กรุงโรมเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันๆ ปี คุณสามารถพบทุกสิ่งจากซากปรักหักพังของโรมันไปจนถึงศิลปะยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยา นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของนครรัฐวาติกันและมีสถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดังมากมาย เช่น น้ำพุเทรวี่ บันไดสเปน หรือ Colosseum เป็นต้น แน่นอนว่าเวลาเพียง 3 วันในกรุงโรมนั้นไม่เพียงพอที่จะสามารถเห็นทุกอย่างของโรมได้ แต่มันก็เพียงพอที่จะเห็นจุดเด่นทั้งหมดได้หากมีการวางแผนและจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับเส้นทางการท่องเที่ยวที่ยอดเยี่ยมในเวลา 3 วันที่เราอยากจะแบ่งปันนั้นจะค่อนข้างแน่นและต้องทำเวลากันมาก เพราะสถานที่เที่ยวมีเยอะแต่เวลาช่างน้อย โปรแกรมเที่ยวจะเป็นดังนี้
▌วันแรก
หลังจากเดินทางมาถึงสนามบินฟูมิชิโน สนามบินหลักของกรุงโรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งแรกเลยคือการไปซื้อ Roma pass ให้เรียบร้อย โดยซื้อเป็น 72 ชั่วโมงเลยทีเดียว จากนั้นไปที่ช่องทางออกที่ 3 เพื่อใช้บริการ Leonardo Express เพื่อเดินทางไปยัง Roma termini ควรจองที่พักในบริเวณใกล้สถานี Roma Termini เลยเพราะเป็นสถานีขนส่งหลัก เดินทางได้สะดวกที่สุด แม้ว่า Roma pass จะสามารถใช้ได้กับทั้งรถไฟใต้ดิน รถรางและบัส แต่ไม่สามารถใช้ได้กับ Leonardo Express
Photo by Justus Hayes from flickr.com/photos/shoes_on_wires/4143383933 [CC by-sa 4.0]
หลังจากเช็คอินเรียบร้อยแล้ว จุดแรกที่แนะนำคือ
นครวาติกัน เมืองที่ปกครองตนเองภายในกรุงโรมอันเป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อโด่งดังอย่าง
พิพิธภัณฑ์วาติกัน โบสถ์ Sistine และมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ มาถึงนครรัฐวาติกันแล้วก็หาอะไรทานกันก่อน มีร้านอาหารน่านั่งราคาไม่แพงอยู่บริเวณนี้มากมาย จากนั้นเริ่มเที่ยวจุดแรกที่พิพิธภัณฑ์วาติกันซึ่งเริ่มเปิดให้เข้าตั้งแต่ประมาณ 9.00 น. เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ครอบคลุมพื้นที่จัดแสดงถึง 7 กิโลเมตร ดังนั้นจึงค่อนข้างใช้เวลามากในการเที่ยวชม จุดน่าสนใจได้แก่ Map room , Sistine chapel และบันไดแบบ double helix อันสวยงาม ถัดจากนั้นเข้าชม
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่อยู่ใกล้เคียง การมี Roma pass นั้นมีข้อดีมากๆ อีกอย่างสำหรับการเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ชื่อดังต่างๆ ที่คนต่อแถวซื้อตั๋วยาวเหยียดคือสามารถผ่านได้เลยไม่ต้องรอคิวซื้อตั๋วนั่นเอง ภายในมหาวิหารคุณจะได้เยี่ยมชมโบส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตกแต่งภายในด้วยศิลปะในยุคฟื้นฟูวิทยาอย่างแท้จริง สิ่งที่ไม่ควรพลาดคือการขึ้นไปด้านบนสุดของโดมเพื่อชมทัศนียภาพอันสวยงามของนครรัฐวาติกัน
Photo by Giuseppe Milo from commons.wikimedia.org/wiki/File:Castel_Sant%27Angelo,_Roma,_Italia_(16346546165).jpg [CC by-sa 3.0]
ถัดจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์เดินข้ามสะพานด้านหน้าตรงบริเวณจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์เพื่อไปชม
ปราสาท Sant’Angelo หรือมหาวิหารของเฮเดรียน สุสานเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บนแม่น้ำ Tiber อันสวยงาม ภายในสามารถปีนขึ้นไปด้านบนเพื่อชมวิวทิวทัศน์อันงดงามของกรุงโรมได้ด้วย จากนั้นเดินเท้าไปประมาณ 20 นาทีตามริมฝั่งแม่น้ำ Tiber เพื่อไปยัง Piazza del Popolo ซึ่งเป็นที่ตั้งของประตูทางตอนเหนือของกรุงโรม มีถนนกลางคือ Via del Corso วิ่งตรงสู่ใจกลางโรมไปยัง Piazza Venezia ซึ่งเดิมทีเส้นทางนี้เป็นเส้นทางจากประตูด้านเหนือของกรุงโรมไปยัง
Roman Forum มีน้ำพุและสิ่งก่อสร้างมากมายในบริเวณ โดยจุดเด่นอยู่ที่ใจกลางของจัตุรัสที่เป็นอนุสาวรีย์ที่สืบทอดมาจาก Romeses II ซึ่งถูกนำมายังกรุงโรมตั้งแต่ ค.ศ. 10 จากนั้นไปเที่ยวชมความสวยงามของ
Spanish Steps บันได 135 ขั้นอันเป็นฉากโรแมนติกในหนังดัง Rome holiday แถมเป็นย่านช้อปปิ้งชื่อดังด้วย ต่อด้วย
Trevi Fountain น้ำพุสไตล์บาร็อคที่ใหญ่ที้สุดในโลกอันสวยงามที่เป็นจุดเด่นของโรม ผู้คนนิยมเที่ยวชมตลอดทั้งวัน น้ำพุเทรวี่นั้นตั้งแต่ในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 ได้มีความเชื่อเกี่ยวกับการโยนเหรียญลงในน้ำพุซึ่งจะทำให้ได้กลับมาที่โรมอีกครั้ง จากนั้นเดินเท้าเพียงเล็กน้อยไปที่วิหาร
Pantheon ซึ่งเป็นอาคารเก่าแก่กว่า 2000 ปี เป็นอาคารโรมันโบราณที่ได้รับการเก็บรักษาอย่างดีที่สุดในกรุงโรม และปิดท้ายทริปวันแรกด้วย
Piazza Navona จัตุรัสที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมบาโรกที่งดงาม จุดเด่นของจัตุรัสคือ Bernini น้ำพุกลางจัตุรัสซึ่งเป็นน้ำพุขนาดใหญ่แห่งแม่น้ำ Four Rivers ซึ่งมีตั้งแต่ปี ค.ศ. 1651 นอกจากนั้นยังเป็นพื้นที่ที่น่าสนใจด้วยสินค้า และการแสดงโชว์ต่างๆ ที่มีให้ชมบริเวณจัตุรัส และยังสามารถหามื้อค่ำรับประทานได้จากร้านอาหารและคาเฟ่มากมายในบริเวณนี้ด้วย
▌วันที่ 2
Photo by Diliff from commons.wikimedia.org/wiki/File:Colosseum_in_Rome,_Italy_-_April_2007.jpg [CC by-sa 3.0]
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว เริ่มต้นวันที่ 2 ด้วย
Colosseum ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะสนามประลองขนาดใหญ่ของเหล่ากลาดิเอเตอร์ในอดีตของโรมันที่สามารถบรรจุคนได้มากประมาณ 80000 คนเลยทีเดียว เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางทีได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งในโรม เสร็จแล้วไปชม
Roman Forum และ
Palatine Hill ซึ่งรวมอยู่ในแพ็กเกจเดียวกันกับ Colosseum เป็นบริเวณซากปรักหักพังซึ่งเคยเป็นความรุ่งโรจน์ของโรมันในอดีต ซึ่งกล่าวได้ว่าการมาเที่ยวกรุงโรมนั้นจะไม่ถือว่าเสร็จสมบูรณ์หสกไม่ได้เดินผ่านซากปรักหักพังเหล่านี้
Photo by Bert Kaufmann from commons.wikimedia.org/wiki/File:Foro_Romano_Forum_Romanum_Roman_Forum_(8043630550).jpg [CC by-sa 3.0]
พักทานมื้อเที่ยงและความเหน็ดเหนื่อยจากการเที่ยวชมบนเนินเขา
Palatine Hill ก็มาต่อกันที่
Mouth of Truth หรือ Bocca del Verita อย่าลืมใช้แขนของคุณยื่นเข้าไปในปากนี้และเซลฟี่เป็นที่ระลึก โดยเชื่อกันว่าปากรูปหินขนาดใหญ่นี้จะกัดแขนคนโกหก Mouth of Truth ตั้งอยู่ที่ประตูทางเข้า Santa Maria ในโบสถ์ Cosmedin ซึ่งคุ้มค่าแก่การไปเยือน จากนั้นตรงไปที่
Pyramid of Caius Cestius พีระมิดสไตล์อียิปต์เก่าแก่กว่า 2,000 ปี เป็นพีระมิดหินอิ่นสีขาวสูง 36 เมตร หนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดเพื่อแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างจากสุสานแบบคาทอลิกอื่นๆ ของกรุงโรม สุสานที่สวยงามนี้มีหลุมฝังศพของกวีชาวอังกฤษที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาลอย่าง Keats ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวัยหนุ่มที่กรุงโรม
Photo by Jastrow from commons.wikimedia.org/wiki/File:Facade_San_Giovanni_in_Laterano_2006-09-07.jpg [CC by-sa 4.0]
มาต่อกันที่อีกหนึ่งสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ของโรมันอย่าง
Baths of Caracalla ชาวโรมันนั้นชอบสร้างห้องอาบน้ำขนาดใหญ่ โดยที่นี่นั้นเป็นห้องอาบน้ำที่สามารถบรรจุคนได้ 1,600 คนในครั้งเดียว เป็นอาคารซับซ้อนที่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 62 เอเคอร์ คุณสามารถเดินไปมาบนกำแพงอันยิ่งใหญ่ สิ่งก่อสร้างที่ใช้อิฐจำนวนมากและการตกแต่งพื้นด้วยกระเบื้องโมเสก ก่อนจะปิดทริปวันที่ 2 ด้วย
St. John in the Lateran หนึ่งในวิหารที่สำคัญอีกแห่งของกรุงโรม แม้จะไม่ได้รับความนิยมเท่ากับมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์แต่ก็เป็นวิหารเก่าแก่แห่งหนึ่งที่สวยงาม เงียบสงบและผ่อนคลาย มีจุดเด่นคือ Lateran Obelisk อียิปต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตรงข้ามวิหารมีหอคอยสำหรับชมวิวซึ่งต้องเดินเท้าขึ้นเท่านั้น เสร็จจากการเที่ยวชม บริเวณใกล้เคียงสามารถหามื้อค่ำและไอศกรีมอร่อยไปทานสำหรับอีกหนึ่งวันที่ยอดเยี่ยมในโรมก่อนจะกลับไปพักผ่อน
▌วันที่ 3
Photo by Pierre-Selim Huard from commons.wikimedia.org/wiki/File:Roma_-_2016-05-21_-_Villa_Borghese_-_0697.jpg [CC by-sa 4.0]
เสร็จจากมื้อเช้าและเช็คเอ้าท์ให้เรียบร้อย ฝากกระเป๋าที่โรงแรมก่อนจะเริ่มไปเที่ยวชมกรุงโรม วันสุดท้ายเริ่มต้นที่
Borghese Gallery ที่ตั้งอยู่ในสวน Villa Borghese นอกใจกลางโรมไปตาม Appian way ของกรุงโรม อันเป็นที่ตั้งของคอลเลคชั่น Borghese คอลเลคชั่นงานศิลปะที่มีความสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงโรมกับชิ้นส่วนที่น่าทึ่งจาก Raphael , Bernini และ Caravaggio ที่นี่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่เปี่ยมไปด้วยผลงานชิ้นเอกที่จัดแสดงมากมาย และด้วยการจำกัดผู้เข้าชมเพียง 360 คนต่อรอบจึงช่วยให้ชมผลงานได้แบบสบายๆ ไม่แออัด เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาดของกรุงโรม จากนั้นมุ่งหน้าไปทางฝั่งตะวันตกของสวน มุมมองจาก
Villa Borghese Gardens จากระเบียงสามารถมองเห็น
Piazza del Popolo เป็นหนึ่งภาพที่น่าประทับใจสำหรับการเที่ยวชมกรุงโรม
Photo by Alessio Damato from commons.wikimedia.org/wiki/File:Galleria_borghese_facade.jpg [CC by-sa 4.0]
เสร็จแล้วนั่งรถกลับมาที่สถานี Termini สถานีขนส่งหลักของกรุงโรม หามื้อเที่ยงจากร้านอาหารมากมายในบริเวณนี้ จากนั้นมุ่งหน้าเพิ่อไปเที่ยวชม
National Roman Museum พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโรม เพื่อชมประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ที่เก่าแก่ยาวนานของโรมัน รวมไปถึงสมบัติเก่าแก่โบราณมากมายและสมบัติล้ำค่าของโรมันโบราณ นอกจากนั้นยังมีผลงานทางศิลปะที่แสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงทางศิลปะของโรมตั้งแต่ในยุคโรมันโบราณจนมาถึงปัจจุบันอีกด้วย
เสร็จจากการเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาติแล้วก็ได้เวลาเดินทางไปสนามบินโดยใช้ Leonardo Express จากสถานี Terminiไปสนามบินฟูมิชิโนเพื่อเดินทางกลับ จบทริป 3 วัน 2 คืนที่แสนประทับใจและเก็บที่เที่ยวสำคัญๆ ในโรมได้ครบด้วย