14 ที่เที่ยวยอดฮิต เมืองสวย บรรยากาศดี ในสวิตเซอร์แลนด์

 

สวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland) ประเทศที่เต็มไปด้วยมนตร์ขลังของธรรมชาติ เทือกเขาสูง วิวทะเลสาบสวยๆ หมู่บ้านแบบชาวสวิสที่สวยติดอันดับต้นๆของยุโรป นี่ถือว่าเป็นจุดหมายปลายทางที่ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องมาเยือนให้ได้ซักครั้งเลยทีเดียว แม้ขนาดของสวิสเองไม่ได้ใหญ่มากแต่เสน่ห์นี่เหลือล้น นอกจากธรรมชาติสวยๆแล้ว อากาศนี่เรียกว่ายืนหนึ่งจนติดอันดับโลก อีกทั้งแหล่งท่องเที่ยวเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมโบราณๆคลาสสิคๆก็ไม่แพ้ที่ไหน จนถึงกิจกรรมก็มีให้เลือกทำมากมาย ซึ่งถ้าซื้อสวิสพาสนี่จะคุ้มค่ามากๆเพราะบางแห่งสามารถใช้เข้าฟรีหรือบางที่สามารถใช้เป็นส่วนลดได้มากถึง 25% เรียกได้ว่าเป็นประเทศที่มีเสน่ห์น่าค้นหาและมองข้ามไม่ได้จริงๆครับ

 

 

 

ปราสาทอันงดงามริมทะเลสาบทูน ปราสาท Oberhofen ตั้งอยู่ริมทะเลสาบทูน อาคารปราสาทที่งดงามราวกับภาพวาดซึ่งมีอายุตั้งแต่ปี 1200 มีประวัติที่ยาวนาน ปราสาทแสนโรแมนติกบนชายฝั่งของทะเลสาบทูนแห่งนี้มีป้อมปราการยุคกลางอันโอ่อ่าและหอคอยริมทะเลสาบอันงดงาม เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์มีชีวิตที่แสดงภาพวัฒนธรรมการใช้ชีวิตแบบศักดินา ของชาวเบอร์นีสตั้งแต่ศตวรรษ ที่16 ถึง 19นอกจากนี้ปราสาทยังมีเอกลักษณ์ดั้งเดิมหลังจากที่ซื้อโดยตระกูลขุนนาง Neuchâtel-Prussian de Pourtalès ในปีพ.ศ. 2387 และดัดแปลงเป็นบ้านพักฤดูร้อน พิพิธภัณฑ์ที่อุทิศให้กับเรื่องราวของอดีตผู้อยู่อาศัยภายในปราสาทในปี 1954 นิทรรศการที่น่าดึงดูดใจนั้นควรค่าแก่การเยี่ยมชมไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นอย่างไร นอกจากนี้ยังสามารถจองทัวร์ชมปราสาทและบริเวณโดยรอบได้
เวลาเปิดปิด 11.00 – 17.00 ปิดวันจันทร์

 

 

 

 

 

มีเมืองไม่มากที่สามารถรักษาลักษณะทางประวัติศาสตร์ของพวกเขาได้ค่อนข้างประสบความสำเร็จเท่ากับ เมืองเบิร์น Bern ซึ่งเป็นเมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์ เมืองเก่าของเบิร์นได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก และด้วยอาณาเขตที่มีระยะทาง 6 กิโลเมตร เบิร์นตั้งอยู่ใจกลางสวิตเซอร์แลนด์ เป็นประตูสู่เทือกเขาแอลป์ สามารถเดินทางไปเมืองหลวงได้อย่างง่ายดายโดยรถยนต์หรือทางอากาศผ่านสนามบิน Bern-Belp และรถประจำทางที่เชื่อมโยงไปยังใจกลางเมือง นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางโดยรถไฟอาจใช้ประโยชน์จากเครือข่ายรถไฟหนาแน่นที่มีเส้นทางตรงไปยังเมืองสำคัญๆ ในยุโรป ทำเลใจกลางเมืองเบิร์นทำให้เป็นฐานที่สมบูรณ์แบบสำหรับการพักค้างคืนและการทัศนศึกษาทั่วสวิตเซอร์แลนด์ รัฐเบิร์นตั้งอยู่ใจกลางประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นเขตสองภาษาทำหน้าที่เป็นผู้เชื่อมระหว่างชุมชนที่พูดภาษาเยอรมันและฝรั่งเศสและเป็นศูนย์กลางการเมืองหลักของสวิตเซอร์แลนด์

 

 

 

 

 

ยอดเขามัทเทอร์ฮอร์น Matterhorn เป็นยอดเขาที่ปีนยากที่สุดและยังเป็นยอดเขาที่นักท่องเที่ยวชอบขึ้นไปถ่ายรูปมากที่สุดอีกด้วย ตั้งอยู่บนแนวของเทือกเขาแอลป์อยู่บริเวณพรมแดนระหว่างประเทศสวิตเซอร์แลนด์กับประเทศอิตาลี มีความสูงถึง 4,478 เมตร การขึ้น Matterhorn ก็มีความท้าทายอย่างมาก และมีเพียงนักปีนเขาที่เชี่ยวชาญพร้อมอุปกรณ์ที่ยอดเยี่ยมและมัคคุเทศก์ที่เชี่ยวชาญเท่านั้นที่ทำได้ นับตั้งแต่การขึ้นครั้งแรก ผู้คนมากกว่า 500 คนเสียชีวิตขณะปีนเขาหรือลงเขา Matterhorn โดยเฉลี่ยสามถึงสี่คนต่อปี ฤดูหนาวและฤดูร้อนเป็นช่วงเวลาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการเยี่ยมชม Matterhorn ด้วยเหตุผลสองประการ ได้แก่ สภาพอากาศและกิจกรรมกลางแจ้ง นอกจากจะเป็นยอดเขาที่ได้รับความนิยมจากนักปีนเขาแล้ว Matterhorn ยังมีโรงแรม คาเฟ่สวย ๆ ให้ได้ใช้บริการอีกด้วย
เคเบิลคาร์ไปยัง Matterhorn Glacier Paradise

เปิดให้บริการตลอดทั้งปี ตั้งแต่เวลา 9:00 – 16:00 น.

อาจปิดให้บริการในสภาพอากาศเลวร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่มีลมแรงและมีพายุ

 

 

 

 

 

เซนต์มอริตซ์ St. Moritz ซึ่งอยู่ใน Upper Engadine ที่ระดับความสูง 1,856 ม. นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกต่างชื่นชมกับวิถีชีวิตแบบอัลไพน์สมัยใหม่ โดดเด่นด้วยร้านอาหารชั้นยอดที่สามารถตอบสนองความต้องการของนักชิมได้แม้กระทั่งร้านอาหารริมทาง โรงแรมที่กำหนดมาตรฐานในทุกประเภท และงานระดับนานาชาติ สถานที่ท่องเที่ยว เช่น หอเอน เศษซากของโบสถ์มอริเชียสเมื่อประมาณปี ค.ศ. 1500 เมืองเซนต์มอริตซ์ล้อมรอบด้วยยอดเขาสูงตระหง่าน 3,000 เมตรขึ้นไป มีประชากร 5,000 คน และเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก นอกจากนี้เซนต์มอริตซ์ยังเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูหนาวสองครั้ง (1928 และ 1948) และเหมาะกับการเล่นสกีตั้งแต่คริสต์มาสจนถึงปลายเดือนเมษายน นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันบ็อบสเลดดิ้งและการแข่งขันสกีเวิลด์คัพอีกด้วย วิธีที่น่าตื่นเต้นที่สุดในการไปถึงเซนต์มอริตซ์คือการนั่ง Glacier Express หรือ Bernina Express ซึ่งเดินทางไปตามเส้นทางรถไฟที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก
วันจันทร์ – อาทิตย์ เวลา 08.30 – 18.00 น.

 

 

 

 

 

ยอดเขาทิตลิส (Titlis) ยอดเขายอดฮิตของคนที่หลงใหลกับวิวสวยๆ ตั้งอยู่ระหว่างรัฐออบวัลเดินกับรัฐแบร์นของสวิตเซอร์แลนด์ คนที่ของขึ้นแต่กลัวนี่หมดกังวลได้เลยครับเพราะขึ้นง่ายๆสบายๆด้วยนั่ง Cable Carไปจนถึงบริเวณยอดเขาได้เลย ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องวิวทิวทัศน์ที่จะเห็นตั้งแต่ตอนขึ้น Cable Car จากการที่เป็นกระเช้าแห่งแรกของโลกที่หมุนแบบ 360 องศาได้ ถ้ามีแพลนให้มาแนะนำให้เตรียมอุปกรณ์กันหนาวมานะครับ เนื่องจากที่บริเวณยอดเขามีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี ถ้าสายชิลก็สามารถเดินชมวิวพร้อมเดินสะพานแขวนที่ขึ้นชื่อว่าสูงที่สุดในยุโรป แต่ถ้าเป็นสายกิจกรรมก็สามารถเล่นสกีพร้อมเต็มอิ่มกับวิวงามๆไปตลอดทาง

 

 

 

 

ปราสาทชิลยอง ตั้งอยู่ภายในเมือง Veytaux เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปราสาทที่มีความเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่ง นับๆอายุแล้วก็ปาเข้าไปพันปีเข้าไปแล้ว สิ่งที่ถือเป็นไฮไลท์ก็ตรงการที่ตัวปราสาทตั้งอยู่บริเวณเกาะกลางทะเลสาบ ในภาพถ่ายว่าสวยแล้วมาเจอของจริงบอกเลยว่าสวยยิ่งกว่าภาพเยอะ ซึ่งเป็นการลงตัวของสถาปัตยกรรมโบราณสไตล์โกธิคบวกรวมกับวิวธรรมชาติของทะเลสาบ กลายออกเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่รวมสองสิ่งไว้อย่างลงตัว ในอดีตนั้นที่ปราสาทแห่งนี้เคยเป็นจุดคอยเก็บค่าผ่านทางและที่พำนักของตระกูลซาวอย นอกจากห้องต่างๆที่คงตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์ไว้เหมือนสมัยก่อนแล้ว ยังจะมีคุกลับชั้นใต้ดินที่เคยเป็นที่ขังฟรังซัวส์ โบนิวาร์ด ผู้เป็นนักบวชและนักการเมืองคนสำคัญอีกด้วย

 

 

 

 

 

ยอดเขาจุงเฟรา (Jungfrau) ยอดเขาที่ถูกยกให้สูงที่สุดของยุโรปแห่งนี้ ตั้งอยู่ภายในรัฐแบร์นของสวิตเซอร์แลนด์ นับเป็นยอดเขาที่รวมความเป็นที่สุดของยุโรปไว้มากมาย ทั้งสูงที่สุด วิวมุมสูงสวยที่สุด รวมทั้งยังมีธารน้ำแข็งยาวที่สุดของเทอกเขาพ่วงด้วยมีถ้ำการแกะสลักอย่างงดงาม ด้วยความสูงระดับนี้จึงเป็นจุดหมายปลายทางสุดฮอตของเหล่านักสกีที่ชื่นชอบความท้าทาย อยากลองมาเล่นสกีบนยอดเขาสูงๆพร้อมอินไปกับวิวสวยๆ การขึ้นไปก็ไม่ยากอย่างที่คิดโดยสามารถเดินทางไปได้ด้วยกลาเซียร์ เอ๊กซ์เพรส (Glacier Express)ที่ว่ากันว่าเป็นรถไฟด่วนที่สวนทางกับความเร็ว หากก็ถือเป็นโบนัสเพราะจะได้ฟินไปกับวิวธรรมชาติอลังการไปตลอดเส้นทาง

 

 

 

 

 

ปราสาทกรุยแยร์ ตั้งอยู่ภายในเมืองเก่ากรูแยร์ โดยเป็นปราสาทเก่าแก่ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และยังเป็นมรดกสถานที่สำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งที่นี่ถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 13 เมื่อก่อนเคยได้เป็นที่พำนักของผู้ปกครองเมืองสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน มายุคปัจจุบันแม้จะได้เป็นที่อาศัยอีกต่อไปแล้ว หากก็ยังคงอนุรักษ์สิ่งต่างๆทั้งเฟอร์นิเจอร์ เครื่องไม้เครื่องมือ รวมไปถึงสิ่งต่างๆในยุคก่อนไว้ในสภาพสมบูรณ์มากๆ และได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ผู้ที่สนใจได้เข้าชม ไม่ได้มีดีแค่ด้านในเท่านั้นนะครับ เรื่องสวนที่นี่เค้าก็ค่อนข้างโดดเด่นไม่น้อย หากก็ขึ้นอยู่กับฤดูกาลด้วย ฉะนั้นถ้าแพลนอยากมาชมสวนดอกไม้สวยๆควรมาช่วงฤดูใบไม้ผลิไปจนถึงช่วงฤดูร้อนจะดีที่สุด

 

 

 

 

 

สะพานคาเปล ตั้งอยู่ภายในเมืองลูเซิร์น นับว่าเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองแห่งนี้ที่ไม่มาไม่ได้ และยังเป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่มากที่สุดของสวิสรวมทั้งยังมีความเก่าแก่มากที่สุดของโลกอีกด้วย โดยจะเป็นสะพานที่ทำการไม้ด้วยดีไซน์สุดคลาสสิคพร้อมหลังคาทอดยามข้ามแม่น้ำรอยส์ ที่ไม่น่าเชื่อว่าแม้จะมีอายุเป็นร้อยๆปีแต่กลับแข็งแรงทนทานมากๆ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมและรูปแบบกรรมวิธีการสร้างที่เป็นภูมิปัญญาของคนท้องถิ่นอย่างแท้จริง บวกกับการเพิ่มดีเทลด้วยภาพเขียนโบราณที่เล่าถึงเรื่องราวความเป็นมาของสวิตเซอร์แลนด์  แถมแบล็คกราวน์ด้านหลังที่เป็นสิ่งก่อสร้างโบราณพร้อมด้วยวิวเทือกเขาสุดฟิน เรียกได้ว่าคุ้มค่าการมาเยือนสุดๆ

 

 

 

 

ทะเลสาบเจนีวา ตั้งอยู่ทางแถบตะวันตกของสวิตเซอร์แลนด์อย่างเมืองเจนีวานั่นเอง ด้วยความที่พื้นที่ของทะเลสาบคาบเกี่ยวระหว่างสองประเทศคือ สวิสกับฝรั่งเศส จึงทำให้มีอีกชื่อในภาษาฝรั่งเศสว่า “ทะเลสาบเลม็อง (Lac Léman)”  ตัวทะเลสาบเองไม่เพียงมีความสวยงามอย่างเดียว แต่ยังมีความสำคัญจากการเป็นแหล่งน้ำจืดที่ใหญ่เป็นอันดับสองของยุโรปพ่วงมาอีกตำแหน่ง โดยที่นี่ยังมีอีกหนึ่งไฮล์ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดชมอย่างน้ำพุเจ็ดโด้ (Jet d’Eau) ที่สามารถพ่นน้ำได้สูงสุดมากถึงสูงสุดถึง 140 เมตร จนได้รับการขนานนามให้เป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมืองเจนีวา

 

 

 

 

รถไฟกลาเซียร์ เอ๊กซ์เพรส ที่จุดเริ่มต้นอยู่ที่สถานี Grindelwald หรือ Lauterbrunnen ชอบความชิลอยากอินไปกับวิวสองฝั่งข้างทางนานๆมาขบวนนี้ตอบโจทย์อย่างแรง เนื่องจากขึ้นชื่อว่าเป็นรถไฟด่วนที่ความเร็วเยี่ยงสล็อต รับรองว่าเต็มอิ่มไปกับวิวทิวทัศน์ของเทือกเขาแอลป์ กันยาวๆ

 

 

 

 

น้ำตกไรน์ ตั้งอยู่ระหว่างรัฐชัฟเฮาเซินกับรัฐซือริช บอกเลยว่าถ้าอยากมาดูน้ำตกที่อลังการงานสร้างที่สุดของยุโรปต้องมาที่นี่ให้ได้ การันตีจากการได้รับการยอมรับให้เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปมานั่นเอง ซึ่งมาแล้วก็ไม่ได้แค่มองอย่างเดียว เพราะสามารถล่องเรือชมน้ำตกแบบชิลๆก็ได้หรือจะเดินบริเวณสะพานใกล้ๆเพื่อชมความงดงามของน้ำตกแบบภาพรวมก็ยังไหว โดยที่นี่ไม่ใช่แค่ใหญ่หากยังมีความเก่าแก่มากๆ เพราะกำเนิดครั้งแรกเมื่อกว่าหมื่นปีที่แล้วในยุคน้ำแข็งเลยทีเดียว

 

 

 

 

Bernina Express รถไฟสายด่วนสไตล์วินเทจที่เก่าแก่มากที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ อยากนั่งรถไฟพร้อมชมวิวธรรมชาติสวยๆทั้งเทือกเขาแอลป์ ลำธาร ทะเลสาบ และที่สำคัญแล่นไปบนสะพานโค้งแห่งบรูสิโอที่งดงามระดับมรดกโลก บอกได้คำเดียวว่าเพลินจนลืมเวลาไปเลย เพราะเกือบตลอดเส้นทางของรถไฟขบวนนี้จะได้นั่งชมวิวของสวิตเซอร์แลนด์อย่างเต็มอิ่ม ไม่ว่าจะมาฤดูไหนก็สวยไม่แพ้กัน

 

 

 

 

พิพิธภัณฑ์การขนส่งสวิส (Swiss Transport Museum Luzern) ตั้งอยู่ที่เมืองลูเซิร์น เรียกได้ว่าเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์การขนส่งของสวิสและยังเป็นพิพิธภัณฑ์การขนส่งและคมนาคมใหญ่ที่สุดในยุโรปอีกด้วยล่ะครับ ซึ่งที่นี่ได้รวมเอารูปแบบการขนส่งตั้งแต่ในอดีตจวบจนมาถึงในยุคปัจจุบันไว้ให้ได้ชมกันอย่างครบครัน ทั้งรถไฟ เรือ และเครื่องบิน แล้วยังเพิ่มความน่าสนใจให้กับการจัดแสดงด้วยการมีนิทรรศการแบบอินเทอร์แอคทีฟและมีภาพยนตร์สามมิติ ทำให้การให้ความรู้ทั้งทันสมัยและไม่น่าเบื่อเลยซักนิด แบบว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็สามารถสนุกไปได้พร้อมกับเก็บเกี่ยวความรู้ต่างๆที่แฝงมาในเวลาเดียวกัน

 

 

 

 

ย่านเมืองเก่าของซูริค หรือ Altstadt เป็นย่านใจกลางเมืองเก่าแก่ของซูริค ด้วยอาคารเก่าแก่ที่งดงามจากยุคศตวรรษที่ 19 และบนถนนหินกรวดที่คดเคี้ยวก็เป็นที่ตั้งของคาเฟ่ที่ทันสมัย มีร้านค้า และหอศิลป์ จึงไม่แปลกใจว่าทำไมที่ Altstadt จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการท่องเที่ยวสถานที่สำคัญๆของนักท่องเที่ยว รายล้อมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆอย่าง ย่านการค้า Bahnhofstrasse ตลอดจนชมวิวติดแม่น้ำ Limmat หรือแม้แต่โบสถ์ St Peter สามารถเดินทางไปตามจุดต่างๆโดยการเดินเท้า นอกจากนี้ยังมีสถานที่ๆน่าสนใจอย่างโรงละครโอเปร่า (Opernhaus Zurich) โบสถ์โปรเตสแตนท์ (Grossmunster) สวนพฤกษศาสตร์ (Alter Botanischer Garten) ภัตตาคารอาหารสวิส (Kaufleuten/Restaurant Kultus Klub Bankette) อุทยาน Lindenhof และอุทยาน Platespitz