โปรแกรมเที่ยวมาเก๊า 3 วัน 2 คืน ตะลอนเที่ยวกินช้อปทุกที่ฮิต
ทริปแนะนำสำหรับใครที่วางแผนเดินทางไปเที่ยวมาเก๊า 3 วัน 2 คืน เรียกได้ว่าเป็นโปรแกรมยอดฮิตที่ไปได้ง่ายๆ แค่มีวันหยุดศุกร์หรือจันทร์ก็ไม่ต้องลางาน หรือหากไม่ตรงกับวันหยุดก็ลาแค่ 1 วันก็เที่ยวได้เกือบครบทั่วมาเก๊าแล้ว เพราะมาเก๊านั้นเป็นประเทศเล็กๆ โด่งดังในเรื่องของคาสิโน แต่เนื่องจากเคยตกเป็นเมืองขึ้นของโปรตุเกสเลยทำให้มีแหล่งท่องเที่ยวต่างๆที่มีเรื่องราวประวัติศาสตร์และเห็นถึง 2 วัฒนธรรมที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว โดยโปรแกรมนี้เหมาะสำหรับคนที่ไปเที่ยวครั้งแรกเพราะจะพาไปตะลอนที่เที่ยวยอดฮิต ชิมขนมทาร์ตไข่เจ้าอร่อยและของกินร้านดัง นอกจากนี้ยังมีเวลาสำหรับช้อปปิ้งของฝากอีกด้วย
วันที่ 1 (DAY 1)
หลังจากลงเครื่องที่สนามบินมาเก๊า ให้ขึ้นรถ Shuttle bus ฟรีไปลงที่เวเนเชี่ยนแล้วต่อรถเข้าตัวเมืองมาเก๊า ซึ่งรถ Shuttle bus นี้จะวิ่งไปยังโรงแรมต่างๆ หากใครเป็นโรงแรมที่พักอยู่แล้วก็จอดหน้าโรงแรมเลย หรือถ้าไม่ต้องการรอรถฟรีก็สามารถขึ้นรถบัสจากสนามบินเข้าเมืองได้ จากนั้นให้เอากระเป๋าไปเก็บที่โรงแรม แล้วไปเที่ยวที่แรกก็คือ จตุรัสเซนาโด้ Senado Square เป็นย่านยอดฮิตของมาเก๊า มีทั้งสถาปัตยกรรมสไตล์โปรตุเกสผสมผสานกันวัฒนธรรมจีนให้เที่ยวชม นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารชื่อดังและร้านขนมทาร์ตไข่เจ้าอร่อยอยู่ไม่ไกลอีกด้วย บริเวณย่านนี้จะมีจุดท่องเที่ยวหลายแห่งให้แวะชมได้
วิธีการเดินทางไป จตุรัสเซนาโด้ ถ้าโรงแรมอยู่ใกล้ก็สามารถเดินไปได้เลย หรือถ้าพักไกลให้นั่งรถบัสไป ขึ้นรถบัสสาย 3, 3A, 4, 8A, 10, 10A, 11, 18, 19, 21A, 26A, 33 ไปลงที่ป้าย Av. De Almeida Ribeiro (San Ma Lo) อยู่ฝั่งเดียวกับเซนาโด้ สแควร์ หรือขึ้นรถบัสสาย 3, 4, 6, 8A, 18A, 19, 26A, 33, N1A ไปลงที่ป้าย Almeida Ribeiro อยู่ฝั่งตรงข้างกันเซนาโด้ สแควร์
จากนั้นจะเดินไปยัง ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล Ruins of St. Paul’s จากเซนาโด้จะมีป้ายบอกทางตลอด สามารถเดินตามป้ายไปได้เลย เซนต์ปอลเป็นโบสถ์ที่หลงเหลือเพียงซากด้านหน้าของอาคาร ซึ่งทางเดินขึ้นไปจะเป็นบันไดหิน และซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลจะอยู่ด้านบนสุด เป็นเหมือนสัญลักษ์ของมาเก๊า
เดินกลับทางเดิมมาทานมื้อเที่ยวที่ร้าน Macau Wong Chi Kei บะหมี่ไข่เกี๊ยวกุ้ง สุดอร่อยแห่งเซนาโด้ สแคว์ บะหมี่ไข่เส้นนุ่มกำลังดีกับเกี๊ยวกุ้งยักษ์ที่ลวกมาได้อย่างพอดี ไม่สุกเกินและไม่เละเกินไป น้ำซุปก็กลมกล่อม ร้านเป็นห้องคูหาเล็กๆไม่ใหญ่มากแต่มีถึง 3 ชั้น แต่หากเดินผ่านก็จะเห็นคนต่อคิวทานกันเกือบตลอดทั้งวัน
มาเที่ยวกันต่อที่ พิพิธภัณฑ์มาเก๊า – Macao Museum และ ป้อมปราการมองเต Macau Monte Fort สองที่นี้จะอยู่ที่ตึกเดียวกัน ให้เดินตามทางเดิมที่จะประตูโบสถ์เซนต์พอล ทางเข้าพิพิธภัณฑ์และป้อมปราการจะอยู่ทางขวามือ
ส่วนตอนเย็นนั้นให้มาเดินเล่นและกินมื้อเย็นที่ ถนนสายแห่งความสุข Happy Street เป็นเส้นที่เต็มไปด้วยตึกและอาคารสมัยก่อน ที่ตกแต่งบานประตูและหน้าต่างเป็นสีแดงตลอดทาง บางคนจะเรียกว่า “ย่านโคมแดง” จึงทำให้ดูแปลกตา นักท่องเที่ยวนิยมมาเดินเล่นกันในช่วงเย็นถึงค่ำ เพราะจะมีร้านค้าร้านอาหารเปิดกันอย่างคึกคัก
วันที่ 2 (DAY 2)
ทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ก็มุ่งตรงไปไหว้พระที่ วัดอาม่า A-Ma Temple ก่อนเลย โดยนั่งรถบัสสาย 1, 2, 5, 6B, 7, 10, 10A, 11, 18, 21A, 26, 28B, 55, MT4, N3 มาลงที่ป้าย A-Ma Temple ด้านหน้าวัดอาม่า วัดอาม่าเป็นวัดดังที่มีอยู่มายาวนาน สร้างขึ้นตั้งแต่ก่อนที่จะมีเมืองมาเก๊าเกิดขึ้น จึงทำให้เป็นวัดที่มีความสำคัญอีกแห่งหนึ่ง เชื่อกันว่าที่มาของชื่อมาเก๊านั้น มาจากบริเวณวัดอาม่าแห่งนี้นี่เอง ในอดีตจะมีอ่าวที่ชื่อว่า A Ma Goa (อาม่าก๊อก) แปลว่า อ่าวของอาม่า จึงเพี้ยนมาเป็นชื่อ มาเก๊า ในปัจจุบัน ที่วัดนั้นจะมีธูปวง รูปทรงแปลกตา 1 วงสามารถจุดได้นานเป็นอาทิตย์และเชื่อกันว่าหากจุดธูปวงแล้วจะทำให้อายุยืนยาวขึ้น
ถัดจากวัดอาม่า จะมีพิพิธภัณฑ์ทางทะเลมาเก๊า Macau Maritime Museum ตั้งอยู่ติดกัน เมื่อไหว้พระขอพรเสร็จแล้วคนส่วนใหญ่ก็มันจะเดินมาเที่ยวที่นี่ต่อ อาคารภายนอกของพิพิธภัณฑ์นั้นสร้างเป็นรูปเรือ เพื่อสื่อถึงการเดินทางทางทะเล ด้านมีจะมีเรือโบราณหลายแบบจัดแสดงโชว์อยู่ มีค่าเข้า 10 MOP
หลังจากชมพิพิธภัณฑ์เสร้จแล้วให้เดินลัดเลาะไปตามถนน Calcada da Barra เส้นด้านในไปทาง เซนาโด้ สแควร์ เพราะระหว่างทางจะมีที่เที่ยวให้แวะมากมาย
เมื่อเดินมาไม่ไกลก็จะพบกับ ค่ายทหารชาวมัวร์ Moorish Barracks อยู่ทางขวามือ สร้างขึ้นในปี 1874 เพื่อใช้เป็นค่ายทหารของตำรวจอินเดียวที่ถูกส่งมาเสริมกำลังในมาเก๊า ออกมาแบบโดยชาวอิตาลีในสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิค
จากนั้นเดินมาอีกหน่อยก็จะถึง บ้านแมนดารินมาเก๊า Mandarin House in Macau บ้านสไตล์จีนโบราณ ก่อสร้างขึ้นในปี 1869 เป็นอาคารหลายหลังประกอบกัน มีลานตรงกลางที่ใช้ร่วมกัน โดยผสมผสานรายละเอียดต่างๆในแบบจีนดั้งเดิมและตะวันตก อยู่ทางซ้ายมือ
และเดินต่อมาเรื่อยๆก็จะมี โบสถ์เซนต์ลอเรนซ์มาเก๊า – Macau St. Lawrence’s Church เป็น 1 ใน 3 โบสถ์ที่มีความเก่าแก่ที่สุดในมาเก๊า อยู่ทางขวามือ
จุดสุดท้ายที่จะแวะก่อนถึงเซนาโด้ก็คือ จตุรัสเซนต์ออกัสติน ในบริเวณนี้จะมีทั้ง โบสถ์เซนต์ออกัสติน, โรงละครดอมเปโดร และ โบสถ์เซนต์โยเซฟ ตั้งอยู่ติดกัน
ทานมื้อเที่ยงที่ร้าน ร้านเป็ดย่างชื่อดัง ชางคองเก Chan Kuong Kei จากเซนาโด้ สแควร์ให้เดินทางตรงมาตามถนน Avenida de Almeida Ribeiro ซึ่งอยู่ทางหน้าน้ำพุ ตรงไปเรื่อยๆประมาณ 150 เมตร จะเจอแยกก็ให้ข้ามถนนไป จากนั้นก็ให้เลี้ยวซ้ายที่ซอยแรก จะเห็นร้านอยู่ทางซ้ายมือช่วงกลางๆซอย
ต่อด้วยขนมทาร์ตไข่เจ้าดังแห่งมาเก๊า ทาร์ตไข่มากาเร็ต Cafe e Nata Margaret’s เพียงแค่เดินทะลุซอยตรงข้ามกับร้านเป็ดมาก็จะเห็นร้านทาร์ตไข่อยู่ทางซ้ายมือ
ร้านทาร์ตไข่มากาเร็ต(Cafe e Nata Margaret’s)เป็นร้านขายทาร์ตไข่ชื่อดังที่สุดร้านหนึ่งของมาเก๊าที่มีคนเดินทางมาต่อคิวกันซื้อเป็นจำนวนมาก ขายทาร์ตไข่สูตร Portuguese คือใช้แป้งคล้ายพายกรอบๆ เป็นร้านดังของมาเก๊าทำให้มักจะมีคนแน่นร้านตลอดทั้งวัน
ช่วงบ่ายเราจะไปเที่ยวกันต่อที่ ป้อมปราการเกีย(Guia Fortress) ให้เดินย้อนกลับมาทางเซนาโด้ แต่พอถึงสี่แยกให้เลี้ยวขวา แล้วมาขึ้นรถบัสที่หน้าตึก Si Toi Commercial Building ขึ้นรถสาย 2 ไปลงที่ป้าย Flora Garden จากนั้นเดินย้อนกลับมานิดนึงจะเห็นทางขึ้นกระเช้าเพื่อไปเที่ยวป้อมปราการอยู่ทางซ้ายมือ แนะนำให้นั่งกระเช้าขาขึ้น ส่วนขากลับให้เดินลงอีกทางนึง
ป้อมปราการเกีย เป็นป้อมปราการเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในจุดที่สูงที่สุดของมาเก๊า ทำให้มองเห็นวิวได้ทั่วทั้งบริเวณเมือง ทะเล ไปจนถึงประเทศจีน สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1622 โดยชาวโปรตุเกส ที่ด้านบนยังหลงเหลือโบสถ์เล็กๆ Chapel of Our Lady of Guia ที่ยังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อยู่ด้วย
พอเดินเที่ยวด้านบนเสร็จแล้ว ให้เดินลงซึ่งทางลงนั้นจะอยู่ใกล้กับป้อมปราการ ไม่ต้องเดินย้อนกลับไปลงกระเช้า พอถึงด้านล่างให้เดินเลี้ยวขวาไปตามถนน Calcada da Vitoria พอถึงแยกให้เลี้ยวขวา ขึ้นรถบัสสาย 17 ที่ป้าย Royal Hotel จากนั้นนั่งเที่ยว รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมกลางทะเลมาเก๊า Kun Iam Statue โดยลงที่ป้าย The Statue of Kun Iam/Centro Ecumenico Kun Iam ก็จะเห็นเจ้าแม่กวนอิมอยู่ที่ด้านหน้า ตั้งอยู่กลางทะเลบริเวณ Outer Harbour ทางใต้ของฝั่งมาเก๊า เป็นรูปปั้นยืนสูง 20 เมตรบนฐานดอกบัวอีก 4 เมตร ยื่นออกไปทางทะเลเป็นระยะทาง 60 เมตร เป็นรูปปั้นทองสำริดมีรูปแบบที่ผสมกันระหว่างจีนและยุโรป จนเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวหลักของมาเก๊า ซึ่งโดดเด่นมากจนกลายเป็นหนึ่งในสัญญลักษณ์ของมาเก๊า
จากนั้นให้นั่งรถบัสสาย 12 ที่ป้าย Nape/ Rua De Madrid กลับมายังเซนาโด้ สแควร์ แล้วก็หาของกินแล้วเดินช้อปปิ้งของฝากจากมาเก๊าตามร้านต่างๆที่ตั้งอยู่เต็ม 2 ข้างทางที่จะเดินไปยังประตูโบสถ์ได้เลย
หรือใครทานข้าวเสร็จแล้วแนะนำให้ไปลองชิม นมตุ๋น ชื่อดังที่ร้าน Leitaria I Son นมตุ๋นของที่ร้านนี้จะหอมนมสดและนุ่มลิ้นมาก โดยเมนูแนะนำของร้านนี้มีอยู่ด้วยกัน 3 เมนู ก็คือ นมสดตุ๋น (Streamed Milk/ Milk Pudding), นมสดตุ๋นกับน้ำขิง (Streamed Milk with Ginger) และไข่ตุ๋น (Streamed Egg)ราคาประมาณ 12-18 MOP ตัวเด่นสุดของทางร้านที่มาแล้วต้องสั่งก็คือนมสดตุ๋น
วันที่ 3 (DAY 3)
วันสุดท้ายของทริปนี้ จะไปเที่ยวกันที่ย่านไทปาและโคโลอาน โดยเริ่มโปรแกรมช่วงเช้ากันที่ เวเนเชี่ยน The Venetian Macao เป็นคาสิโนคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่สุดของมาเก๊าที่มีโซนคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมทั้งยังเป็นอาคารที่มีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียด้วย แต่สิ่งที่มีชื่อเสียงของเวเนเชี่ยนสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปคือโซนที่เป็นห้าง ซึ่งออกแบบและตกแต่งให้เหมือนกับสไตล์เมืองเวนิสของประเทศอิตาลี วิธีการเดินทางไปนั้นจะเลือกขึ้นรถบัสฟรีของเวเนเชี่ยนก็ได้ แต่จะมีเป็นรอบๆและจะรับตามจุดต่างๆ หรือใครไม่อยากรอนานก็ให้ขึ้นรถบัสไปก็ได้เหมือนกัน สายที่ผ่านคือ 25, 25x, 26A, 35, MT1, MT2, MT3, และ MT4 เมื่อไปถึงแล้วก็ให้นำกระเป๋าเดินทางไปฝากไว้ที่เคาท์เตอร์ จากนั้นจึงค่อยไปเดินเล่นถ่ายรูป
จากนั้นจะไปเที่ยวกันต่อที่หมู่บ้านไทปา โดยให้เดินออกจากเวเนเชี่ยนประตูฝั่งตะวันตกตรงจุดจอดรถบัสต่างๆ เดินออกมาที่ถนนแล้วเลี้ยวขวาเพื่อเดินไปขึ้นสะพานลอยข้ามไปยัง หมู่บ้านไทปา Taipa Village เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่มีการอนุรักษ์บ้านเรือนเอาไว้ โดยบ้านเรือนส่วนใหญ่จะถูกสร้างขึ้นในระหว่างการปกครองของโปรตุเกส มีสถาปัตยกรรมสไตล์โคโครเนียล ทาสีอาคารด้วยสีพาสเทล ตั้งอยู่บริเวณใจของกลางเกาะไทปา เหมาะกับการเดินเล่นถ่ายรูป และแวะทานอาหารและขนมที่ถนนสายอาหารไทปา ซึ่งเป็นถนนเล็กๆภายในหมู่บ้านไทปา
ที่ถนนสายอาหารนี้จะมีร้าน Seng Cheong โจ๊กปูมาเก๊าชื่อดัง โจ๊กหม้อใหญ่ที่เนื้อโจ๊กเคี่ยวจนเข้ากันเป็นอย่างดีไปกับมันปู เวลาเสิร์ฟจะใส่ปูมาในโจ๊กทั้งตัวเลย ชามค่อนข้างใหญ่สั่งมาแบ่งกันทานได้ ที่ร้านจะมีถ้วยแบ่งให้ เรื่องรสชาติไม่ต้องพูดถึง เพราะใครลองชิมก็จะติดใจในความอร่อย
หรืออีกหนึ่งของอร่อยที่ต้องลองเมื่อมายังไทปาก็คือ ขนมปังหมูทอดโปรตุเกส Tai Lei Loi Kei เจ้าดังแห่งไทปา เป็นสูตรดั้งเดิมมีชื่อเสียงมากกว่า 50 ปีมาแล้ว เปิดร้านมาตั้งแต่ปี 1968 เนื้อหมูของที่นี่จะไม่เหมือนที่อื่น จะฉ่ำไม่แห้ง รสชาติกลมกล่อมกำลังดีเมื่อทานคู่กับขนมปังสูตรของทางร้าน
นั่งรถบัสสาย 25 ที่ป้าย Estrada Da Baia De Nossa Senhora Da Esperanca อยู่ตรงข้างกับคาสิโน Galaxy ไปยังหมู่บ้านริมทะเลโคโลอาน หมู่บ้านเล็กๆน่ารักริมทะเล มีพื้นที่ประมาณ 8 ตร.กม. เท่านั้น อยู่ทางตอนใต้สุดของมาเก๊า บ้านเรือนต่างๆเป็นบ้านเก่าสไตล์โปรตุเกสสีพาสเทลอ่อนๆ มีตรอกซอกซอยเล็กๆเต็มไปหมด บ้านแต่ละหลังก็ยังคงอนุรักษ์อาคารดั้งเดิมเอาไว้
หลังเดินเที่ยวชมหมู่บ้านจนทั่วแล้ว พอขากลับให้แวะทานทาร์ตไข่เจ้าดังแห่งโคโลอาน ร้านทาร์ตไข่ลอร์ด สโตว์ Lord Stow’s Bakery ร้านขายทาร์ตไข่ชื่อดังแห่งมาเก๊า ด้วยการที่ทำสดๆใหม่ๆ แป้งบางกรอบและมีไส้ทาร์ตที่นุ่มและหวานกำลังดี จึงทำให้มีชื่อเสียงโด่งดัง มีร้านดั้งเดิมอยู่ที่โคโลอาน หมู่บ้านเล็กๆริมทะเล ถึงแม้ว่าจะตั้งอยู่ห่างไกลจากในเมือง แต่เมื่อไปถึงร้านแล้วก็ยังต้องต่อคิวเพื่อรอทาน
ขากลับให้นั่งรถสายเดิม ไปลงที่เวเนเชี่ยน จากนั้นก็ไปเอากระเป๋า แล้วเดินไปขึ้นรถ Shuttle Bus ของเวเนเชี่ยน (ฟรี) เพื่อไปขึ้นเครื่องกลับที่สนามบิน