริษัทดิสนีย์ที่ตั้งอยู่ในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อปี 2016 และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Shanghai Disney Resort ซึ่งรวมถึงโรงแรม ร้านอาหาร และแหล่งช้อปปิ้ง เซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์ถูกออกแบบมาเพื่อสะท้อนถึงวัฒนธรรมและความสนใจของชาวจีน ในขณะเดียวกันก็ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของดิสนีย์ที่เรารู้จัก หนึ่งในจุดเด่นของเซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์คือ “ปราสาทแห่งนิทานเทพนิยาย” (Enchanted Storybook Castle) ซึ่งเป็นปราสาทดิสนีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเป็นปราสาทที่รวบรวมนิทานเทพนิยายดิสนีย์หลายเรื่องไว้ในที่เดียว ทำให้ปราสาทนี้กลายเป็นศูนย์กลางของสวนสนุกและเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยม ภายในสวนสนุกประกอบด้วยหลายโซนที่มีธีมต่างกัน เช่น Mickey Avenue โซนต้อนรับที่มีร้านค้าและร้านอาหารมากมาย, Gardens of Imagination เป็นที่ตั้งของปราสาทแห่งนิทานเทพนิยาย, Fantasyland โซนที่จะพานักท่องเที่ยวเข้าสู่โลกของนิทานดิสนีย์ พบกับเครื่องเล่นที่มีธีมจากนิทานยอดนิยม, Adventure Isle โซนที่เต็มไปด้วยการผจญภัยในป่า และ Treasure Cove โซนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากโจรสลัดและทะเล นักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมการผจญภัยไปกับเครื่องเล่นที่มีเทคโนโลยีทันสมัย และเอฟเฟกต์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ

– ที่ตั้ง Shanghai Disney Resort, Pudong, Shanghai, China

– ค่าเข้าชม ราคาตั๋วเริ่มต้นที่ 107 หยวน

– เว็บไซต์ www.shanghaidisneyresort.com

– พิกัด https://maps.app.goo.gl/r82j58zxxDLJcw5VA

 

 

 

 

3. เดอะบันด์ (The Bund)

Luciano Mortula – LGM/shutterstock.com

f11photo/shutterstock.com

Yang Wei Chen/shutterstock.com

เดอะบันด์ (The Bund) หรือมีชื่อในภาษาจีนว่า “ไว่ทัน” ที่นี่เป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์และศูนย์กลางวัฒนธรรมของเมืองเซี่ยงไฮ้ ตั้งอยู่บริเวณริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำหวงผู่ เดอะบันด์เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตก ที่นี่ยังเป็นพื้นที่ที่แสดงให้เห็นถึงยุคอาณานิคมของเซี่ยงไฮ้ในช่วงศตวรรษที่ 19 เมื่ออังกฤษและชาติยุโรปเริ่มเข้ามาตั้งถิ่นฐานและทำการค้า พื้นที่นี้กลายเป็นศูนย์กลางการเงินและการค้าที่สำคัญ และเต็มไปด้วยอาคารสำนักงานของธนาคารระหว่างประเทศ บริษัทข้ามชาติ รวมไปถึงสถานทูตต่างประเทศ อาคารสำนักงานต่างๆ ได้รับการออกแบบและสร้างขึ้นตามสไตล์สถาปัตยกรรมตะวันตก ไม่ว่าจะเป็น สไตล์นีโอคลาสสิก บารอค และอาร์ตเดโค แต่ละอาคารมีเรื่องราวและประวัติความเป็นมาที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้เดอะบันด์เป็นเสมือน “พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมกลางแจ้ง” ของนครเซี่ยงไฮ้ สำหรับกิจกรรมน่าสนใจก็อย่างเช่น การเดินเล่นริมน้ำชมวิวที่งดงามของฝั่งผู่ตง, ล่องเรือชมวิวในแม่น้ำหวงผู่ ชมความงดงามของเดอะบันด์และวิวทิวทัศน์ของเมืองเซี่ยงไฮ้จากมุมมองที่แตกต่าง, แวะช้อปปิ้ง และ รับประทานอาหาร จากร้านค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่ที่มีทั้งสไตล์ดั้งเดิมและทันสมัย

– การเดินทาง ขึ้นรถไฟใต้ดินเซี่ยงไฮ้สาย 2 หรือสาย 10 มาลงที่สถานี Nanjing East Road แล้วเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 10 นาที

– ที่ตั้ง Zhongshan Rd (E-1), Waitan, Huangpu, Shanghai, China 200002

– พิกัด https://maps.app.goo.gl/AMGMgTfRM3okV4bDA

 

 

 

 

4. สวนอวี้ (Yu Garden)

Sean Pavone/shutterstock.com

LapaiIrKrapai/shutterstock.com

cyo bo/shutterstock.com

สวนอวี้ (Yu Garden) หรือที่เรียกว่า “สวนแห่งความสุข” เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่ที่สุดในเซี่ยงไฮ้ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเก่าของเซี่ยงไฮ้ สวนแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง โดยผู้ว่าราชการเมืองชื่อ พาน ยุนตวน (Pan Yunduan) ตั้งใจสร้างสวนนี้ขึ้นเพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจสำหรับครอบครัว สวนอวี้มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 20,000 ตารางเมตร ภายในแบ่งออกเป็น 6 ส่วนหลักๆ ได้แก่ โซนหินใหญ่, หอคอย, สะพานโค้ง, สวนพฤกษศาสตร์, สระน้ำ, และ โถงอาคารต่าง ๆ ทุกโซนถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน โดยใช้เทคนิคการจัดสวนแบบจีนโบราณ ที่มีความละเอียดอ่อนและซับซ้อน การจัดเรียงหิน การวางสระน้ำ และการออกแบบทางเดินที่โค้งเคี้ยว สะท้อนให้เห็นถึงความงดงามและปรัชญาในการออกตกแต่งสวนแบบจีน นอกจากความสวยงามของสวนแล้ว สวนอวี้ยังเป็นสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรม ที่ใช้ในการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับศิลปะจีนโบราณ เช่น การแกะสลักหยก การเขียนพู่กัน และการจัดดอกไม้จีน นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้และสัมผัสกับวัฒนธรรมจีนได้อย่างลึกซึ้งผ่านกิจกรรมและการแสดงที่จัดขึ้นภายในสวนแห่งนี้

– การเดินทาง ขึ้นรถไฟใต้ดินเซี่ยงไฮ้ สาย 10 หรือสาย 14 ไปลงที่สถานี Yu Garden Station ออกทางออกที่ 1

– ที่ตั้ง 279 Yu Yuan Lao Jie, Huangpu, Shanghai, China 200000

– พิกัด https://goo.gl/maps/mrciabFyzQ79h4BS8

 

 

 

 

5. วัดจิงอัน (Jing’an Temple)

Sergei Mugashev/shutterstock.com

TK1012/shutterstock.com

crowley production/shutterstock.com

วัดจิงอัน (Jing’an Temple) เป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่ ที่มีประวัติยาวนานกว่าพันปี ตั้งอยู่ใจกลางย่านจิ้งอัน ซึ่งเป็นย่านธุรกิจที่เจริญรุ่งเรือง วัดแห่งนี้เป็นศูนย์รวมทางศาสนาและวัฒนธรรมที่สำคัญ และยังเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวและผู้ที่นับถือศาสนาพุทธมักมาเยือน เพื่อสักการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์และพักผ่อนใจในบรรยากาศที่เงียบสงบ ตัวอาคารของวัดมีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น ด้วยโครงสร้างไม้ที่ถูกตกแต่งอย่างประณีต เป็นโทนสีทองและสีแดง สีที่แสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์และความรุ่งเรืองในวัฒนธรรมจีน รวมทั้งภายในวัดยังประกอบด้วยโถงบูชาหลัก 3 แห่ง ได้แก่ โถงพระมหาโพธิสัตว์ ซึ่งประดิษฐานพระพุทธรูปหยกที่สูงกว่า 3.8 เมตร, โถงพระโพธิสัตว์กวนอิม เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปกวนอิมที่แกะสลักจากไม้จันทน์ขาว และ โถงพระอมิตาภพุทธเจ้า พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่มีการปิดทองไว้อย่างงดงาม นอกจากนี้หนึ่งในสิ่งสำคัญที่ไม่ควรพลาดชมหากเดินทางมาที่นี่ก็คือ ระฆังทองคำ ที่มีความสูงถึง 3.3 เมตร และหนักกว่า 5 ตัน ถูกนำมาติดตั้งในวัดจิ้งอัน เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความสงบและโชคดี

– การเดินทาง ขึ้นรถไฟใต้ดินเซี่ยงไฮ้ สาย 2 หรือสาย 7 มาลงที่สถานี Jing’an Temple Station ออกทางออกที่ 1 และเดินต่อเพียงไม่กี่นาที หรือ ขึ้นรถโดยสารประจำทางสาย 15, 20, 40, 113, 315, 321, 330, 824, 830 หรือ 927 มาลงที่สถานี Jing’an Temple

– ที่ตั้ง 1686 Nanjing Rd (W), Jing’An, Shanghai, China 200040

– พิกัด https://goo.gl/maps/6zxLwzj6VZUkPQ4R9

 

 

 

 

6. ศูนย์การเงินโลกเซี่ยงไฮ้ (Shanghai World Financial Center)

HelloRF Zcool/shutterstock.com

mihaiulia/shutterstock.com

askarim/shutterstock.com

ศูนย์การเงินโลกเซี่ยงไฮ้ (Shanghai World Financial Center) เป็นตึกสูงระฟ้า ด้วยความสูงกว่า 500 เมตร ตั้งอยู่ใจกลางย่านผู่ตง ที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินและธุรกิจของเมือง ตึกนี้ไม่ได้เพียงแค่เป็นหนึ่งในตึกที่สูงที่สุดในโลก แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความรุ่งเรืองและความก้าวหน้าของเซี่ยงไฮ้อีกด้วย Shanghai World Financial Center (SWFC) ถูกออกแบบโดยบริษัท Kohn Pedersen Fox (KPF) บริษัทสถาปนิกชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา การออกแบบตึกเน้นที่ความสมดุลและความเรียบง่าย แต่ยังคงความโดดเด่นและล้ำสมัย ตัวตึกมีรูปทรงคล้ายกับขวดเปิดฝา เนื่องจากมีช่องว่างขนาดใหญ่บริเวณยอดของอาคาร ที่ทำหน้าที่ช่วยลดแรงต้านลมและเพิ่มความมั่นคงให้กับโครงสร้าง ช่องว่างดังกล่าวยังทำให้ตึกนี้มีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และกลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเซี่ยงไฮ้ที่สามารถจำได้ง่าย ตัวอาคาร มีทั้งหมด 101 ชั้น แบ่งออกเป็นพื้นที่ใช้สอยที่หลากหลาย เช่น สำนักงาน โรงแรม ร้านค้า และจุดชมวิว นอกจากความโดดเด่นด้านสถาปัตยกรรมแล้ว SWFC ยังเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญของเซี่ยงไฮ้ โดยมีสำนักงานของบริษัทการเงิน ธนาคาร และบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำจากทั่วโลกตั้งอยู่ในอาคารนี้ สำหรับเวลาที่เหมาะสมในการเยี่ยมชมตึกคือช่วงเย็นถึงค่ำ เนื่องจากเราจะได้เห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองในช่วงพระอาทิตย์ตกและไฟเมืองที่สวยงามในยามค่ำคืน

– การเดินทาง ขึ้นรถไฟใต้ดินเซี่ยงไฮ้ สาย 2 ลงที่สถานี Lujiazui Station จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที

– ที่ตั้ง 100 Century Avenue, Pudong new district, Shanghai, China 200120

– พิกัด https://goo.gl/maps/C1wrS9R9b95ShTDC9

 

 

 

 

7. ถนนหนานจิง (Nanjing Road)

Anton_Ivanov/shutterstock.com

YIUCHEUNG/shutterstock.com

August_0802/shutterstock.com

ถนนหนานจิง (Nanjing Road) ถนนช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงและพลุกพล่านที่สุดในเซี่ยงไฮ้ ถนนเส้นนี้เป็นสัญลักษณ์ของการผสมผสานระหว่างความเก่าแก่และความทันสมัย โดยมีทั้งห้างสรรพสินค้าหรูหรา ร้านค้าท้องถิ่น และสถานที่ประวัติศาสตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวของเมืองเซี่ยงไฮ้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถนนหนานจิงถูกสร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 และได้รับการพัฒนาเรื่อยมาจนกลายเป็นศูนย์กลางการค้าของเซี่ยงไฮ้ ถนนเส้นนี้แบ่งออกได้เป็นสองส่วนหลักๆ คือ ถนนหนานจิงตะวันออก และถนนหนานจิงตะวันตก โดยถนนหนานจิงตะวันออกมีชื่อเสียงในด้านเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่สำคัญและคึกคัก ด้วยร้านค้าที่หลากหลายตั้งแต่ร้านค้าแบรนด์เนมระดับโลก ไปจนถึงร้านค้าท้องถิ่นที่จำหน่ายสินค้า ของที่ระลึก และของฝากพื้นเมือง รวมไปถึงห้างสรรพสินค้าชื่อดัง เช่น ห้างสรรพสินค้า First Food Hall และ Henderson Metropolitan จึงเป็นโซนที่น่าสนใจทั้งกับผู้ที่ต้องการช้อปปิ้งและลิ้มลองอาหารท้องถิ่น ส่วนถนนหนานจิงตะวันตกเป็นย่านธุรกิจ และที่ตั้งของโรงแรมหรู รวมไปถึงร้านค้าแบรนด์เนมระดับโลก สำหรับร้านค้าที่มีชื่อเสียงก็อย่างเช่น Plaza 66 และ Westgate Mall นอกจากนี้ยังมีโรงแรมระดับห้าดาว เช่น The Portman Ritz-Carlton ที่สร้างขึ้นมาเพื่อต้อนรับนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวระดับสูง
– การเดินทาง ถนนหนานจิงตะวันออก รถไฟใต้ดินสาย 2, สาย10 ลงที่สถานี East Nanjing Rd. Station ส่วนถนนหนานจิงตะวันตก รถไฟใต้ดินสาย 1, สาย 2 และ สาย 8 ลงที่สถานี People’s Square Station

– ที่ตั้ง Nanjing East Road & Nanjing West Road, Huangpu District & Jing’an District, Shanghai, China
– พิกัด https://maps.app.goo.gl/o96mDsqibaE8gSvs7

 

 

 

 

8. อุโมงค์ชมวิวเดอะบันด์ (The Bund Sightseeing Tunnel)

RudiErnst/shutterstock.com

robert paul van beets/shutterstock.com

robert paul van beets/shutterstock.com

อุโมงค์ชมวิวเดอะบันด์ (The Bund Sightseeing Tunnel) อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร และเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเซี่ยงไฮ้ อุโมงค์แห่งนี้เป็นอุโมงค์ลอดแม่น้ำสายแรกของประเทศจีน เชื่อมต่อระหว่างสองฝั่งของแม่น้ำหวงผู่ โดยมีจุดเริ่มต้นที่ย่านเดอะบันด์ (The Bund) และสิ้นสุดที่ย่านผู่ตง (Pudong) ซึ่งเป็นศูนย์กลางธุรกิจที่สำคัญของเมือง อุโมงค์มีความยาวประมาณ 646.7 เมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางผ่านด้วยรถรางไฟฟ้าที่ตัวรถเป็นกระจกใสเคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ ในระหว่างทางเราจะได้รับชมการแสดงแสง สี เสียง ที่น่าตื่นตาตื่นใจ โดยภายในอุโมงค์จะมีการฉายภาพสามมิติ แสงเลเซอร์ ภาพเคลื่อนไหวที่สะท้อนถึงจักรวาล และการผจญภัย ที่จะหมุนเวียนเปลี่ยนไปตลอดเส้นทาง The Bund Sightseeing Tunnel ถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ช่วยให้การแสดงแสงสีภายในอุโมงค์เป็นไปอย่างไร้ที่ติ ระบบไฟและโปรเจคเตอร์ที่ใช้ในอุโมงค์นี้เป็นระบบที่ทันสมัยที่สุด ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับภาพและเสียงที่คมชัดและสมจริง นอกจากนี้ การใช้รถรางไฟฟ้าที่ตัวรถเป็นกระจก ยังช่วยเพิ่มความโปร่งใสให้ผู้โดยสารสามารถมองเห็นการแสดงต่างๆ ได้อย่างเต็มที่

– การเดินทาง รถไฟฟ้าใต้ดินเซี่ยงไฮ้ สาย 2 หรือสาย 10 ลงที่สถานี East Nanjing Road จากนั้นเดินเพียงไม่กี่นาทีก็จะถึงจุดเริ่มต้นของอุโมงค์ หรือขึ้นรถบัสสาย 82, 85, 583, 872, 65, 55, 21 และ 37 มาลงที่สถานี Lujiazui

– ที่ตั้ง 349 Zhongshan Rd (E-1), Waitan, Huangpu, Shanghai, China 200002

– พิกัด https://goo.gl/maps/bFZ7rvHaVQtawqfz5

 

 

 

 

9. เมืองน้ำโบราณจูเจียเจี่ยว (Zhujiajiao Ancient Town)

Raksit Jirojmontree/shutterstock.com

Sven Hansche/shutterstock.com

Sven Hansche/shutterstock.com

เมืองน้ำโบราณจูเจียเจี่ยว (Zhujiajiao Ancient Town) ที่นี่เป็นเมืองโบราณ มีประวัติยาวนานกว่า 1,700 ปี ตั้งอยู่ในเขตชิงผู่ (Qingpu) ทางตะวันตกของเซี่ยงไฮ้ และเป็นที่รู้จักในฐานะ “เวนิสแห่งตะวันออก” เนื่องจากมีย่านการค้าริมน้ำ สะพานหินโบราณ และคลองที่เงียบสงบ เมืองจูเจียเจี่ยวยังจัดเป็นสถานที่ที่แสดงถึงวิถีชีวิตชาวจีนโบราณ ที่ยังคงรักษารูปแบบเดิมๆ ไว้อย่างดีจนถึงปัจจุบัน จูเจียเจี่ยวก่อตั้งขึ้นในสมัยราชวงศ์จิ้น และได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นเมืองการค้าในสมัยราชวงศ์หมิง เมืองนี้เป็นศูนย์กลางการค้าสำคัญที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองใหญ่ในภูมิภาคและเป็นแหล่งผลิตสินค้าพื้นเมือง เช่น ผ้าไหม ข้าว และชา ภายในเมืองมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่งที่น่าสนใจ หนึ่งในนั้นคือ “สะพานฟางเซิ่ง” (Fangsheng Bridge) ซึ่งเป็นสะพานหินที่ยาวที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในเมือง สะพานนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1571 และมีความสูงพอที่จะให้เรือผ่านได้ง่าย นอกจากนี้ สะพานฟางเซิ่งยังเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่งดงามของคลองและบ้านเรือนริมฝั่ง ต่อด้วย วัด “จู่เจียว” (Zhujiajiao Temple) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาดแวะมาเยี่ยมชม วัดนี้ตั้งอยู่บนเกาะเล็ๆ กลางคลอง มีประวัติยาวนานกว่า 400 ปี ภายในวัดมีรูปปั้นพระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายที่ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาสักการบูชา

– การเดินทาง ขึ้นรถไฟฟ้าจากตัวเมืองเซี่ยงไฮ้ มาลงที่สถานี Zhujiajiao หรือรถไฟใต้ดิน สาย 17 มาลงที่ สถานี Zhujiajiao แล้วเดินต่ออีกประมาณ 15 นาที นอกจากนี้ยังมีทัวร์แบบวันเดียวที่จัดขึ้นโดยบริษัททัวร์ในเซี่ยงไฮ้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที

– ที่ตั้ง Zhujiajiao Town, Qingpu District, Shanghai, China 201713

– พิกัด https://goo.gl/maps/R4UfwDC871nUht8KA

 

 

 

 

10. วัดพระหยก (Jade Buddha Temple)

anek.soowannaphoom/shutterstock.com

Markeliz/shutterstock.com

Marijs Jan/shutterstock.com

วัดพระหยก (Jade Buddha Temple) เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ได้มีเพียงแค่ความสวยงามทางสถาปัตยกรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางทางจิตวิญญาณที่สำคัญของชาวพุทธในภูมิภาคนี้อีกด้วย วัดพระหยกสร้างขึ้นในปี 1882 ในสมัยราชวงศ์ชิง โดยมีประวัติที่เกี่ยวข้องกับการนำพระพุทธรูปหยกสององค์จากพม่าไปยังเซี่ยงไฮ้ พระพุทธรูปหยกทั้งสององค์นี้เป็นของขวัญจาก Mr. Chen Jun-Pu ชาวจีนโพ้นทะเลในประเทศพม่าได้ถวายแด่พระอาจารย์ Hui Gen พระธุดงค์ชาวจีนที่เดินทางไปเผยแผ่พุทธศาสนาในพม่า วัดพระหยกยังเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายเนื่องจากมีสถาปัตยกรรมที่งดงาม ตัววัดถูกสร้างขึ้นในรูปแบบของศิลปะจีนดั้งเดิม มีลักษณะคล้ายคลึงกับสถาปัตยกรรมในสมัยราชวงศ์ซ่ง พระพุทธรูปหยกที่มีความโดดเด่นที่สุดในวัดคือพระพุทธรูปหยกขาวที่มีความสูงประมาณ 1.9 เมตร แกะสลักจากหยกชิ้นเดียวและมีรายละเอียดที่งดงาม นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปหยกนอน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งทรงตรัสรู้ ที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่มีการจัดกิจกรรมทางศาสนาหลากหลาย เช่น พิธีสวดมนต์ พิธีกรรมทางศาสนาต่างๆ และการฝึกสมาธิ นอกจากนี้นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมและปรัชญาพุทธศาสนา รวมถึงประเพณีและวัฒนธรรมต่างๆ ของชาวจีนภายในวัดแห่งนี้ได้อีกด้วย

– การเดินทาง ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย13 ลงสถานี Jiang Ning Road ออกทางออก 4 จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที

– ที่ตั้ง 170 Anyuan Rd, Jing’An, China 200061

– พิกัด https://goo.gl/maps/KPNc9r7zora11vhF9

 

 

 

 

11. พิพิธภัณฑ์ศิลปะจีน (China Art Museum)

Richie Chan/shutterstock.com

MFO1981/shutterstock.com

Alisty/shutterstock.com

พิพิธภัณฑ์ศิลปะจีน (China Art Museum) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2012 โดยมีเป้าหมายในการนำเสนอและส่งเสริมศิลปะจีนให้กับคนรุ่นใหม่และผู้ชมจากทั่วโลก ภายในพิพิธภัณฑ์มีพื้นที่กว่า 166,000 ตารางเมตร ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในจีน ตัวอาคารของพิพิธภัณฑ์มีการออกแบบด้วยผลงานสถาปัตยกรรม ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปทรงปิรามิดกลับหัว ผสมผสานศิลปะจีนโบราณเข้ากับความทันสมัย นอกจากนี้ด้านนอกของอาคารยังถูกออกแบบให้เป็นโทนสีแดงสด สีที่สื่อถึงความโชคดีและความเจริญรุ่งเรืองในวัฒนธรรมจีน ภายในพิพิธภัณฑ์มีคอลเลกชันศิลปะที่หลากหลาย โดยมีผลงานศิลปะกว่า 14,000 ชิ้น ครอบคลุมตั้งแต่ศิลปะจีนโบราณไปจนถึงศิลปะร่วมสมัย นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการศิลปะ ที่นำเสนอวัฒนธรรมท้องถิ่นของแต่ละภูมิภาคในประเทศจีน รวมทั้งยังมีโซนที่จัดแสดงศิลปะนานาชาติ เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างจีนและประเทศต่างๆ ทั่วโลก เช่น การแสดงศิลปะจากเอเชีย ยุโรป และอเมริกา นอกจากนี้ยังมีห้องสมุดศิลปะและพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การฉายภาพยนตร์ศิลปะ การจัดนิทรรศการพิเศษหมุนเวียน และการบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะ เพื่อให้ความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ แก่ผู้เข้าชม

– การเดินทาง ขึ้นรถไฟฟ้าสาย 8 มาลงที่สถานี China Art Museum ออกทางออกที่ 3 จากนั้นเดินเลี้ยวซ้ายย้อนขึ้นไปอีกประมาณ 5 นาที

– ที่ตั้ง 205 Shangnan Rd, Pudong New Area, Shanghai, China 200010

– พิกัด https://goo.gl/maps/oGe7xCqLPvMjnUzZ6

 

 

 

 

12. มหาวิหารเซนต์อิกเนเชียส (St. Ignatius Cathedral)

Richie Chan/shutterstock.com

Andrea Aimar/shutterstock.com

Mirko Kuzmanovic/shutterstock.com

มหาวิหารเซนต์อิกเนเชียส (St. Ignatius Cathedral) เป็นหนึ่งในมหาวิหารสำคัญ และเป็นศูนย์กลางของคริสตจักรคาทอลิก รวมทั้งที่นี่ยังเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมในนครเซี่ยงไฮ้ ไม่เพียงเท่านั้นยังเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกอีกด้วย มหาวิหารเซนต์อิกเนเชียสสร้างขึ้นในปี 1906 โดยบาทหลวง Paul-Marie Reynaud ชาวฝรั่งเศส ตัวอาคารของมหาวิหารได้รับการออกแบบในสไตล์โกธิก ที่มีความประณีตและโอ่อ่า โดยมีหอคอยคู่สูงถึง 50 เมตร ที่เป็นเหมือนลักษณะสำคัญ ตั้งสูงโดดเด่นสะดุดตา ด้านในมหาวิหารตกแต่งด้วยหน้าต่างกระจกสีที่มีสีสันสดใส รวมทั้งมีภาพวาด และรูปปั้นที่สื่อถึงเรื่องราวในพระคัมภีร์ นอกจากนี้ยังมีแท่นบูชาประดับด้วยหินอ่อน และไม้แกะสลักที่มีลวดลายละเอียดประณีต มหาวิหารแห่งนี้ยังเป็นสถานที่จัดกิจกรรมและพิธีกรรมทางศาสนา โดยจะมีการจัดพิธีมิสซาและกิจกรรมทางศาสนาอย่างสม่ำเสมอ ที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่คริสต์ศาสนิกชนทั้งชาวจีนและชาวต่างชาติสามารถเข้ามาอธิษฐาน และประกอบพิธีทางศาสนาได้อย่างเสรี นอกจากนี้มหาวิหารยังมีบทบาทสำคัญในชุมชน โดยทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนกิจกรรมทางสังคมมาโดยตลอด

– การเดินทาง ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย 1 , สาย 9 หรือสาย 11 มาลงที่สถานี Xujiahui ออกทางออกที่ 3 จากนั้นเดินไปทางทิศใต้ประมาณ 400 เมตรก็จะถึงโบสถ์

– ที่ตั้ง Xuhui District, Xujiahui, Shanghai, China 200030

– พิกัด https://goo.gl/maps/xEguDDn8ewwCvysZ7

 

 

 

 

13. สวนสัตว์เซี่ยงไฮ้ไวลด์แอนนิมอล พาร์ค (Shanghai Wild Animal Park)

Foreverhappy/shutterstock.com

YAO DEKANG/shutterstock.com

YAO DEKANG/shutterstock.com

สวนสัตว์เซี่ยงไฮ้ไวลด์แอนนิมอล พาร์ค (Shanghai Wild Animal Park) เป็นสวนสัตว์เปิด และเป็นอุทยานสัตว์ป่าระดับชาติแห่งแรกของประเทศจีน ก่อตั้งขึ้นในปี 1995 ภายในครอบคลุมพื้นที่กว่า 378 เอเคอร์ สวนสัตว์แห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับครอบครัวและผู้ที่รักธรรมชาติ ซึ่งจะได้สัมผัสกับสัตว์ป่าหลากหลายสายพันธุ์จากทั่วโลกในสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติ ซึ่งจะมีการแบ่งออกเป็นสองโซนหลัก ได้แก่ โซนสำหรับการเดินเท้าและโซนสำหรับการขับรถชม ในแต่ละโซนจะมีความน่าสนใจที่แตกต่างกัน โดยโซนเดินเท้าจะมีเส้นทางเดินให้ชมสัตว์ได้อย่างใกล้ชิด เช่น แพนด้ายักษ์ และสัตว์หายากอื่นๆ เช่น แรดขาว ม้าลาย ยีราฟ และลิงอุรังอุตัง ก็สามารถพบได้ในโซนนี้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีการแสดงของสัตว์แสนรู้ เช่น การแสดงโลมา และการแสดงช้าง ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชมได้ทุกเพศทุกวัย ส่วนโซนขับรถชม นักท่องเที่ยวสามารถขับรถส่วนตัวหรือใช้บริการรถบัสของสวนสัตว์เพื่อชมสัตว์ในสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติ สัตว์ที่พบได้ในโซนนี้ก็อย่างเช่น สิงโต เสือ เสือดาว หมี และสัตว์นักล่าอื่นๆ ที่จะเดินเล่นและใช้ชีวิตอย่างอิสระในพื้นที่กว้างใหญ่

– การเดินทาง ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย 16 มาลงที่สถานี Wild Animal Parkหรือ ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย 2 มาลงที่สถานี Zhangjiang High Technology Park ออกทางออกที่ 5 แล้วเดินไปที่ป้ายรถประจำทางสาย Zhangnan ขึ้นรถบัสมาลงที่ Wild Animal Park

– ที่ตั้ง 178, Nanliu Road, Pudong New Area, Shanghai, China

– พิกัด https://maps.app.goo.gl/dAHmyBr16eZ6Ztjr5

 

 

 

 

14. ซินเทียนตี้ (Xintiandi)

cyo bo/shutterstock.com

CHO MINJUN/shutterstock.com

4045/shutterstock.com

ซินเทียนตี้ (Xintiandi) แหล่งช้อปปิ้งที่นักช้อปไม่ควรพลาด ที่นี่ยังเป็นย่านที่รวมเอาความเก่าและความทันสมัยมาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว เมื่อก่อนบริเวณนี้เคยเป็นที่อยู่อาศัยแบบดั้งเดิมของชาวเซี่ยงไฮ้ ที่บ้านเรือนจะเป็นสถาปัตยกรรมแบบ “Shikumen” หรือก็คือ East Meet West ที่มีลักษณะผสมผสานระหว่างจีนและตะวันตก ซึ่งเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเซี่ยงไฮ้ ต่อมาได้มีการพัฒนาและปรับปรุงใหม่ในช่วงปลายทศวรรษ 1990 จนที่นี่กลายเป็นย่านที่ทันสมัยและมีชีวิตชีวา โดยบริเวณนี้จะเป็นที่ตั้งของร้านค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่ อาคารส่วนใหญ่ยังคงมีสภาพแบบดั้งเดิม แต่ภายในถูกปรับปรุงให้มีความทันสมัยเหมาะกับยุคปัจจุบัน ซินเทียนตี้เป็นสถานที่ที่เหมาะทั้ง การเดินเล่น ช้อปปิ้ง และลิ้มลองอาหารนานาชาติที่หลากหลาย ที่นี่มีร้านอาหารมากมายที่พร้อมเสิร์ฟอาหารตั้งแต่จีนดั้งเดิมจนถึงอาหารตะวันตก รวมทั้งยังมีแกลเลอรี่งานศิลปะและพิพิธภัณฑ์เล็กๆ ที่นำเสนอเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเซี่ยงไฮ้ นอกจากนี้ที่นี่ยังถูกออกแบบให้เป็นย่านที่คนสามารถเดินได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยการปิดถนนบางส่วนไม่ให้รถยนต์เข้า ทำให้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ในเซี่ยงไฮ้ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ทั้งในและต่างประเทศ

– การเดินทาง ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย 10 มาลงที่สถานี Xintiandi Station ออกทางออกที่ 6

– ที่ตั้ง Huangpu, Shanghai, China, 200021

– พิกัด https://maps.app.goo.gl/gzVErFkRujU3CkCm7

 

 

 

 

15. แม่น้ำหวงผู่ (Huangpu River)

ABCDstock/shutterstock.com

ABCDstock/shutterstock.com

Captain Wang/shutterstock.com

แม่น้ำหวงผู่ (Huangpu River) แม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านกลางเมือง และเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเซี่ยงไฮ้ แม่น้ำมีความยาว 113 กิโลเมตร เป็นสาขาหนึ่งของแม่น้ำแยงซี แม่น้ำสายนี้จัดเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่มีบทบาทต่อประวัติศาสตร์ของเซี่ยงไฮ้ เพราะเป็นเส้นทางการค้าและการขนส่งมาตั้งแต่สมัยโบราณ ทำให้เซี่ยงไฮ้เติบโตเป็นเมืองท่าที่สำคัญและมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว แม่น้ำ หวงผู่ เป็นเหมือนเส้นแบ่งเมืองเซี่ยงไฮ้ออกเป็นสองฝั่งหลัก คือฝั่งผู่ซี (Puxi) ที่เป็นย่านเมืองเก่า และฝั่งผู่ตง (Pudong) เป็นย่านเมืองใหม่ที่ทันสมัย และมีตึกสูงเสียดฟ้า สำหรับกิจกรรมน่าสนใจหากเดินทางมาชมความงามของแม่น้ำสายนี้ก็คือการล่องเรือ ที่จะทำให้เราได้สัมผัสกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของทั้งสองฝั่ง โดยเฉพาะยามค่ำคืนฝั่งผู่ตง จะสว่างไสวไปด้วยแสงไฟสวยงาม การล่องเรือแต่ละครั้งจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง และยังมีเรือให้เลือกได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นเรือสำราญหรูหรา หรือเรือเล็กที่มาในรูปแบบเรียบง่าย รวมทั้งนักท่องเที่ยวยังสามารถเลือกล่องได้ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน โดยในแต่ละช่วงเวลาแม่น้ำหวงผู่ จะมีความงดงามแตกต่างกัน

– การเดินทาง รถไฟใต้ดิน สาย 4 มาลงที่ Pudong Avenue ออกทางออกที่ 1 แล้วเดินไปทางทิศเหนือเพื่อไปยังถนนปินเจียงใช้เวลาประมาณ 5 นาที หรือ ขึ้นรถประจำทางหมายเลข 55, 65, 305, 736 แล้วลงที่ป้าย Shiliupu Wharf ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับขึ้นเรือสำราญ

– ที่ตั้ง Zhujiajiao Town, Qingpu District, Shanghai, China 201700

– พิกัด https://maps.app.goo.gl/YLNGjJPjnEjC7KhK8

 

 

 

 

16. พิพิธภัณฑ์เซี่ยงไฮ้ (Shanghai Museum)

ThewayIsee/shutterstock.com

Danny Ye/shutterstock.com

Danny Ye/shutterstock.com

พิพิธภัณฑ์เซี่ยงไฮ้ (Shanghai Museum) ตั้งอยู่ในจัตุรัสประชาชน ( People’s Square) ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองเซี่ยงไฮ้ อาคารของพิพิธภัณฑ์ออกแบบโดยสถาปนิกในท้องถิ่นนามว่า ซิง ทงเหอ (Xing Tonghe) มีลักษณะเป็นทรงหม้อประกอบอาหารในยุคโบราณที่ในภาษาจีนเรียกว่า “ติ่ง” ว่ากันว่าเขาได้แรงบันดาลใจมาจาก ต่าเค่อติ่ง ที่จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ ส่วนด้านบนของอาคารจะเป็นรูปทรงกลม และฐานของอาคารเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส เป็นรูปแบบตามคติจีนโบราณที่มีความเชื่อว่า “ฟ้ากลม โลกเหลี่ยม” ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงวัตถุโบราณมากกว่า 120,000 ชิ้น ตั้งแต่ยุคสมัยก่อนประวัติศาสตร์จนถึงราชวงศ์ชิง จัดแสดงอยู่ในห้องจัดแสดงทั้งหมด 11 ห้อง โดยแต่ละห้องจะมีวัตถุโบราณประเภทต่างๆ แตกต่างกัน อาทิ ห้องจัดแสดงเครื่องสำริดโบราณ, ห้องจัดแสดงเซรามิกโบราณ และ ห้องจัดแสดงภาพวาดและลายอักษรจีน เป็นต้น รวมทั้งยังมีการจัดแสดงพิเศษและนิทรรศการหมุนเวียน นอกจากนี้ภายในพิพิธภัณฑ์ยังมี ร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร ห้องสมุดที่รวบรวมหนังสือ เอกสารที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์และศิลปะของจีน มีบริการนำชมพร้อมไกด์และเครื่องเสียงบรรยายหลายภาษา เพื่อช่วยให้ผู้เยี่ยมชมเข้าใจและเข้าถึงเนื้อหาของการจัดแสดงได้โดยง่าย

– การเดินทาง ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย 1, สาย 2 หรือสาย 8 มาลงที่สถานี People’s Square ออกจากสถานีที่ทางออก 1 แล้วเดินไปทางทิศใต้อีกประมาณ 5 นาที

– ที่ตั้ง 201 Renmin Ave, People’s Square, Huangpu, Shanghai, China 200003

– พิกัด https://maps.app.goo.gl/WN7KPKLCYZrTkdb26

 

 

 

 

17. สวนดอกไม้เซี่ยงไฮ้พอร์ท (Shanghai Flower Port)

Rapha Soeiro/shutterstock.com

Dan Hanscom/shutterstock.com

Shanshan0312/shutterstock.com

สวนดอกไม้เซี่ยงไฮ้พอร์ท (Shanghai Flower Port) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเขตผู่ตง (Pudong) ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ ที่ได้รับการออกแบบไว้อย่างดี เพื่อให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับบรรยากาศของสวนดอกไม้ ที่เต็มไปด้วยสีสันและความงดงาม สวนแห่งนี้แบ่งออกเป็นหลายส่วน แต่ละส่วนจะมีการจัดแสดงดอกไม้และพืชพรรณต่างๆ ที่แตกต่างกันไปตามฤดูกาล ทำให้เราได้ชมความงามของดอกไม้ที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดทั้งปี หนึ่งในไฮไลท์ของสวนก็คือการจัดแสดงดอกทิวลิปที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศจีน ทุกปีในช่วงฤดูใบไม้ผลิระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ภายในสวนจะถูกปกคลุมไปด้วยทุ่งดอกทิวลิปที่มีหลากหลายสีสันและหลายสายพันธุ์นับล้านดอก นอกจากทิวลิปแล้วที่นี่ยังมีการจัดแสดงดอกไม้อีกหลายชนิด เช่น ดอกซากุระ ดอกลิลลี่ ดอกไฮเดรนเยีย และดอกไม้อื่นๆ ที่ปลูกตามฤดูกาล นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สำหรับพืชพรรณหายากและไม้ประดับ สำหรับช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมคือในฤดูใบไม้ผลิ เมื่อทิวลิปบานสะพรั่งเต็มสวน และในฤดูใบไม้ร่วง เมื่อดอกลิลลี่และดอกไม้ประจำฤดูกาลอื่นๆ กำลังเบ่งบานอย่างงดงาม

– การเดินทาง ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 16 ไปยังสถานี Lingang Avenue จากนั้นเปลี่ยนไปขึ้นรถประจำทางสาย 1078 อีก 2 ป้าย จากถนน Lingang ไปยัง Shanghai Flower Port

– ที่ตั้ง 2 Zhendong Road, Donghai Farm, Pudong New Area, Shanghai, China 201305

– พิกัด https://maps.app.goo.gl/3zMsY7feYPSN8Bmf9

 

 

 

 

18. เมืองโบราณฉีเป่า (Qibao Ancient Town)

Gaid Kornsilapa/shutterstock.com

Gaid Kornsilapa/shutterstock.com

cyo bo/shutterstock.com

เมืองโบราณฉีเป่า (Qibao Ancient Town) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจและต้องการสัมผัสวัฒนธรรมจีนแบบดั้งเดิม สำหรับชื่อ “Qibao” มาจากภาษาจีนที่แปลว่า “เจ็ดสมบัติ” ซึ่งมีตำนานกล่าวขานว่าพื้นที่นี้เคยเป็นที่ตั้งของวัดที่เก็บรักษาสมบัติล้ำค่าทั้งเจ็ดไว้ แม้ว่าในปัจจุบันวัดและสมบัติเหล่านั้นจะไม่มีอยู่แล้ว แต่เมืองแห่งนี้ก็ยังคงความงดงามและบรรยากาศของเมืองโบราณเอาไว้ได้อย่างดี เมืองโบราณฉีเป่าสร้างขึ้นในช่วงราชวงศ์ซ่ง มีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมเป็นอย่างมากในยุคนั้น ปัจจุบันอาคารบ้านเรือนต่างๆ ยังคงมีรูปแบบสถาปัตยกรรมดั้งเดิมไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอาคารที่สร้างจากไม้และสะพานหินข้ามคลองที่ไหลผ่านใจกลางเมือง การเยี่ยมชมเมืองโบราณฉีเป่าจะทำให้เราได้สัมผัสกับความงดงามของวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์จีนผ่านสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น ถนนโบราณฉีเป่า ถนนสายหลักของเมืองโบราณที่เต็มไปด้วยร้านค้าขาย ร้านของที่ระลึก ร้านอาหาร ร้านขายขนมจีนดั้งเดิม และ วัดฉีเป่า วัดโบราณที่เป็นศูนย์กลางของศรัทธาและวัฒนธรรม วัดแห่งนี้มีอายุกว่า 1,000 ปี และยังคงเป็นสถานที่ที่ชาวบ้านมักเดินทางมาเคารพบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์และสวดมนต์อยู่เสมอ

– การเดินทาง ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 9 ลงที่สถานี Qibao ออกทางออกที่ 2 และเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที ก็จะถึงเมืองโบราณฉีเป่า

– ที่ตั้ง Qibao, Minhang District, Shanghai, China

– พิกัด https://maps.app.goo.gl/jaNNHT1SyskfQQaj8

 

 

 

 

19. เซี่ยงไฮ้ เซอร์คัส เวิลด์ (Shanghai Circus World)

posztos/shutterstock.com

Yingna Cai/shutterstock.com

CHEN WS/shutterstock.com

เซี่ยงไฮ้ เซอร์คัส เวิลด์ (Shanghai Circus World) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจในเมืองเซี่ยงไฮ้ ที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นศูนย์กลางการแสดงกายกรรมที่ใหญ่ที่สุดในจีน แต่ยังเป็นที่ตั้งของการแสดง “ERA – Intersection of Time” ซึ่งเป็นการแสดงกายกรรมที่ได้รับความนิยมและยกย่องในระดับนานาชาติ เซี่ยงไฮ้ เซอร์คัส เวิลด์ เปิดทำการในปี 1999 โดยได้รับการออกแบบมาเพื่อเป็นศูนย์กลางของศิลปะการแสดงกายกรรมในจีน ภายในครอบคลุมพื้นที่กว่า 22,500 ตารางเมตร ประกอบไปด้วย โรงละครที่มีความจุถึง 1,638 ที่นั่ง และเวทีการแสดงที่ทันสมัย ที่มาพร้อมอุปกรณ์ครบครันสำหรับการแสดงที่หลากหลาย ในส่วนของการแสดงที่น่าสนใจนอกจาก ERA แล้ว ที่นี่ยังมีการแสดงอีกหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การแสดงกายกรรมแบบจีนดั้งเดิม เช่น การโยนหมอน การเดินบนเส้นลวด และการแสดงอาวุธ, การแสดงสำหรับเด็ก การแสดงที่ออกแบบมาเพื่อเด็กๆ โดยเฉพาะ ซึ่งเต็มไปด้วยความสนุกสนานและการเรียนรู้ เช่น การแสดงละครสัตว์และการแสดงเชิดหุ่น นอกจากนี้ยังมีงานเทศกาลและกิจกรรมพิเศษอีกมากมาย ที่จัดในช่วงเวลาต่างๆ ตลอดทั้งปี เช่น เทศกาลกายกรรมแห่งชาติจีน ซึ่งเป็นงานที่รวบรวมการแสดงกายกรรมจากทั่วประเทศมาแสดงที่เซี่ยงไฮ้ เซอร์คัส เวิลด์

– การเดินทาง ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 1 ไปลงที่สถานี Shanghai Circus World

– ที่ตั้ง 2266 Gonghexin Rd, Zhabei Qu, Shanghai, China 200072

– พิกัด https://maps.app.goo.gl/pQffJ7rSb6LN4vFX6

 

 

 

 

20. อาคารพันต้นไม้ (Tian An 1000 Trees)

Mister_Knight/shutterstock.com

Mister_Knight/shutterstock.com

pim pic/shutterstock.com

อาคารพันต้นไม้ (Tian An 1000 Trees) สวนแนวตั้ง ที่ได้รับการออกแบบโดย Thomas Heatherwick สถาปนิกชื่อดังชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียงด้านการสร้างสรรค์อาคาร โดยการผสมผสานระหว่างธรรมชาติและสถาปัตยกรรมเมืองได้อย่างลงตัว Tian An 1000 Trees มีชื่อเรียกตามลักษณะเด่นของโครงการที่ประกอบไปด้วยต้นไม้กว่า 1,000 ต้น โครงการนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก เขาหวงซาน ในมณฑลอันฮุย และสวนหินของจีน ซึ่งเน้นการรวมเอาธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเมือง ตัวอาคารมีลักษณะเป็นตึกแฝดสูงที่แบ่งออกเป็นสองส่วน โดยแต่ละส่วนจะถูกปกคลุมด้วยต้นไม้และพืชพรรณต่างๆ ที่ปลูกในกระถางขนาดใหญ่ กระถางเหล่านี้ตั้งอยู่บนเสารูปทรงกรวยที่สามารถรองรับน้ำหนักของพืชพรรณได้เป็นอย่างดี และยังทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างอาคาร ลักษณะการจัดวางนี้ทำให้ตัวอาคารดูเหมือนเป็นภูเขาหรือสวนหินที่ถูกสร้างขึ้นจากธรรมชาติ และนอกจากต้นไม้แล้วที่นี่ยังเป็นศูนย์รวมของสิ่งอำนวยความสะดวกและพื้นที่สาธารณะที่หลากหลาย โดยประกอบด้วยพื้นที่สำนักงาน ร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม และแกลเลอรีศิลปะ นอกจากนี้สวนแนวตั้งและพื้นที่สีเขียวแห่งนี้ยังเปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าชมได้อีกด้วย

– การเดินทาง ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 13 มาลงที่สถานี Jiangning Road ออกทางออกที่ 1 แล้วเลี้ยวขวา เดินตรงไปอีกประมาณ 5 นาที

– ที่ตั้ง 600 Moganshan Road, Putuo District, Shanghai, China 200072

– พิกัด https://goo.gl/maps/nAAD8X8KctYQv6Vm8

 

 

 

 

เที่ยวเซี่ยงไฮ้เมื่อไหร่ดี?

ช่วงที่อากาศดีที่สุดคือฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) และฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) ซึ่งเป็นช่วงหน้าไฮของการท่องเที่ยว เนื่องจากอากาศเย็นสบาย ท้องฟ้าแจ่มใส และธรรมชาติงดงาม โดยเฉพาะฤดูใบไม้ร่วงที่ต้นไม้เปลี่ยนสีเพิ่มความงดงามให้กับทิวทัศน์ของเมือง ส่วนช่วงฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม) อากาศจะร้อนชื้นและมีฝนตกบ่อย ขณะที่ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) อากาศจะหนาวเย็น อาจมีฝนและลมหนาว ทำให้ไม่สะดวกต่อการเดินทางเที่ยวในบางสถานที่ ซึ่งถือว่าเป็นช่วงโลว์ซีซัน แต่ก็ยกเว้นช่วงวันหยุดยาวของจีนที่ยังคงมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากอยู่ดี

 

 

 

เที่ยวเซี่ยงไฮ้เควรใช้เวลากี่วัน?

สำหรับคนส่วนใหญ่ 3-4 วันในเซี่ยงไฮ้ก็พอที่จะเที่ยวที่หลัก ๆ อย่าง The Bund, Yu Garden, และ Zhujiajiao Water Town แต่ถ้าอยากเที่ยวแบบเจาะลึกมากขึ้น เช่น พิพิธภัณฑ์ ย่านศิลปะอย่าง French Concession หรือไปเที่ยวนอกเมืองใกล้ๆแบบไปเช้าเย็นกลับที่ Suzhou หรือ Hangzhou ก็ควรใช้เวลา 5-7 วัน แต่ถ้าอยากรวมทริปเซี่ยงไฮ้กับพื้นที่ใกล้เคียงอย่าง Zhejiang หรือ Jiangsu ก็แนะนำให้อยู่สัก 10-12 วัน

 

 

 

 


 

>>> แนะนำ ที่เที่ยว เซี่ยงไฮ้ สวย ฮิต ห้ามพลาด <<<

Photo from https://www.pexels.com/photo/oriental-pearl-tower-photo-683419/

 

 

 

>>> แนะนำ ที่พัก เซี่ยงไฮ้ ทำเลดี ราคาไม่แรง <<<

Photo from https://www.flickr.com/photos/franckmichel/41428801180

 

 

 


Exit mobile version