รวมข้อมูลวิธีการเดินทางทั้งหมดในฮ่องกง
ฮ่องกงมีระบบการขนส่งสาธารณะที่ทันสมัย ครอบคลุมพื้นที่เกือบจะครบทั้งหมด และสะดวกมาก โดยเฉพาะระบบรถไฟใต้ดิน MTR และเครือข่ายรถบัสสายต่างๆ ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวในฮ่องกงในนั้นค่อนข้างจะง่าย และสะดวก นอกจากนี้ก็ยังมี รถรางที่เป็นระบบเก่าแก่กว่า 100 ปีแล้วของฮ่องกง รวมทั้งเรือเฟอรี่ และแท๊กซี่ เมื่อการเดินทางง่าย การท่องเที่ยวก็ง่ายตามไปด้วย ซึ่งก็ยังมี App มือถือที่สามารถบอกเราได้ด้วยว่าจะเดินทางจากไหน ไปไหนได้ยังไง ราคาเท่าไหร่ ใช้เวลาเท่าไหร่
เรามาดูกันดีกว่าว่าการเดินทางต่างๆของฮ่องกงมีอะไรกันบ้าง แต่อย่างใช้งานอย่างไร และราคาประมาณเท่าไหร่
1. รถรางที่วิ่งอยู่ภายในสนามบินฮ่องกง น่าจะเป็นระบบการเดินทางอย่างแรกที่เราจะต้องเจอ โดยจะวิ่งรับส่งผู้โดยสารของ Gate ต่างๆที่มีมากถึง 200 กว่า Gate จะได้ไม่ต้องเดินไกลๆ ใช้บริการได้ฟรี มีรถวิ่งทุกๆ 5 นาที
2. รถไฟด่วนจากสนามบิน Airport Express เป็นรถไฟที่วิ่งตรงระหว่างเมืองกับสนามบิน โดยจะจอดเพียงแค่ 4 สถานีเท่านั้น คือ สถานี Airport Station, สถานี Tsing Yi Station ที่สามารถเปลี่ยนเป็นรถไฟใต้ดินสายสีส้ม Tung Chung Line ได้, สถานี Kowloon Station ที่เชื่อมต่อกับรถไฟใต้ดินสายสีส้มเช่นกัน และจะมีบริการรถ Shuttle Bus ฟรีสำหรับพื้นที่อื่นๆในตัวเมืองฝั่ง Kowloon ด้วย และ สถานี Hong Kong Station ซึ่งเชื่อมต่อกับรถไฟใต้ดินอีก 3 สาย คือสีเขียว Tung Chung Line, สายสีแดง Tsuen Wan Line และสายสีฟ้า Island Line และยังมี Shuttle Bus ฟรีสำหรับพื้นที่ต่างๆของตัวเมืองฝั่งเกาะฮ่องกงด้วย โดยใช้เวลาจากสถานี Airport มาที่สถานี Hong Kong เพียง 25 นาทีเท่านั้น ราคา 100 เหรียญต่อเที่ยว มีรถวิ่งทุกๆ 10 นาที ตั้งแต่เวลา 05:54 – 00:48 ดูรายละเอียดวิธีการเดินทางจากสนามบินฮ่องกงเข้าเมืองได้ที่นี่
3. รถไฟใต้ดิน MTR มีค่อนข้างครอบคลุมพื้นที่ของฮ่องกง มีทั้งหมด 12 สาย(รวม Airport Line ด้วย) และเกือบ 100 สถานี มีวิธีการใช้งานคล้ายกับรถไฟฟ้าบ้านเรา ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวของฮ่องกงนั้นง่ายและสะดวกมาก เปิดให้บริการตั้งแต่เช้าตรู่ประมาณ 6 โมงเช้าจนถึงประมาณเที่ยงคืน แต่ละสถานี แต่ละสายจะไม่เท่ากัน ค่าโดยสารจะแล้วแต่ระยะทาง เริ่มต้นที่ 3.5 เหรียญ และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามระยะทาง สามารถใช้กับบัตรเติมเงิน Octopus ได้ ตอนเข้าและออกเครื่องกั้น ให้แตะบัตรก่อนแล้วจึงเดินผลักที่กั้นแบบหมุนๆเข้าไป หรือถ้าไม่มีบัตร Octopus ก็สามารถซื้อบัตรแบบเป็นเที่ยวได้ที่เครื่องขายตั๋ว หรือที่เค้าเตอร์ก็ได้
4. เครือข่ายรถบัสของฮ่องกง ครอบคลุมพื้นที่ทั่วทุกแห่ง ถ้าเป็นในพื้นที่เมืองส่วนใหญ่จะเป็นรถบัสแบบ 2 ชั้น หรือแบบรถบัสเล็กที่คล้ายกับรถตู้แต่มีขนาดใหญ่กว่า และมีปริมาณรถมากส่วนใหญ่จึงไม่ต้องรอนาน รถบัสส่วนใหญ่จะเป็นแบบปรับอากาศ ใช้งานได้ง่ายสามารถ และราคาค่อนข้างถูกที่สุด เริ่มต้นประมาณ 2 เหรียญเท่านั้น แต่เราอาจจะต้องรู้ว่าจะขึ้นรถที่ไหนและลงที่ไหนหรือป้ายอะไร ซึ่งวิธีการดูก็ไม่ยากอะไร สามารถใช้ Google Map ได้เลย หรือจะโหลด App การเดินทางของฮ่องกงก็ได้
การใช้งานรถบัสที่ฮ่องกงก็ไม่ยาก ให้ไปยืนรอรถบัสให้ถูกกับตำแหน่งที่รถจะจอด เพราะที่ป้ายรถบัสจะมีจุดจอดรถหลายจุด ให้ขึ้นที่ประตูหน้า แล้วแตะบัตร Octopus หรือจ่ายเงินสดที่ช่องข้างคนขับแต่ควรเตรียมเงินให้พอดี เพราะจะไม่มีการทอนเงิน ซึ่งค่าโดยสารจะมีอยู่ 2 แบบคือแบบเหมา ลงป้ายไหนก็จ่ายเท่ากัน และแบบที่คิดตามระยะทาง ซึ่งสามารถดูได้จากป้ายที่ตั้งอยู่บริเวณป้ายรถบัสได้เลย ด้านหน้ารถจะมีหมายเลขและปลายทางบอกเป็นภาษาอังกฤษ ส่วนบนรถก็จะมีป้ายที่กำลังจะจอดบอกเป็นภาษาอังกฤษด้วยเช่นกัน จากนั้นก็เลือกที่นั่งได้เลย พอถึงป้ายที่จะลง ก็ให้กดปุ่มสีแดง เพื่อบอกให้คนขับรู้ว่าจะมีคนลง เวลาลงให้ลงที่ประตูด้านหลัง ถ้าเป็นแบบเหมาก็ลงได้เลย แต่ถ้าเป็นแบบคิดราคาตามระยะทางให้แตะบัตรที่แท่นบริเวณทางออกประตูหลังอีกครั้ง
อีกเหตุผลสำหรับการนั่งรถบัสก็คือ มีรถบัสหลายๆสายที่พาเราอ้อมไปตามเส้นทางต่างๆที่ทั้งสวยงามและน่าตื่นเต้น เช่น การนั่งรถบัส 2 ชั้น สาย 14 15 และ 41A ที่เป็นสายที่วิ่งขึ้นลงพื้นที่ภูเขาของฮ่องกงเป็นหนึ่งในเส้นทางที่สวยงามที่สุดของฮ่องกง, สาย M47, 23 และ 73 ที่จะขับเรียบชายฝั่งทะเลของฮ่องกงทาง ตะวันออก ทางใต้และทางตะวันตกของเกาะ ส่วนสาย H1 และ H2 จะวิ่งผ่านกลางเมืองย่านสำคัญๆต่างๆ
5. รถ Minibus หรือ Public Light Bus (PLB)
เป็นรถบัสขนาดเล็กที่มีที่นั่งไม่เกิน 16 ที่นั่งและยืนไม่ได้ ส่วนใหญ่จะวิ่งในเส้นทางที่รถบัสปกติไม่ได้วิ่งหรือว่าวิ่งน้อย และเป็นระบบที่จะออกวิ่งเมื่อผู้โดยสารเต็ม แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ สีเขียวและสีแดง โดยดูได้จากสีตอนบนของรถบัส สีเขียวจะวิ่งเส้นทางเดิมทุกครั้ง และมีค่าโดยสารแบบเหมา ส่วนสีแดงจะมีกฏระเบียบน้อยกว่า
วิธีการใช้งานรถ Minibus ของฮ่องกงจะค่อนข้างยุ่งยากสำหรับนักท่องเที่ยวอยู่บ้าง เพราะต้องรู้จักถนนหรือจุดจอดรถ และถีงแม้ว่าหลายคันจะมีระบบการกดกริ่งเมื่อต้องการลงป้ายถัดไปภายในรถ แต่ส่วนใหญ่คนฮ่องกงจะใช้ระบบบอกคนขับเอาว่าจะลงที่ไหน ส่วนการขึ้นสามารถโบกได้เลยเหมือนแท๊กซี่ ยกเว้นบางถนนที่ไม่ให้จอดหรือมีการทำป้ายรถเฉพาะเอาไว้ให้แล้ว การจ่ายเงินเหมือนรถบัสทั่วไป คือต้องเตรียมเงินให้พอดี หรือจ่ายด้วยบัตร Octopus
6. รถราง Tram เป็นระบบการขนส่งแบบคลาสสิคที่มีเครือข่ายอยู่เฉพาะที่เกาะฮ่องกง(Hong Kong Island)เท่านั้น มีอายุ 100 กว่าปีแล้ว มีการใช้งานคล้ายกับรถบัส มี 2 ชั้น ราคาไม่แพง ผู้ใหญ่ 2.3 เหรียญเด็ก 1.2 เหรียญ เป็นแบบเหมา แต่จะต่างกับรถบัสตรงที่ เวลาขึ้น ให้ขึ้นที่ด้านหลัง แล้วเวลาลงให้ลงที่ทางออกด้านหน้าแล้วค่อยจ่ายเงินขาลงที่แท่นข้างคนขับ ถ้าเป็นบัตร Octopus ก็แตะเอา ถ้าเป็นเงินสดให้เตรียมเหรียญให้พอดีเพราะจะไม่ทอนเหมือนกันกับรถบัส
ปัจจุบันรถ Tram จะมีให้บริการอยู่ด้วยกัน 6 สาย ระหว่าง Kennedy Town และ Shau Kei Wan ผ่านช้อปปิ้งต่างๆเช่น Cause way Bay, Wan Chai และ Central ให้บริการตั้งแต่ 06:00-24:00 มีรถค่อนข้างเยอะ รอไม่นาน ยิ่งในช่วง Rush Hour จะมีรถวิ่งทุก 2 นาทีเลย ซึ่งมีสถานีจอดค่อนข้างถี่ 60 กว่าป้ายจาก 6 สาย ทำให้เป็นวิธีการเดินทางใกล้ๆภายในเกาะฮ่องกงที่อาจจะสะดวกยิ่งกว่า MTR เพราะไม่ต้องเดินมากและยังถูกกว่าด้วย
ถ้าใครมีเวลามากหน่อย ก็แนะนำให้ลองนั่งเล่นๆ ชมเมืองของเกาะฮ่องกงดูก็ดี
เส้นทางต่างๆ:
Shau Kei Wan → Western Market
Shau Kei Wan → Happy Valley
North Point → Whitty Street
Happy Valley → Kenned Town
Causeway Bay → Kennedy Town
Western Market → Kenney Town
7. เรือเฟอรี่ หรือเรือข้ามฟาก เนื่องจากฮ่องกงมีสภาพเป็นเกาะน้อยใหญ่มากมาย การโดยสารเรือจึงเป็นหนึ่งในวิธีการเดินทางที่เป็นที่นิยมมาตั้งแต่โบราณ แต่ปัจจุบันได้มีการสร้างอุโมงค์และสะพานเชื่อมต่อมากมายทำให้ คนลดความนิยมลง กลายเป็นเรือที่นั่งเพื่อการท่องเที่ยวแทนโดยเฉพาะที่บริเวณอ่าววิคตอเรียที่เป็นจุดชมการแสดง Symphony of Light
8. แท๊กซี่(Taxi)ในฮ่องกง จะแบ่งพื้นที่วิ่งออกเป็น 3 พื้นที่ 3 สีด้วยกัน สามารถเรียกข้ามเขตได้ ถ้ามีค่าทางด่วนหรือค่ารอดอุโมงค์ ผู้โดยสารจะต้องเป็นคนออกทั้งขาไปและกลับ เช่น ใช้งานสะพานข้ามเกาะ เพราะแท๊กซี่คนละสีจะรับผู้โดยสารนอกเขตไม่ได้ ต้องวิ่งกลับเข้าเขตตัวเองเท่านั้น นั่งได้ไม่เกิน 4 คน และแท๊กซี่มีโอกาสที่จะปฏิเสธผู้โดยสารได้ด้วย ถ้ามีกระเป๋าใบใหญ่จะคิดค่ากระเป๋าเพิ่มใบละ 5 เหรียญ แท๊กซี่ทั้ง 3 สีคือ สีแดง วิ่งในเขตตัวเมืองฮ่องกง และเกาลูนทั้งหมด ราคาจะแพงที่สุด เริ่มต้นที่ 2 กิโลเมตรแรก 22 เหรียญและ 1.6 เหรียญทุก 0.2 กิโลเมตร, สีเขียว วิ่งเขตนิวทอริทอรี่(New Terirories) เริ่มต้น 2 กิโลเมตรแรกที่ 18.5 เหรียญ และ 1.4 เหรียญทุกๆ 0.2 กิโลเมตร และ สีฟ้าภายในเกาะลันเตา(Lantau) เริ่มต้น 17 เหรียญ และ 1.4 เหรียญทุกๆ 2 กิโลเมตรเช่นกัน
9. Cable Car ขึ้น Nong Ping เป็นการเดินทางขึ้นเขาไปเที่ยวพระใหญ่แห่ง นองปิง ที่น่าตื่นเต้นเพราะวิ่งไปตามภูเขา มีทิวทัศน์สวยงามและน่าหวาดเสียวในบางช่วง ดูข้อมูลการเที่ยว Nong Ping และการขึ้นกระเช้าเพิ่มเติมได้ที่นี่
10. รถรางขึ้น The Peak เป็นการขึ้นรถรางที่จะวิ่งตรงขึ้นเนินเขาสุงชันไปที่แหล่งท่องเที่ยว The Peak ดูข้อมูลการเที่ยวThe Peak และการขึ้นรถรางเพิ่มเติมได้ที่นี่
11. Helicopter เป็นวิธีการเดินทางที่ราคาสูงมากแต่เป็นที่นิยมในหมู่นักธุรกิจ ที่ใช้แทนการนั่งรถหรูเพื่อเลี่ยงการจราจรที่อาจจะหนักมากของฮ่องกง รวมทั้งการนั่งข้ามไปมาระหว่างฮ่องกงและมาเก๊าด้วย
https://madmotoring.wordpress.com/tag/taxi/